การรับราชการ นั่นถือว่าเป็นงานที่มีเกียรติและรับใช้ประเทศและต่างประเทศ และมีความมั่งคงคือถ้าประเทศอยู่ได้ยังไงราชการก็อยู่ได้แต่ถ้าเราจะพูดถึง รับราชการกับ ทำธุรกิจส่วนตัวเเต่อันไหนรวยกว่ากัน เราก็จะตอบได้ทันทีเลยว่า ‘ทำธุรกิจส่วนตัว’
การทำธุรกิจส่วนตัวนั่นไม่มั่นคงแต่ก็มีรายได้ที่มากกว่าราชการ แต่ถ้าเกิดว่าผมบอกว่าอันไหน มั่นคงกว่าแน่นอนทุกคนก็จะบอกเลยว่าไปรับราชการมั่นคงกว่าแน่นอน แต่เราสามารถวัดข้อดีข้อเสียได้แค่นี้เองหรือ ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์กันครับ
5 เหตุผลที่ทําธุรกิจส่วนตัวดีกว่าอาชีพรับราชการ
บางคนอาจจะมีคำถามว่าทำไมไม่ทำทั้ง 2 อย่างเลยล่ะจะได้ทั้งรวยและมั่งคง เพราะถ้าเราคิดว่ามีงานมั่งคงจะทำให้เรารู้สึกสบายเกินไปบางทีอาจขาดสปิริตของผู้ประกอบการได้ ถ้าสังเกตคนที่จะประสบความสำเร็จต้องเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เกิดจากการตื่นตัว ซึ่งบทความนี้เราจะมาดู 5 เหตุผลว่าทำธุรกิจส่วนตัวดีกว่าอาชีพรับราชการ ที่เราได้รวบรวมเคสและเหตุผลที่น่าสนใจมาให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันครับ
1. สามารถมี รายได้ที่ไม่จำกัด ไม่มีเพดานรายได้
โดยอาชีพรับราชการเเต่ละหน่วยงาน เเต่ละสังกัดรายได้เฉลี่ยก็จะมีแตกต่างกันไป รับราชการที่ผมเห็นเงินเดือนเฉลี่ยจะอยู่ที่หลักหมื่นบาทถึงหลายหมื่นบาท เเต่หลายหมื่นบาทที่จะได้นั้นน่ะใช้เวลานานมากๆ ทำงานตั้งเเต่ เริ่ม – เกษียณอายุ ได้เงินประมาณสัก 100,000 บาท
อันนี้สำหรับบางหน่วยงานนะเเต่ถ้าค่าเฉลี่ยก็จะเกือบๆแสนเเต่ที่สำคัญคือใช่ว่าคุณจะสามารถขึ้นไปถึงตรงนั้นได้ก็ต้องมีสอบเเละวัดความสามารถและอายุงานในการที่ไปถึงตำแหน่งเเละเงินเดือนขนาดนั้นได้
เเละก็อายุงานที่ต้องมากขึ้นตามตำแหน่งนั้นอีกต่างหาก ถ้าเป็นธุรกิจคุณสามารถเติบโตได้เยอะกว่าถ้าคุณทำบริษัทหรือธุรกิจของคุณได้เติบโตไปตลอดเเบบนี้รายได้ของคุณจะไม่มีจำกัดมันขึ้นอยู่ว่าเราธุรกิจหรือห้างร้านแบบไหน
2.สร้างสปิริตแบบของผู้ประกอบการ
คนสมัยเคยก่อนบอกไว้ว่า ‘ถ้ามีไฟ..ไปธุรกิจ เรื่อย ๆ …เข้าราชการ’ คำนี้ค่อนข้างจริง แต่ก็จะมีคนบอกว่า ทำไมไม่ทำ 2 อย่างเลยล่ะ
จากที่ผมบอกไว้ข้างต้นคือถ้าสังเกต คนที่จะประสบความสำเร็จมันต้องเกิดจากเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เกิดจากการตื่นตัว ถ้าคุณทำงานราชการที่มั่งคงอาจทำให้คุณ ไม่มีไฟในการทำงานธุรกิจเต็ม 100% และอาจไม่มีเวลาเข้ามาดูแลกิจการได้เต็มที่ทำธุรกิจอาจติดขัดและไม่สำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ได้
เคยได้ยินสุภาษิต จับปลา 2 มือไหมครับ ถ้าคุณทำ 2 อย่างพร้อมกันอาจทำให้ปลาทั้ง 2 มือหลุดไปได้และที่สำคัญคือตาม กฎหมาย ผิด ป.อาญา มาตรา ๑๕๗ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าเราเอาเวลางานในราชการมาทำธุรกิจของเราเป็นต้นครับ (แต่หลังเลิกงานทำได้นะครับ)
เพราะเลิกงาน ไม่อยู่ในเวลาทำงาน สามารถทำได้และตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘๓ ข้าราชการพลเรือนสามัญต้องไม่กระทำการใดอันเป็นข้อห้ามดังต่อไปนี้
(๖) ต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการหรือผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท
สรุปข้าราชการพลเรือน ห้ามเป็น 1.กรรมการผู้จัดการ 2.ผู้จัดการ หรือ 3.ดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทครับ แต่ไม่ได้ห้ามประกอบธุรกิจส่วนตัว (คือทำได้ แต่ห้ามจดทะเบียนบริษัทในชื่อตัวเอง)
3. เป็นคนที่ประสบความสำเร็จและมีอิสระภาพ
ค่านิยมของคนสมัยก่อน มองว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคือการได้เป็นข้าราชการ แต่สมัยนี้ขึ้นกับแต่มุมมองของแต่ละคนครับ การทำงานราชการดีเพราะมีความมั่นคง มีวันหยุด
แน่นอนแต่ถ้าใครมีความคิดที่ไม่ชอบงานราชการ รักอิสระ ให้เริ่มทำธรกิจส่วนตัวครับ เพราะมีอิสระทั้งด้านเวลาและการเงินมากกว่าเยอะมาก (แต่ก็เป็นอิสระที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อในช่วงแรก เพราะต้องทำงานหนักมาก)
ถ้าเราสามารถสร้างระบบได้ การเป็นเจ้าของกิจการก็จะสบายมากกว่าครับ การเป็นธุรกิจของตัวเองมีโอกาสเจริญรุ่งเรือง และไม่ต้องเป็นลูกน้องคน
4. ความมั่งคง เเละ ความมั่งคั่ง
ถ้าใครเคยได้ยิน การเป็นเจ้านายตัวเอง ‘ทำน้อยได้น้อย ทำมากได้มาก’ แต่มีความเสี่ยงบวกกับต้องใช้ทุน ถ้าทำธุรกิจเอง เราจะทำยังไงก็ได้ครับขยันมากเท่าไหร่ก็เป็นของเราวันยังค่ำครับ (ถ้าบริหารจัดการดี) ผมไปเจอเคสหนึ่งที่น่าใจมากคือ
เคส 1 : ถ้าผมยังทำราชการต่อ อย่างมากตอนนี้ ก็ 3หมื่น คงพอผ่อน city ซักคัน 5ปี ผ่อนบ้านชานเมือง 20 ปี เที่ยวเมืองไทย ปีละ 2 หน ลูกเรียน รร. รัฐบาลทั่วไป ทุกวันนี้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว รับราวๆ 1-2 แสน bmw 1 สด jazz ผ่อน ducati สด ทุบบ้านเก่า ปลูกหลังใหม่ที่เดิม เต็มพื้นที่ 80 ตรว สด เที่ยวเมืองนอกไกลๆ ปีละหน ใกล้ 2-3 หน เมืองไทย บ่อยๆ ลูกเรียนอินเตอร์
ถ้าทำราชการ ชาตินี้ก็ไม่มีหวังครับปล.ข้อเสีย 5 ปีแรกของธุรกิจ ชั่วโมงทำงานผมเป็น 3 เท่าของราชการพูดง่ายๆ เท่ากับทำราชการ 15 ปี ทำ 9 โมง ถึง เที่ยงคืนแทบทุกวัน หยุด 2 เดือนหน ปีแรกๆ หยุดปีๆนึงไม่เกิน 5 วันครับ
5. ถ้าอยู่ในประเทศไทย ดินแดนแห่งโอกาสในการเลือกธุรกิจ
สมัยนี้งานราชการไม่ได้เข้าไปทำกันง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่ถูกบรรจุเป็นแค่พนักงานของรัฐ ราชการมีความมั่นคงสูง สวัสดิการดี (รักษาพยาบาลเบิกได้ตลอดชีวิต) ยิ่งมีตำแหน่งสูงขึ้น จะมีบารมีมากขึ้น เงินเดือนจะมากขึ้นพอกินพอใช้อย่างไรก็ตามไม่มีโอกาสรวย เพราะเงินเดือน เพียงพอใช้จ่ายภายในครอบครัวเท่านั้น
ผิดกับการค้าขาย เพราะถ้ามีจังหวะดีๆ มีโอกาสร่ำรวยได้มากกว่า ผมขอยกตัวอย่าง อีกเคสนึ่งที่น่าสนใจครับ
เคส 2 : ผมทำงาน ราชการมา 10 กว่าปีจบวิศวะใบประกอบอาชีพมีความรู้ ความสามารถ น่าจะพอตัว ทำในสิ่งที่หลายๆคนทำไม่ได้ แต่รายได้ ความก้าวหน้าในอาชีพ เหมือนจะไม่ไปไหน ทุกวันนี้ก็ได้แค่ ค่าแรงขั้นต่ำ ผมเข้าทำงานราชการโดยไม่มีเส้นสายที่ใหญ่โต คนฝากเป็นแค่คนสวนดูแลต้นไม้ นั้นก็คือ อาของผมซึ่งได้ เกษียณไปแล้ว
ต่างกับเพื่อนผม ที่เข้าหลังผม แต่ว่าเส้นสายดีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในที่ทำงาน ทุกวันนี้บรรจุเป็นราชการไปนาน แล้วเงินเดือนรวมแล้ว 2 หมื่นขึ้นแต่ผมทุกวันนี้เป็นได้แค่ลูกจ้างประจำ ค่าแรงขั้นต่ำ แต่ทำงานทุกอย่างที่คนเงินเดือนเกิน 2 หมื่นไม่ทำกัน
สรุปคือ ถ้ามีญาติที่มีตำแหน่งใหญ่พอจะดันในหน้าที่การงาน ก็สามารถทำงานราชการได้ (ความเห็นส่วนตัวครับ) ส่วนธุรกิจส่วนตัวถ้าเรามีพื้นที่มีเงินทุน มีความรู้ ถ้าช่องทางดีๆรวยไม่รู้ตัว น่าจะดีกว่าราชการไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร เหนื่อยก็พัก ไม่มีใครมาบังคับ
สุดท้ายนี้ ข้อดีไม่ได้แปลว่าข้อแนะนำให้ทำ
ผมไม่สามารถบอกคุณได้ 100% ว่าคุณจะเลือกทำธุรกิจหรือรับราชการ แต่ผมอยากจะฝากไว้คือ เลือกที่ตัวเองชอบ นั้นเเหละคืออาชีพที่ดีสุดของคุณครับ เพราะ ทุกอาชีพ มีข้อดีข้อเสียกันไปคนละอย่างสองอย่างและก็ไม่สามารถจะฟันธงออกมาได้เลยว่าอาชีพใหน ดี – ไม่ดี กว่ากันเพราะโดยตัวอาชีพนั้นมีดี-มีศักดิ์ศรีอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
คนที่ทำอาชีพใหนแล้วรุ่งก็จะบอกอาชีพนั้นดี คนที่พลาดไปก็จะบอกว่าอาชีพนั้นไม่ดี มันเป็นอย่างนี้เสมอมาครับเลือกทำในสิ่งที่เราถนัดชอบพอใจ ทำด้วยความตั้งใจซื่อสัตย์ ผมว่ามันจะนำความสำเร็จมาให้เสมอเเน่นอนครับ