ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในบริษัทที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคนทั่วโลกในสมัยนี้ก็คือ Facebook ซึ่งก็ถือว่าเป็นแพล็ตฟอร์มที่ใช้ในการเชื่อมคนทั่วโลกให้สามารถเข้าถึงกันได้ง่ายนิดเดียว และ Facebook นี้เองก็เปิดโอกาสให้คนทั่วไปและบริษัทต่างๆสามารถสื่อสารกันได้ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า Facebook คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
Facebook คืออะไร
Facebook คือโซเชียลมีเดียที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเพื่อนและครอบครัวได้ง่าย และสามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และความคิดเห็นของบุคคลหรือตัวตนอื่นๆได้ง่ายมากขึ้น Facebook มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากถึง 3 พันล้านคน
สำหรับคนทั่วไป Facebook ก็คือเครื่องมือที่ใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนและติดตามข่าวสาร แต่ในขณะเดียวกันสำหรับองค์กรหรือธุรกิจต่างๆ Facebook ก็เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและทำโฆษณาได้ด้วยเช่นกัน รูปแบบการทำธุรกิจแบบนี้ถูกเรียกว่า ‘ธุรกิจตัวกลาง’
ซึ่งค่าโฆษณานี่เหล่ะที่เป็นช่องทางสร้างรายได้หลักของ Facebook และเป็นเหตุผลที่ทำให้ Facebook ถึอว่าเป็นบริษัทที่รวยและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก
แน่นอนว่าคนทั่วไปก็สามารถสื่อสารหรือรับฟังข่าวสารจากผู้อื่นบน Facebook ได้ง่าย โดย Facebook นั้นอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถเขียน ลงรูปภาพ ลงวีดีโอ ไลฟ์สด หรือแม้แต่ส่งข้อความหากันเป็นส่วนตัว
และในฐานะเว็บไซต์ตัวกลางที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างคนทั่วโลกแล้วก็ธุรกิจหลากหลายชนิด เราก็ต้องมาดูกันว่า Facebook มีประโยชน์อย่างไรบ้างสำหรับผู้ใช้งานและสำหรับธุรกิจ
Facebook มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
เนื่องจากว่า Facebook เป็นตัวกลางที่มีผู้ใช้งานและบริษัทหลากหลายอยู่เยอะมาก ในส่วนนี้เราก็ต้องแยกประโยชน์ของ Facebook ออกมาสำหรับแต่ละกลุ่ม
ประโยชน์ของ Facebook สำหรับผู้ใช้งาน
- สังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด – หมายความว่าคุณสามารถติดตามเพื่อนสนิทของคุณได้ แต่คุณก็ยังสามารถติดต่อกับครอบครัว เพื่อนในสมัยก่อน หรือคนรู้จักในที่ทำงาน แน่นอนว่าคุณก็มีอิสระในการเลือกว่าอยากจะให้ใครเข้าถึงข้อมูลของคุณได้บ้าง
- การเข้าถึงข่าวสารใหม่ๆ – เนื่องจากว่าบริษัทใหญ่ๆนั้นเข้ามาอยู่ใน Facebook เราก็สามารถติดตามบริษัทเหล่านี้เพื่อรับฟังข่าวสารใหม่ๆได้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวทั่วไป ข่าวด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านกีฬา หรือแม้แต่โปรโมชั่นต่างๆ
- การติดตามเพจหรือบุคคลดัง – นอกจากการติดตามบริษัทใหญ่ๆแล้ว Facebook ก็ยังเป็นโอกาสให้คนทั่วไปกลายเป็นผู้มีอิทธิพลออนไลน์ได้ โดยเราสามารถสร้างเพจหรือตัวตนออนไลน์ให้คนอื่นมาติดตาม (ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อจริงด้วยซ้ำ) หรือเปิดกลุ่มสร้างสังคมออนไลน์เพื่อหาคนที่ชอบในสิ่งเดียวกันมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- ความเป็นส่วนตัว – ถึงแม้ว่าข้อดีของ Facebook ก็คือการเข้าถึงคนได้เยอะ แต่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว เราก็สามารถรักษาความเป็นส่วนตัวของเราได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นการปรับให้แค่เพื่อนของเราเท่านั้นที่มองเห็นข้อความ หรือการส่งข้อความส่วนตัวไปหาเพื่อนที่จะไม่มีเพื่อนคนอื่นสามารถเห็นได้
ประโยชน์ของ Facebook สำหรับธุรกิจ
- เข้าถึงลูกค้าได้เยอะ – อย่างที่ได้อธิบายไปแล้ว Facebook มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคน และในประเทศไทยก็มีผู้ใช้งานมากถึง 50 ล้านบัญชี หมายความว่าเพียงแค่เครื่องมือตัวเดียวก็สามารถทำให้ธุรกิจพูดคุยกับคนเกือบทั่วประเทศได้ (แต่ในสมัยนี้ก็ต้องอาศัยระบบเสียเงินทำโฆษณา)
- เลือกกลุ่มลูกค้าให้เหมาะกับธุรกิจ – เนื่องจากว่า Facebook มีข้อมูลผู้ใช้งานเยอะมาก และรู้ว่าใครชอบทำอะไร มีกิจกรรมแบบไหน ซึ่งธุรกิจก็สามารถนำข้อมูลส่วนนี้มาใช้ในการเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆได้
- สื่อสารได้หลายรูปแบบ – ในสมัยนี้รูปแบบการใช้งานของ Facebook ก็เปลี่ยนไปเยอะ สำหรับบริษัทใหญ่ๆ ช่องทาง Facebook ก็เป็นทางเลือกในการพูดคุยสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าธุรกิจนี้มีความเป็นกันเองและเข้าถึงได้ง่าย
เพื่อให้เราเห็นภาพประโยชน์ของ Facebook มากขึ้น ในหัวข้อถัดไปผมจะมาอธิบายบริการหรือฟีเจอร์ต่างๆใน Facebook ให้ละเอียดกว่านี้นะครับ
Facebook มีบริการอะไรบ้าง
อย่างที่ผมบอก Facebook เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก แถมก็มีการพัฒนาเว็บไซต์และผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะฉะนั้น บริการและฟีเจอร์ต่างๆของ Facebook จะมีเยอะมาก แต่โดยรวมแล้ว ฟีเจอร์ที่คนนิยมใช้กันก็มีดังนี้
News Feed ฟีดข่าว – ส่วนนี้คือหน้าแรกของ Facebook ที่สามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูลของผู้คนหรือว่าบริษัทต่างๆที่เรากดติดตามอยู่ได้ โดยทาง Facebook จะมีกระบวนการคัดเลือกข้อความหรือข่าวสารที่คิดว่าเราน่าจะตอบรับดีที่สุด เพราะฉะนั้น New Feed ของผู้ใช้งานแต่ละคนจะหน้าตาไม่เหมือนกันเลย
Page เพจ – เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้งานหรือบริษัทต่างๆสามารถสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ที่ทำให้คนอื่นสามารถกดติดตามได้ง่ายมากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้ประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ในขณะเดียวกัน เจ้าของเพจก็สามารถพูดคุยสื่อสารกับคนที่ติดตามได้ด้วย
Group กรุ๊ป – เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้คนสามารถสร้างกลุ่มเพื่อให้เป็นชุมชนให้คนเข้ามาปรึกษาหรือพูดคุยกันได้ง่าย Group จะแตกต่างกับ Page ตรงที่ผู้คนในกลุ่มสามารถพูดคุยกันได้สะดวกมากกว่า เปรียบเทียบกับเพจที่เน้นด้านการให้ผู้คนพูดคุยกับเจ้าของเพจอย่างเดียว
Live ไลฟ์ – เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ทำมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไป ด้วยกล้องที่ชัดมากขึ้นและอินเตอร์เน็ตที่เร็วมากขึ้น ทำให้ตัวตนในโลกออนไลน์สามารถถ่ายวีดีโอและพูดคุยกับผู้ติดตามได้อย่างทันที (เรียกว่าการไลฟ์) ส่วนมากที่เรามักจะเห็นการก็คือการที่ผู้ใช้งานทั่วไปไลฟ์สดเพื่อคุยกับเพื่อนหลายๆคน หรือการที่เพจไลฟ์สดเพื่อประชาสัมพันธ์พูดคุยกับผู้ติดตามในเพจ
Facebook Ads โฆษณา – เป็นระบบโฆษณาหลังบ้านของ Facebook ที่ทำให้ธุรกิจต่างๆสามารถสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่าได้มากขึ้น โดยค่าโฆษณาจะขึ้นอยู่กับว่าคนที่เห็นโฆษณานั้นตอบรับกับโฆษณาดีแค่ไหน ซึ่งปัจจัยสำคัญก็คือการเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้องและการสร้างโฆษณาที่เชิญชวนให้คนตอบรับได้ดี ระบบโฆษณายังสามารถเชื่อมกับบริษัทลูกของ Facebook ที่ชื่อว่า Instagram ได้ด้วย
Messenger ข้อความ – เป็นระบบที่ทำให้ผู้ใช้งานใน Facebook สามารถพูดคุยกันได้อย่างเป็นส่วนตัว ทำให้เราสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้ผ่านข้อความ หรือทำให้เราสามารถติดต่อกับเพจใหญ่ได้ ในสมัยนี้ฟีเจอร์ข้อความได้ถูกนำมาให้เป็น Application มือถือของตัวเอง แยกออกมาจาก Application Facebook โดยตรงอีกทีนึง
Facebook เป็นเจ้าของอะไรบ้าง
จริงๆแล้ว Facebook ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเยอะมาก เพราะบริษัทนี้มีผลกระทบต่อวิธีการดำรงชีวิตของคนมากกว่าครึ่งโลก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมพูดมาก็เป็นแค่ข้อมูลของเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า Facebook ซึ่งจริงๆแล้ว ‘บริษัท Facebook’ ก็เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และบริษัทอื่นๆที่มีการใช้งานเยอะเช่นเดียวกัน
Instagram – เป็น Application Social Media เพื่อให้คนสามารถลงภาพและวีดีโอต่างๆ และติดตามกันได้ Facebook ได้ซื้อบริษัทนี้มาในราคา 1,000 ล้าน USD (30,000 ล้านบาท)
Whatsapp – เป็น Application เพื่อให้คนสามารถส่งข้อความหากันได้ ถึงแม้ในประเทศไทยจะไม่ค่อยนิยมใช้กัน แต่ก็ถือว่ามีฐานผู้ใช้งานเยอะมากอันดับต้นๆของโลกเลย Facebook ได้จ่ายเงินเพื่อซื้อบริษัทนี้ด้วยราคามากถึง 16,000 ล้าน USD (480,000 ล้านบาท)
Oculus – เป็นบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) ซึ่ง Facebook ได้ซื้อบริษัทนี้มาในราคาประมาณ 2,000 ล้าน USD (60,000 ล้านบาท)
จริงๆแล้วด้วยรายได้และเงินในบัญชีของ Facebook นั้น เราก็สามารถคาดหวังได้ว่าบริษัทนี้ต้องมีการซื้อบริษัทอื่น ล็กๆน้อยๆมาอีกมาก อย่างไรก็ตาม Instagram Whatsapp และ Oculus ก็เป็น 3 บริษัทที่ถูกประชาสัมพันธ์มากที่สุดแล้ว