วิธีทำโฆษณา ใน9ขั้นตอนแสนง่าย

วิธีทำโฆษณา

ถ้าคุณอยากเรียนวิธีทำโฆษณาด้วยตัวเอง คุณมาถูกที่แล้วครับ

ถึงแม้ว่าบทความนี้จะเขียนมาเพื่อนักทำโฆษณามือใหม่ แต่มันก็จะช่วยรุ่นใหญ่เรียบเรียงความรู้ได้เหมือนกัน

แต่วิธีทำโฆษณาเริ่มยังไง?

ให้เริ่มจากการดูและวิเคราะห์ขั้นตอนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการทำโฆษณาครับ

โฆษณาคืออะไร

เรามาดูตัวอย่างข้างล่างกัน ภาพไหนคือโฆษณากันแน่นะ

คำตอบก็คือทุกภาพ!

ผมไม่ได้ลงภาพมาเพื่อทดสอบทุกคนหรอกครับ แค่อยากลงตัวอย่างโฆษณาให้ทุกคนดูว่ามันมีหลายแบบ

แต่โฆษณาประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

โฆษณาคือ สื่อทางเสียงหรือภาพที่เราสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดได้กับลูกค้าแบบกว้าง โดยที่มีเป้าหมายเพื่อการแนะนำสินค้า บริการ หรือไอเดียต่างๆ ผ่านทางช่องทางเช่น สื่อพิมพ์ โทรศัพท์ วิทยุ ทีวี หรือ อินเตอร์เน็ต

โฆษณามีหลายรูปแบบ แต่วันนี้ผมขออธิบายเรื่องสื่อสมัยใหม่ หรือก็คือการทำโฆษณาออนไลน์นั่นเอง

ตัวอย่างโฆษณาออนไลน์เป็นแบบนี้ครับ

บทความนี้จะเป็นคู่มือช่วยในการออกแบบ ป้าย ใบปลิว โบรชัวร์ วิดีโอ และสื่ออื่นๆในการทำโฆษณาออนไลน์

อย่างแรกเลย เรามาดูพื้นฐานกันก่อน

ทำโฆษณาออนไลน์ได้ด้วยเหรอ?

คนส่วนมากจะกลัว คิดว่าการออกแบบป้าย หรือใบปลิวต่างๆเป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งการมีผู้เชี่ยวชาญช่วยออกแบบให้มันก็ดีกว่าจริงๆ แต่เราก็สามารถเริ่มทำอะไรด้วยตัวเองได้ด้วย

ขอแค่คุณมีเครื่องมือที่พร้อม การออกแบบป้ายหรือภาพต่างๆเพื่อทำโฆษณาออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าทำโฆษณาออนไลน์ได้ด้วยเหรอ?

คำตอบก็คือใช่ และทำได้ง่ายผ่านทางเครื่องมือต่างๆ ที่สำคัญเครื่องมือพวกนี้ฟรีด้วย

ผมแนะนำเว็บ Canva.com ที่มีแบบการทำโลโก้และภาพต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญคือฟรีด้วย

canva.com

รูปแบบสื่อโฆษณาออนไลน์แบบไหนดีที่สุด

ถ้าคุณทำสื่อโฆษณาออนไลน์ ส่วนมากคุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง Format หรือขนาดของไฟล์เท่าไร

แต่ถ้าคุณอยากจะเอาสื่อพวกนี้ไปให้ลูกค้าดูนอกอินเตอร์เน็ตด้วย ยกตัวอย่างเช่นการส่งไปทางอีเมล์ หรือการสร้างลิงค์ให้ลูกค้าดาวน์โหลด คุณอาจจะต้องคิดถึงรูปแบบไฟล์ของคุณ

ไฟล์ HTML5 สามารถเปิดผ่าน internet browser ทุกชนิดได้ แต่ลูกค้าคนไทยอาจจะไม่ชินกัน

หรือจะใช้ไฟล์แบบ PDF เพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นก็ได้ ลูกค้าอาจจะต้องมีโปรแกรมที่เปิด PDF แต่มือถือและคอมส่วนมากก็มีโปรแกรมพวกนี้อยู่แล้วครับ

หรือถ้าเป็นภาพนิ่งและไฟล์เล็กๆ บางคนก็แจกเป็นไฟล์ .JPEF หรือ .PNG แทนครับ

วิธีทำโฆษณาและวิธีทำให้โฆษณาออกมาดี

ผมได้อธิบายเรื่องโฆษณานานแล้ว ทีนี้เรากลับมาคุยกันเรื่องวิธีทำโฆษณากันครับ

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนทำโฆษณาก็คือ

  1. การทำ SWOT ของสินค้าและบริษัทคุณ
  2. การตั้งเป้าหมายของการทำโฆษณา
  3. ศึกษาตลาด คู่แข่ง และ กลุ่มลูกค้า
  4. การตั้งกลุ่มเป้าหมายลูกค้า
  5. เลือกช่องทางทำโฆษณา
  6. การหาไอเดียทำโฆษณา
  7. การออกแบบ
  8. การปล่อยโฆษณา
  9. การวัดผล

1. การทำ SWOT ของสินค้าและบริษัทคุณ

การวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง-โอกาสอุปสรรค ของสินค้าและธุรกิจคุณเป็นจุดเริ่มต้นของการทำโฆษณาเลยครับ

ซึ่งนักบริหารและนักการตลาดทั้งหลายจะเรียกเครื่องมือวิเคราะห์นี้ว่า การทำสวอต (SWOT Analysis)

แน่นอนว่าเราควรเริ่มจากการวิเคราะห์จุดแข็งของบริษัทและสินค้า (S – Strength)

อะไรคือสิ่งที่ทำให้สินค้าและบริษัทเราเด่น และอะไรคือจุดที่โฆษณาเราควรจะพูดถึง

ยกตัวอย่างเช่น คุณมีฐานลูกค้าที่รักในสินค้าคุณมาก คุณมีทรัพยากรเยอะ พนักงานคุณมีความตั้งใจในการบริการ จุดแข็งทั้งหมดที่คุณคิดได้จะเป็นตัวเลือกที่คุณสามารถหยิบมาใช้ได้ในแต่ละแคมเปญ

หลังจากนั้นให้ทำการวิเคราะห์จุดอ่อนและโอกาสในการทำโฆษณาของเราต่อ ‘โอกาส’ ก็เป็นจุดสำคัญมากเพราะ ‘โอกาส’ เป็นจุดที่จะช่วยคุณตั้งเป้าหมายของโฆษณา (W – Weakness และ O – Opportunity)

และสุดท้ายการศึกษาเรื่องอุปสรรค (T – Threat) จะบอกคุณว่ามีคู่แข่งหรือปัจจัยภายนอกอย่างอื่นที่ต้องกังวลไหม

หากใครสนใจเรื่องการวิเคราะห์ SWOT สามารถอ่านบทความผมเพื่อได้ที่นี่นะครับ SWOT คือวิธีวิเคราะห์ จุดอ่อนจุดแข็ง-โอกาสอุปสรรค

2. การตั้งเป้าหมายของการทำโฆษณา

เป้าหมายในการทำการตลาดของคุณคืออะไร คุณทำโฆษณานี้เพื่ออะไร และ เป้าหมายพวกนี้เป็นไปได้ไหม

คุณควรประเมินความเป็นไปได้ของเป้าหมายพวกนี้ด้วย และตอบคำถามด้วยตามความจริง

เป้าหมายที่ดีควรจะวัดได้นะครับ ยกตัวอย่างเช่น

  • เพิ่มยอดขาย X บาทต่อเดือน
  • เพิ่มจำนวนคนทักไลน์เข้ามา Y คนต่อเดือน
  • เพิ่มจำนวนลูกค้า Z คนต่อเดือน

เป้าหมายที่คุณตั้งใว้ตอนนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าขั้นตอนต่อไปของคุณคืออะไร

3. ศึกษาตลาด คู่แข่ง และ กลุ่มลูกค้า

หากคุณใช้เวลาช่วงตอน SWOT เยอะขึ้นตอนนี้จะง่ายมากครับ

โฆษณาที่ดีมาจากการเข้าใจ ตลาด เข้าใจคู่แข่ง และเข้าใจลูกค้า

ตลาดตอนนี้ต้องการอะไร สนใจอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า? ให้คุณลองศึกษาว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง และในอนาคตจะมีอะไรที่น่าจะเปลี่ยนอีกหรือเปล่า

จุดยืน (Positioning) ในตลาดของคุณคืออะไร และจุดยืนของคู่แข่งคืออะไร? ถ้าคู่แข่งมีวิธีทำโฆษณาที่ดี คุณจะสามารถเรียนรู้จากคู่แข่ง (โดยที่ไม่ลอก) ได้มั้ย? ผมคิดว่าโฆษณาที่ดีต้องแตกต่างและทำให้ลูกค้ารู้สึก ‘ใหม่’ เสมอ

ความ ‘ใหม่’ จะทำให้ลูกค้าอยากซื้อมากขึ้น

แต่ก่อนที่จะสร้างโฆษณาที่ดี คุณต้องเข้าใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นภาษาที่เค้าใช้ วิธีการพูด หรือแม้แต่นิสัยต่างๆ เค้าเป็นคนแบบไหน ใช้มือถือยีห่ออะไร มีฐานะระดับไหน และใช้เวลาออนไลน์บ่อยแค่ไหน นิสัยการซื้อของเป็นยังไง

4. การตั้งกลุ่มเป้าหมายลูกค้า

ใครคือคนที่จะสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณ?

การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยคุณในการทำแคมเปญการตลาด เพราะถ้าเราอยากจะทำโฆษณาที่ลูกค้าชอบ เราก็ต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าชอบอะไรใช่ไหมครับ

ยกตัวอย่างเช่น สินค้าเสื้อผ้าเด็กที่คนไทยนิยมขายกัน แน่นอนว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายคุณคือคุณพ่อคุณแม่ หรือแม้แต่คุณตาคุณยายทั้งหลาย คุณไม่จำเป็นต้องทำโฆษณาให้วัยรุ่น เด็ก หรือคนโสดดูก็ได้ รูปแบบของโฆษณาและวิธีเขียนของคุณ หรือถ้าคุณจะไปจ้าง Influencer มาช่วยโฆษณา คุณก็ต้องดูด้วยว่าคนที่จ้างมาเหมาะกับกลุ่มลูกค้าหรือเปล่า

แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายขึ้นอยู่กับสินค้าและบริษัท เพื่อที่จะช่วยหากลุ่มเป้าหมายที่ดีที่สุดได้ ให้ลองตอบคำถามเหล่านี้ดูครับ

  • ข้อความที่เราอยากจะสื่อออกไปเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าแบบไหน (ยกตัวอย่าง อายุ, เพศ)
  • ฐานะของกลุ่มเป้าหมายเราอยู่ในระดับไหน
  • กลุ่มลูกค้าเราอายุน้อยและมีความสามารถในการจ่ายหรือเปล่า
  • กลุ่มลูกค้าเราทำงานประเภทอะไรเป็นพิเศษไหม
  • กลุ่มลูกค้ามีอายุหรือเปล่า
  • ระดับการศึกษาเท่าไร
  • อาศัยอยู่ที่ไหน
  • กลุ่มลูกค้าเรามองบริษัทคู่แข่งว่ายังไงบ้าง

คำถามมีเยอะมากครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากลงรายละเอียดเยอะแค่ไหน

หากคุณได้ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ดีพอแล้วก็เริ่มขั้นตอนต่อไปได้เลย

5.  เลือกช่องทางทำโฆษณา

การออกแบบโฆษณาของคุณก็เรื่องหนึ่งแต่ การหาช่องทางที่จะปล่อยโฆษณาออกไปก็อีกเรื่องเลยครับ

คุณน่าจะรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าที่คุณเลือกมาในขั้นตอนที่แล้วอยู่ที่ไหนมากที่สุดและช่องทางการตลาดแบบไหนถึงจะดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่นถ้ากลุ่มลูกค้าของคุณส่วนมากอยู่ใน social media เยอะคุณก็ควรจะลงโฆษณาทาง Facebook หรือ Instagram เป็นต้น

เลือกช่องทางการตลาดก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องวิธีทำโฆษณา ถ้าคุณรู้แล้วว่าอยากทำโฆษณาลง Facebook คุณก็ยังไม่ต้องกังวลวิธีทำภาพให้เหมาะกับ Google เป็นต้น

ผมคิดว่าก่อนที่จะเริ่มทำโฆษณาให้ลองคำนวณ ค่าใช้จ่าย วิธีทำโฆษณาแล้วจำนวนลูกค้าที่คุณสามารถเข้าหาได้ก่อนครับ ไม่อย่างนั้นงานคุณจะเยอะเกิน ค่อยๆเลือกค่อยๆทำ

6.  การหาไอเดียทำโฆษณา

หลังจากที่คุณรวบรวมข้อมูลลูกค้าและหาช่องทางการทำโฆษณาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะร่างแบบโฆษณาของคุณ แต่ยังไม่ต้องเริ่มออกแบบนะครับ แค่รวมรวมข้อมูลและร่างก่อน

ข้อจำกัดแรกของคุณก็คือ ช่องทางโฆษณาของคุณต้องออกมาในรูปแบบไหน หน้าตาเป็นยังไง ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณจะทำภาพลงโฆษณาFacebook คุณก็ไม่สามารถใส่ ‘คำพูด’ บนภาพได้เกิน 25% เป็นต้น

ให้จดคำพูด คำเปรย หรือไอเดียต่างๆออกมา นำไอเดียทั้งหมดมารวบรวมกันจนกว่าคุณจะได้สิ่งที่ต้องการเช่น

  • Call to action (การเรียกหรือกระตุ้นลูกค้า)
  • คำพูดต่างๆ
  • ภาพร่างของโฆษณา

7.  การออกแบบ

การออกแบบคือส่วนที่ยากที่สุดของการทำโฆษณา ทุกขั้นตอนที่ผ่านมาคือการเตรียมข้อมูลสำหรับการออกแบบโฆษณา และวิธืที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณออกมา ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่างๆเช่น ป้าย ใบปลิว โบรชัวร์เป็นต้น

นำไอเดียภาพร่างต่างๆที่คุณทำมาในขั้นตอนที่แล้วมาวิเคราะห์ดูว่าจุดไหนเหมาะที่จะมาทำภาพโฆษณาเบื้องต้น หากคุณต้องจ้างคนออกแบบก็ให้หาคนที่สามารถแก้งานได้เรื่อยๆ หรือถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเซ้นด้านนี้เลยก็พิมพ์รูปออกมาให้คนอื่นดูให้ก็ได้ครับ

สิ่งที่สำคัญคือ คนที่คุณหามาต้องเข้าใจว่าลูกค้าคุณชอบแบบไหนกันแน่ ไม่ใช่คิดแต่ว่างานแบบไหนไม่ดีในสายตาเขา

หากคุณคิดไอเดียไม่ออก ผมแนะนำให้หาสินค้าที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคุณใช้บ่อยๆแล้วนำมาเป็นไอเดียในการออกแบบครับ ลอง Google รูปภาพตัวอย่างโฆษณาดูก็ได้

8.  การปล่อยโฆษณา

หลังจากที่คุณออกแบบเสร็จแล้วก็จะถึงขั้นตอนการปล่อยโฆษณาออกไปให้โลกเห็น

ก่อนที่จะปล่อยโฆษณา ให้ตั้งงบไว้ก่อนนะครับ โฆษณาสมัยก่อนเราจ่ายเงินก่อนแล้วค่อยซื้อพื้นที่ลงป้ายเลยทำให้คุมงบง่าย แต่สมัยนี้ถ้าทำบน Facebook Google แล้วโอกาสปล่อยให้งบบานปลายมีเยอะมาก

คำแนะนำของผมเวลาทำการตลาดออนไลน์คือให้ตั้งงบไว้น้อยๆก่อนแล้วปล่อยให้โฆษณาวิ่งซัก 3-4 วันแล้วค่อยกลับมาดูผลประกอบการ ถ้าเราเปิดเร็วไปบางที Facebook Google เค้าวิเคราะห์ข้อมูลไม่ทัน

โฆษณาออนไลน์ส่วนมากจะสามารถเลือกได้ว่าเราอยากให้กลุ่มเป้าหมายแบบไหนดู เช่น อายุ เพศ เครื่องมือถือที่ใช้ เป็นต้น

ถ้าคุณได้วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายดีแล้ว ขั้นตอนการเลือกกลุ่มเป้าหมายจะไม่ยากเลยครับ

9.  การวัดผล

 การวัดผลก็สำคัญพอๆกับการทำโฆษณาเลย

สมัยนี้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าชอบโฆษณาเรามากแค่ไหน และการทำโฆษณารอบนี้ประสบความสำเร็จหรือเปล่า

ให้นำข้อมูลพวกนี้มาวิเคราะห์ต่อว่าควรจะทำการตลาดแบบไหนต่อ และดูว่ากลุ่มลูกค้าไหนบ้างที่ตอบรับคุณดีที่สุด

วิธีทำโฆษณาคือทั้งศาสตร์และศิลป์

เวลาที่เราคิดเรื่องออกแบบโฆษณา ภาพที่อยู่ในหัวก็ของจริงที่ออกมามันไม่เหมือนกันหรอกครับ แล้วขั้นตอนก็ไม่ได้สั้นง่ายแค่การออกแบบแล้วยิงโฆษณาแน่นอน

งานทุกอย่างมันมีขั้นตอนของมันอยู่ หากคุณสามารถทำตามระบบที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าวางมาให้ได้ ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นมาก และนั่นก็แปลว่าคุณต้องทำความเข้าใจหลักการตลาดและพื้นฐานการทำโฆษณาให้ดีก่อนที่จะเริ่มทำแคมเปญของคุณ

ศิลป์ของการสร้างโฆษณาเริ่มมาจากศาสตร์ของการวิเคราะห์ข้อมูลและความต้องการลูกค้าทั้งนั้น สินค้าของเราดีแค่ไหน เหมาะกับลูกค้ากลุ่มไหนกัน

ยิ่งเราทำการบ้านมาเยอะและเตรียมข้อมูลมาดีในตอนแรก ขั้นตอนหลังๆของเราก็จะสบายง่ายขึ้นมาก เราจะรู้ว่าเราต้องทำอะไรบ้างในทุกขั้นตอนและสามารถวัดผลของทุกการกระทำได้

ยุคการตลาด 4.0 คือการตลาดที่สามารถวัดผลได้จริง และคุณก็จะมีเครื่องมือหลากหลายเพื่อช่วยในแต่ละขั้นตอน

สำหรับคนที่เคยทำการตลาดโฆษณา คุณได้ใช้เวลากับขั้นตอนไหนมากสุดครับ? หรือถ้าคุณเป็นมือใหม่ที่ยังไม่เคยทำโฆษณา คุณมีขั้นตอนไหนที่คิดว่าเริ่มยากเกินไปไหม? คอมเม้นกันได้ข้างล่างเลยครับ

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด