ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบุคลิกภาพเป็นจิกซอว์สำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพใด ซึ่งวันนี้เราจะพามาพบกับบุคลิกภาพของนักขายที่แตกต่างออกไปจากกลุ่มอาชีพอื่น ๆ
ดังนั้นใครที่วางแผนจะประกอบอาชีพนี้หรือกำลังทำอยู่มาเช็กกันเลยว่าคุณมีคุณสมบัติของนักขายที่ดีกี่ข้อ เพื่อการพัฒนาบุคลิกภาพอย่างรอบด้าน หากพร้อมแล้วมาเริ่มต้นกันเลย
บุคลิกภาพของนักขาย ตัวตัดสินความสำเร็จ
อาชีพนักขายเรียกได้ว่าสำคัญกับองค์กรอย่างยิ่งเพราะเป็นฝ่ายที่เข้าหาลูกค้า นำพารายได้เข้ามาสู่องค์กร ไม่ว่าบริษัทแห่งไหนก็ต้องการผู้ที่มีบุคลิกภาพของนักขายที่ดีอันเป็นส่วนสำคัญให้องค์กรประสบสำเร็จ มาดูกันดีว่าว่าบุคลิกเหล่านั้นจะสามารถแบ่งออกได้กี่ประเภท
1. บุคลิกภาพภายนอก
ภายอกหมายถึง รูปลักษณ์ไม่ว่าจะการแต่งกาย หน้าตา วิธีการสื่อสาร ซึ่งสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
2. บุคลิกภาพภายใน
บุคลิกภาพภายใน คือ ลักษณะนิสัยหรือความรู้สึกภายในที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อมีการปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดจะสามารถทราบได้ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความฉลาด ความซื่อสัตย์ ความมั่นใจ เป็นต้น
เช็กลิสต์ 8 บุคลิกภาพของนักขายที่จะพาคุณไปสู่เส้นชัย
มาเช็กกันเลยว่าส่วนประกอบที่สำคัญของนักขายที่ควรมีคืออะไรบ้าง เชื่อว่าทุกคนมีบางอย่างในตัวอยู่แล้ว ส่วนที่ยังขาดก็สามารถต่อเติมได้แน่นอน พร้อมแล้วมาดูกันเลย
1. บุคลิกภายนอกสร้างความประทับใจได้
แน่นอนว่าในชีวิตประจำวันเราไม่ได้ตัดสินกันที่หน้าปก แต่ในการประกอบอาชีพไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเรื่องรูปลักษณ์นั้นสำคัญอย่างยิ่งเพราะสามารถสร้างความประทับใจและความน่าเชื่อถือขององค์กรได้ หากใส่รองเท้าแตะ กางเกงขาก๊วยไปคุยกับลูกค้าคงจะแปลกไม่น้อยใช่ไหมล่ะ
ดังนั้นควรแต่งกายแบบตรงกาลเทศะมีรสนิยม แต่งหน้าบ้าง ซึ่งต้องพิจารณาอีกทีว่าลูกค้าคือใคร นอกจากนี้เรื่องการใช้น้ำเสียงก็ต้องให้ความสนใจเพราะสามารถทำลายความน่าเชื่อถือได้ เช่น การพูดอ้อมค้อม กำกวม การพูดคำแสลง เป็นต้น
2. ความคิดริเริ่มก่อนลงมือ
สำหรับคุณสมบัติของนักขายที่ดีจะไม่รอให้โอกาสวิ่งเข้าหา เมื่อไหร่ที่ว่างพวกเขาจะพยายามหาลูกค้าเองแม้จะไม่มีคอนเน็กชัน ความคิดริเริ่ม (Initiative) จะช่วยให้การขายคืบหน้า (Proactive) เพราะจะมีการเฟ้นหากลุ่มลูกค้าและติดต่อไป แถมในช่วงที่พรีเซนต์งานแล้วจะไม่นั่งรอลูกค้าติดต่อกลับมาอย่างสบายใจ ท้ายที่สุดการขายนั่นก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าคนที่นิ่งเฉย
3. มีไหวพริบดี
บุคลิกภาพของนักขายข้อนี้สำคัญไม่น้อย เพราะหากเข้าไปอยู่ในสถานการณ์กระอั่กกระอ่วนใจ เหมือนลูกค้าปิดรับและไม่ต้องการดีล ผู้ที่มีไหวพริบ (Resourceful) จะสามารถพลิกเกมได้ ลองเปลี่ยนเป็นตั้งคำถามและทำให้ลูกค้ามองเห็นประโยชน์ของสินค้าหรือบริการและเปิดใจ ซึ่งควรเรียนรู้เรื่องจิตวิทยาและการสังเกตสีหน้าท่าทางลูกค้าเพื่อให้รับมือได้ทุกสถานการณ์
4. ผู้ฟังที่ดี
การขายไม่ใช่เพียงแต่พูดอย่างเดียว ต้องฟังลูกค้าอย่างตั้งใจและจับใจความสิ่งที่พูดออกมาให้เข้าใจ คุณสามารถเก็บข้อมูลเพื่อใช้เตือนความจำ ไม่แน่ว่าอาจจะเจอสิ่งมี่ต้องการอยู่ภายในของลูกค้าก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าใช้แอร์แบบธรรดา โดยคุณจะสามารถวิเคราะห์ได้แล้วว่ามีข้อเสียยังไง เช่น คาไฟ่แพง จึงนำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์กลับไปอย่างแอร์รุ่นใหม่ที่ช่วยให้เซฟค่าไฟได้มากกว่า
5. การสื่อสารผ่านสายตา
หลายคนอาจเป็นคนขี้อายหรือไม่กล้าที่จะสบตาคนอื่นเวลาพูด แต่รู้หรือไม่ว่าการสื่อสารทางสายตา (Eye Contact) นั้นส่งข้อมูลได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะจะเผยความมุ่งมั่นจริงใจแต่อย่าจดจ้องลูกค้าเกินไปเพราะจะสร้างความอึดอัดได้เช่นกัน ดังนั้นจงชำเลืองเป็นช่วง ๆ
6. ตั้งคำถามอย่างชาญฉลาด
การตั้งคำถาม (Ask Question) สามารถสร้างความต้องการของลูกค้าได้ การถามอย่างชาญฉลาดก็คือการถามให้สอดคล้องกับจุดเด่นของสินค้าหรือบริการของคุณ จากนั้นเป็นผู้ฟังที่ดีจับใจความให้ได้อาจจะพบกับปัญหาของลูกค้าดังเช่นข้อ 4. แต่ถ้าไม่พบก็ไม่เป็นไรเพราะอาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าชีวิตสามารถดีขึ้นได้เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณ เนื่องจากการเป็นผู้พูดอย่างฝ่ายเดียวอาจจะไม่ได้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องซื้อขนาดนั้น
7. มีความเพียรพยายาม
หากถามว่าความเพียรพยายามคืออะไร สำคัญต่อบุคลิกภาพของนักขายอย่างไร ขอบอกเลยว่าจะทำให้คุณไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคถึงแม้ว่าจะดูเป็นเรื่องยากก็ตาม เพราะในโลกของความเป็นจริงมีคู่แข่งระดับท็อป ๆ อยู่เพียบ ยกตัวอย่างเช่น คุณรู้สึกว่าในตลาดมีเจ้าที่ราคาดีกว่าแล้วก็เริ่มถอดใจ ในทางตรงกันข้ามหากพยายามเอาใจใส่ลูกค้าและเอาชนะด้วยตัวตนจะมีโอกาสมากกว่า ดีกว่าเป็น 0 เลย
8. เข้าถึงง่าย
เพราะบุคลิกภาพของนักขายข้อนี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเปิดใจมากขึ้นและไม่รู้สึกในแง่ลบ บางคนที่มีอีโก้สูงเข้าถึงยากจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ยาก แถมทำงานกับเพื่อนร่วมงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นอยากเป็นที่รักใครของลูกค้าหรือคนในองค์กรเองก็ต้องไม่วางอำนาจบาทใหญ่ เข้าถึงง่าย คุยได้กับทุกคน