การหมุนเงินเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจ ธุรกิจบางประเภทต่อให้มีกำไรน้อย ต่อให้ทุนไม่เยอะเท่าที่อื่นก็สามารถเติบโตไปเป็นธุรกิจหลายร้อยล้านได้ผ่านพลังของ ‘เงินหมุน’
ในบทความนี้เรามาลองดูกลยุทธ์วิธีการหมุนเงินให้งอกเงยสำหรับ SME ในไทยกันนะครับ แต่ละกลยุทธ์อาจจะมีความเหมาะสมกับธุรกิจแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ผมแนะนำให้ทุกคนลองอ่านแล้วไปพิจารณาดูว่าจะสามารถแปลงให้เหมาะกับธุรกิจตัวเองได้ยังไงบ้าง
หมุนเงินให้รวยทำยังไง – 10 กลยุทธ์ SME หมุนเงินให้งอกเงย
#1 การขอจ่ายมัดจำหรือขอผ่อนจ่าย
ในกรณีที่บริษัทขายสินค้าหรือบริการที่มีราคาสูง บริษัทก็สามารถขอให้ลูกค้าจ่ายมัดจำหรือผ่อนจ่ายก่อนได้ โดยที่ตัวอย่างของการผ่อนจ่ายก็มีอยู่ในอุตสาหกรรม ตั้งแต่บริษัทก่อสร้าง ที่ปรึกษาการตลาด หรือแม้แต่นักออกแบบเว็บไซต์
แต่ก็ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่พร้อมจะจ่ายเงินก่อนรับสินค้า ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าอำนาจต่อรองของบริษัทคุณเทียบกับอำนาจต่อรองของลูกค้านั้นใครมีเยอะกว่ากัน แต่ถ้าคุณไม่ลองถามลูกค้าก็คงไม่เสนอผ่อนจ่ายคุณเองอยู่แล้ว
#2 ตัดรายจ่าย
เงินหมุนจะมีอยู่ 2 ส่วนก็คือรายจ่ายและรายรับ หากบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการจ่ายเงินได้ เงินหมุนของบริษัทก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้น
การตัดค่าใช้จ่ายสามารถทำได้หลายอย่าง โรงงานผลิตสินค้าก็อาจจะผลิตสินค้าในจำนวนเยอะให้ค่าใช้จ่ายน้อยลง หรืออาจจะผลิตสินค้าที่มีราคาถูกลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายต่อสินค้า ส่วนบริษัทอย่างอื่นก็อาจจะนำหลักการ 5 ส หรือ Kaizen มาดัดแปลงให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การบริหารธุรกิจนั้นมีรายละเอียดยิบย่อยเต็มไปหมด อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายเอ็นเตอร์เทนลูกค้า การเลี้ยงข้าวพนักงาน หรือการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์สำนักงานให้เคร่งครัดมากขึ้น ก็เป็นหลักการตัดรายจ่ายที่ดี
สำหรับคนที่สนใจเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย ผมแนะนำให้อ่านสองบทความนี้ของผมนะครับ 5ส คืออะไร? และ Kaizen คืออะไร? กลยุทธ์การใช้งาน และ ตัวอย่างที่ทำตามได้จริง
นอกจากการตัดค่าใช้จ่ายแล้ว แล้วเครดิตการชำระเงินก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
#3 เครดิตชำระเงินของบริษัท
ในส่วนนี้ก็ต้องมาดูว่าซัพพลายเออร์ของคุณ มีอำนาจการต่อรองและมีศักยภาพทางการเงินมากแค่ไหน ในบางครั้งการเลื่อนชำระเงินค่าวัตถุดิบไป 1-2 อาทิตย์ก็อาจจะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณมีความคล่องตัวทางการเงินมากขึ้นหลายเท่า
ถ้าปกติคุณได้เครดิตอยู่ 15 วัน ก็ให้ลองขอเครดิต 30 วัน ถ้าคุณมีเครดิตอยู่แล้ว 30 วันก็ให้ลองขอ 45 วันดู ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับทักษะการต่อรองของคุณและความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจคุณกับธุรกิจซัพพลายเออร์
แน่นอนว่าการขอยื่นเครดิตไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะอายเช่นกัน หากเราไม่ลองถามซัพพลายเออร์ดูหลายๆครั้ง ซัพพลายเออร์ก็อาจจะไม่ได้เข้าใจความต้องการของเรา ยิ่งทำธุรกิจกับ ซัพพลายเออร์มานาน และยิ่งธุรกิจของคุณมีตัวเลือกเยอะ อำนาจการต่อรองเรื่องเครดิตของคุณก็จะมากขึ้น
#4 ให้ลูกค้าชำระเงินเร็วขึ้น
อีกหนึ่งทางเลือกของการบริหารงานหมุนก็คือการรับเงินลูกค้ามาก่อน ซึ่งก็มีหลายวิธีเช่นกัน แต่ส่วนมากแล้ว เงินหมุนจากการชำระล่วงหน้าจะมาในส่วนของการ ‘ให้ส่วนลด’ เช่นการลดราคาให้ลูกค้า 2% สำหรับการชำระเงินล่วงหน้า 10-20 วัน การให้ส่วนลดนิดหน่อยเพื่อแลกกับเงินหมุนที่เร็วขึ้นก็จะทำให้บริษัทสามารถบริหารเงินได้คล่องขี้นกว่าเดิม
#5 กู้เงินเวลามีออเดอร์ใหญ่
สำหรับโรงงานผลิตหรือบริษัทซื้อมาขายไปที่ได้ออเดอร์ใหญ่มา และต้องใช้งบการผลิตเป็นจำนวนมาก บริษัทสามารถนำออเดอร์จากลูกค้าไปเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงินจากธนาคารได้ ในกรณีนี้เราก็จะสามารถนำเงินหมุนจากนอกบริษัทมาช่วยในการเร่งการผลิตหรือการจัดซื้อได้ในระยะสั้น
กลยุทธ์นี้สามารถช่วยให้ธุรกิจหมุนเงินได้เร็วขึ้น แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่ควรทำเวลาที่เรามั่นใจว่าลูกค้าจะจ่ายเงินเราเท่านั้น
#6 หาทางเพิ่มกำไร
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นบทความเกี่ยวกับการหมุนเงิน แต่สุดท้ายแล้ว ปัญหาธุรกิจทุกอย่างก็สามารถแก้ได้หากธุรกิจ ‘มีกำไร’ มากพอ ธุรกิจที่มีกำไรเยอะก็จะไม่ค่อยกังวลเรื่องเงินหมุน เรื่องเครดิทลูกค้าเท่าไหร่
การเพิ่มกำไรให้กับบริษัทก็จะเป็นการเพิ่มเงินหมุนให้กับบริษัทด้วยเช่นกัน วิธีเพิ่มกำไรก็มีอยู่ 2 วิธีก็คือการเก็บเงินลูกค้ามากขึ้นหรือการลดค่าใช้จ่าย อาจจะเป็นการเพิ่มราคาสินค้า การขายสินค้าชนิดอื่นที่มีกำไรมากขึ้น หรือการประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนเพื่อเพิ่มเติมราย
สำหรับหลายธุรกิจนั้น การเพิ่มกำไรในระยะสั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะการเพิ่มกำไรด้วยการเพิ่มราคาเพราะลูกค้าของบริษัทก็คงตอบรับกับการเพิ่มราคาได้ไม่ดีเท่าไร แต่ผู้บริหารเงินผ่อนธุรกิจทุกคนก็ควรจะพิจารณาหาทางเพิ่มกำไรให้กับบริษัทในระยะยาวอยู่เสมอ
#7 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
หากคุณเห็นว่าการเงินธุรกิจกำลังมีปัญหา คุณก็ควรจะลองดูสิ่งของรอบตัวก่อนเป็นอย่างแรก เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆของธุรกิจที่ไม่ได้ใช้งานแล้วก็ควรถูกนำไปขายและนำไปปล่อยเช่าให้กับที่อื่น
ถึงแม้ว่าเครื่องมือบางอย่างยังต้องมีการใช้งานอยู่ เราก็ควรดูก่อนว่าการใช้งานของเราคุ้มค่ากับการเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ตัวนี้ไว้หรือเปล่า บางครั้งการขายทิ้งและเช่า เลือกจ่ายตามการใช้งานก็อาจคุ้มกว่าก็ได้
ให้ลองดูว่าอุปกรณ์เครื่องมือตัวไหนในบริษัทที่มีอายุการใช้งานนานๆ แต่มีขนาดเล็กสามารถขนย้าย หรือนำไปขายและติดตั้งได้ง่ายเพราะเครื่องมือพวกนี้ส่วนมากแล้วจะมีค่าเช่าราคาถูก
การนำอุปกรณ์และเครื่องมือที่ไม่ได้ใช้งานไปขายทิ้ง นอกจากจะช่วยเรื่องปัญหาเงินหมด ยังเป็นการประหยัดพื้นที่เก็บของในสำนักงานอีกด้วย
#8 เลื่อนงานลูกค้า
หัวข้อนี้อาจจะฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไร แต่ก็มีหลายธุรกิจที่ทำกันเยอะ และทำให้เกิดประโยชน์ดีเสียด้วย
ธุรกิจบางประเภทอาจจะมีการขายดีเป็นช่วงๆ ปัญหาก็คือช่วงที่ขายไม่ดีนั้นก็จะไม่มีงานเข้าเลย ทำให้ช่วงขายไม่ดีเกิดปัญหาเงินไม่คล่อง ในกรณีนี้หนึ่งสิ่งที่สามารถต่อรองกับลูกค้าได้ก็คือการเลื่อนงานส่งลูกค้าบางส่วน จากช่วงขายดีไปช่วยขายไม่ดี เพื่อให้เงินหมุนสามารถกระจายไปแต่ละช่วงได้อย่างพอเพียง
โดยส่วนมากธุรกิจประเภทนี้ก็จะให้ส่วนลดลูกค้า เพื่อที่จะเลื่อนงานไปยังช่วงที่ขายไม่ดี เพราะอยากได้เงินหมุนอย่างต่อเนื่อง
เทคนิคนี้อาจจะใช้ไม่ได้สำหรับธุรกิจบางประเภท สำหรับธุรกิจที่สามารถต่อรองกับลูกค้าได้เยอะ และสามารถคาดเดาพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างชัดเจน การเลื่อนงานลูกค้าก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
#9 สินค้าคงคลัง
สินค้าคงคลังก็เป็นอีกหนึ่งหมวด ที่มีความคล้ายคลึงกับอุปกรณ์และเครื่องมือของบริษัท หมายความว่าในบางครั้งธุรกิจอาจมีสินค้าคงคลังมากเกินไป เรียกว่าเงินไปจมอยู่กับการสต็อกสินค้านั้นเอง
ซึ่งปัญหานี้แก้ได้ด้วยการพยากรณ์ยอดขายล่วงหน้าและระบายสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป โดยการระบายสินค้าจะทำให้เรามีเงินมาหมุนเก็บสต๊อกสินค้าที่จำเป็นต่อการขายมากขึ้น หลักการเก็บสินค้าคงคลังพระอำนวยกับเงินหมุนก็คือการดูว่าเวลาในการสต๊อกสินค้าของเราแต่ละทีนั้นนานแค่ไหน อาจจะเป็น 1 อาทิตย์หรือ 1 เดือน
หากเรารู้แล้วว่าสินค้าเราต้องใช้เวลาเติม ‘นานแค่ไหน’ นานเราก็จะรู้ว่าเราควรจะเก็บสินค้าแต่ละชนิดไว้ ‘มากเท่าไร’ (คำตอบที่ดีที่สุดก็คือให้ดูจากยอดขายในอดีต)
สินค้าคงคลังเป็นหัวข้อใหญ่ของการบริหารธุรกิจเหมือนกัน ผมแนะนำให้ศึกษาบทความนี้เพิ่มเติมนะครับ การบริหารสินค้าคงคลัง คืออะไร
#10 ตรวจสอบเครดิตของลูกค้า
ในหลายอุตสาหกรรม การปล่อยเครดิตให้ลูกค้าก็เป็นเรื่องที่จำเป็น อย่างไรก็ตามการปล่อยเครดิตโดยไม่ตรวจสอบก่อนก็อาจจะทำให้ธุรกิจเสียกำไรได้ เพราะลูกค้าอาจจะจ่ายเครดิตได้ไม่ทัน หรือลูกค้าอาจจะเป็นลูกค้าไม่ดี รับสินค้าเราไปขายเยอะๆแล้วสุดท้ายก็ล้มละลายปิดตัวไปโดยไม่คืนเงิน
หน้าที่ของคนปล่อยเครดิตก็ต้องตรวจสอบสภาพการเงินของลูกค้า อาจจะลองทดสอบด้วยการปล่อยให้ลูกค้าซื้อเงินสดก่อนเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หรืออาจจะลองเข้าไปในกรมพัฒนาธุรกิจ เพื่อดูงบการเงินลองลูกค้าก็ได้
สุดท้ายนี้กับการหมุนเงินในธุรกิจ
วิธีการหมุนเงินในธุรกิจมีเยอะครับ แต่เราก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์และอุตสาหกรรมด้วย การบริหารเงินที่ดีจะเป็นการเพิ่มทรัพยากรให้กับบริษัทอย่างมหาศาล บริษัทที่มีขนาดเล็ก มีทุนสำรองไม่มากก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วหากผู้บริหารรู้จักเทคนิคการหมุนเงินที่ดี