ถ้ารวมระหว่าง Facebook TikTok Website และ YouTube ผมสร้างคอนเทนต์ไปทั้งหมดมากกว่า 600 คอนเทนต์ในปีนี้นะครับ ในวิดีโอนี้ผมจะมาสอนว่าวิธีคิดไอเดียสร้างคอนเทนต์ต้องทำยังไง
สิ่งแรกที่ต้องรู้ก็คือ Content แต่ละอย่างมีประโยชน์ไม่เหมือนกันนะครับ ยกตัวอย่างเช่น 1) การทำ Content ที่คนค้นหาได้ง่าย (Seachable) เพื่อจะให้จัดอันดับบน Google หรือว่าบน Youtube 2) Content ให้ความรู้ ที่เอาไว้ยื่นให้กับลูกค้าเพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเรารู้จริงเกี่ยวกับสินค้า แล้วก็ 3) Content การขาย
ในแต่ละวิธีผมจะบอก อีกทีว่าวิธีการคิด Content แต่ละอย่าง สามารถใช้สร้าง Content แบบไหนได้บ้าง
5 วิธีคิดคอนเทนต์ (ไอเดียไม่มีวันหมดอีกต่อไป)
#1 Content ที่คนค้นหา
ถ้าเราไปใน Google หรือในช่องค้นหาของ YouTube แล้วเราเริ่มพิมพ์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเราลงไป Google กับ YouTube ก็จะแนะนำคำค้นหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นมา
วิธีนี้เป็นการคิด Content ที่ผมใช้บ่อยที่สุดในตอนแรก เวลาเราเริ่ม Social ใหม่ๆเราเรื่องธุรกิจใหม่ๆ เนื่องจากว่าเราไม่ได้เป็นคนดังมีคนรู้จักอยู่แล้ว เราก็ควรทำหัวข้อที่คนส่วนมากรู้เรื่อง หรือ ให้ความสนใจกัน พูดง่ายๆก็คือทำเกี่ยวกับเรื่องที่คนมีปัญหาอยู่แล้วต้องการที่จะหาคำตอบหรือหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้
ซึ่งก็คือการหาไอเดียทำ Content ที่มีคนค้นหากันนั่นเอง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ครับ)
#2 คําถามที่คนถามบ่อยใน Pantip และ Facebook
Content แนวนี้ผมทำหลายทีแล้ว ส่วนมากมักจะเป็น Content ที่มีกระแสตอบรับดีในโลกโซเชียลต่างๆ ก็คือเราสามารถใช้ทำเป็นโพสต์ใน Facebook ก็ได้ ทำเป็นวีดีโอใน Tiktok ก็ได้ จะทำเป็นแนวไหนก็มักจะมีคนแชร์เสมอ
วิธีแรกก็คือการเข้าไปอยู่ในห้อง Pantip ที่เกี่ยวกับหัวข้อหลักของคุณ หรือจะค้นหาใน Google ด้วยคำค้นหาต่างๆ แล้วลงท้ายด้วย Pantip เช่น ‘วิธีเลี้ยงลูก Pantip.com’ หรือ ‘ทำชานมไข่มุก Pantip.com’
อีกหนึ่งวิธีก็คือการไปขอร่วมเข้ากลุ่ม Facebook ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อคุณ ยกตัวอย่างเช่น กรุ๊ปคนชอบวิ่ง กรุ๊ปนักลงทุน กรุ๊ปคนชอบดำน้ำ
เวลาเราไปอยู่ในกรุ๊ปแบบนี้ส่วนมากเรามักจะได้เห็นคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา ในฐานะคนที่อยู่ในกรุ๊ปนานๆก็อาจจะเบื่อที่ต้องมานั่งตอบคำถามเดิมซ้ำไปซ้ำมา แต่ในฐานะคนทำ Content ผมคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นการคิดไอเดียที่ดีมากๆเลย เหมือนกับว่ามือใหม่หลายคนจะมีปัญหากับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเขาก็จะให้ความสนใจ Content เราถ้าเราทำ Content แนวนี้ขึ้นมา
#3 Content เกาะกระแส
จริงๆวิธีหากระแสในรูปแบบการทำ Content มีหลายวิธีนะครับ ยกตัวอย่างเช่น YouTube หรือว่า Google น่ะเขาก็มีเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหา Content เกาะกระแสอยู่
แต่วิธีที่ผมคิดว่าผมทำตามได้ง่ายกว่าก็คือการเล่น Social Media พูดง่ายๆก็คือทุกวันนี้ผมก็เล่น TikTok เล่น Facebook อยู่แล้วครับ หลายๆครั้งที่เราก็จะเห็นว่าช่วงนี้มันมีหนังดีที่คนพูดถึงเยอะ มีข่าวดาราต่างๆ หรือมีกระแสตลกๆ
ถ้าจะมองในรูปแบบการทำสื่อนะครับ คนแรกที่เป็นคนเกาะกระแสได้ก่อนก็จะเป็นผู้ชนะ (เข้าถึงคนได้มากสุด) แต่ถ้าคุณเป็นเพจเล็กๆ บางทีเราก็ไม่ได้มีทีมคิด Content ที่ทำงานตลอดเวลา ไม่ได้มีทีมกราฟิกที่จะมาเปิดไอเดียเจอตอน 22:00 น แล้วก็ทำภาพออกมาได้เลย (หรือถ้าทำก็จะเหนื่อยมากๆ)
ในมุมมองผม ถ้าเราเป็นตัวเล็กๆ ผมคิดว่าเราควรจะแบ่งเวลาสัก 30 นาทีต่อวัน เพื่อนเล่น social เพื่อหากระแสต่างๆ แล้วก็หาวิธีทำกระแสนี้มาในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง อาจจะเป็นการวิเคราะห์ในมุมมองของคุณ การสรุปในวิธีการเล่าเรื่องของคุณ หรือว่าการนำกระแสต่างๆมาปรับให้เหมาะกับสินค้าที่คุณกำลังขาย
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ทุกกระแสนะครับที่จะเอามาผูกกับเนื้อหาหลักของคุณได้ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าการเกาะกระแสเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการทำ Social แต่เนื่องจากว่าผมไม่ใช่คนที่หัวไวปรับตัวให้เหมาะกับกระแสได้เก่ง แล้วก็ไม่ได้สามารถผลิตโพสต์ออกมาได้เร็วแบบกราฟิกขั้นเทพ ผมก็จะใช้เวลานานหน่อยในการหากระแสที่เหมาะสำหรับตัวผมจริง
#4 การเอา Content เก่ามาเล่าใหม่
เราจะเห็นวิธีการทำ Content แบบนี้บ่อยในโลกธุรกิจ สมมุติว่าคุณมี 1 Key Message (ข้อความหลัก) ที่คุณอยากจะบอกกับผู้คนนะครับ Content ที่ตรงไปตรงมาที่สุด ก็คือ Content แนวเล่าข้อดีหลักโดยตรง เช่น 3 ข้อดีของการดื่มน้ำเปล่าที่คุณควรรู้
แต่ในโลกของการสื่อสาร เราสามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆเพื่อสามารถสื่อสารเรื่องเดิมได้มากกว่าเดิม โดยเราจะแบ่งออกมาเป็น 2 วิธีคือ 1) เปลี่ยนรูปแบบสื่อการอธิบาย และ 2) เปลี่ยนวิธีการอธิบาย
ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าผมมีการเขียนโพสต์อธิบาย 3 ข้อดีของการดื่มน้ำ ลงไปในเพจ Facebook ผมแล้ว ถ้าจะให้ผมเปลี่ยนรูปแบบสื่อ ผมก็สามารถทำเป็นบทความ วีดีโอสั้น วีดีโอยาว Infographic ได้ เนื้อหา Content ผมเหมือนเดิมเลยแต่ว่าผมเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ
และเราก็สามารถเก็บ Key Message อันเดิมเก็บไว้ได้ คือเราอยากจะสื่อสารว่าเรามี 3 ข้อดีนะ แต่เราก็เปลี่ยนวิธีการอธิบายได้ด้วยเช่นเดียวกัน หากหัวข้อแรกเป็นการอธิบายข้อดีแบบพูดตรงๆ ดื่มน้ำแล้วดีไม่คอแห้ง ดีต่อสุขภาพ วิธีการอธิบายที่สามารถทำให้ต่างๆได้ง่ายๆก็คือ 1) การพูดตรงๆ 2) การเล่าเรื่อง 3) ยกตัวอย่าง 4) การรีวิวจากลูกค้า 5) การสัมภาษณ์คนอื่น
พาร์ทนี้สำคัญมากนะครับ เป็นสิ่งที่นักการตลาดที่ทำสื่อหลายคนจะเล่นกันเยอะมาก พอเวลาเราอยากจะสร้างแบรนด์ เราก็มักจะมี Key Message อยู่ 2-3 อันใช่ไหมครับ ในส่วนนี้เราก็ต้องเล่นกับสื่อการอธิบายแล้วก็วิธีการอธิบาย
เพราะอย่าลืมว่าการให้คนสามารถจดจำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เราต้องคีย์ข้อความเดิมซ้ำไปซ้ำมาให้กับเขาจนเข้าใจ แต่ชั้นเชิงการสื่อสารเรื่องเดิมๆข้อความเดิมให้คนไม่เบื่อ ก็คือหน้าที่ของคนสร้าง Content นั่นเอง
#5 การรับฟังผู้ติดตามหรือลูกค้า
พอคุณทำตามขั้นตอนที่ 1 หรือ 2 มาในระดับหนึ่งเราก็จะเริ่มมีผู้ติดตามครับ ผมคิดว่าพอเป็นผู้ติดตามหลักพันคนที่ชอบในตัวคุณจริงๆ หรือจะเป็นระดับหลักหมื่นคนก็ได้ คุณก็จะเริ่มมีคนมาคอมเม้นบ้างแล้วว่าชอบหัวข้อแนวนี้ชอบ Content แนวนี้ หลังจากนั้นการหาไอเดียทำ Content ก็จะเริ่มง่าย
ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คือสมมุติควรเป็นธุรกิจที่ขายของอยู่ สมมติกำลังขายคอร์สเล่นโยคะ พอคุณสอนทำโยคะไปเรื่อยๆแล้ว คุณก็จะเริ่มรู้ใช่ไหมครับว่าท่าโยคะอันไหนคนทำตามได้ยากหรือว่าคนไม่ค่อยเข้าใจ
ในส่วนนี้ก็คือเราก็ต้องคิด Content ที่ดีออกมาเพื่อสอนคนเหล่านี้ เป็นวิธีการเอาปัญหาที่มีอยู่แล้วในตลาดหรือว่าปัญหาที่มีอยู่แล้วในกลุ่มลูกค้าเรา แล้วปรับเอามาเป็น Content เพื่อดึงดูดความสนใจคน