เพราะยอด ‘Like’ กลายเป็นสิ่งสำคัญทางธุรกิจ เนื่องจากลูกค้าให้ความไว้วางใจและมีแนวโน้มซื้อกับเพจที่มีจำนวนไลค์มากกว่า ฉะนั้นการเพิ่มยอดไลค์ Facebook จึงได้รับความสนใจอย่างยิ่งในปัจจุบัน แต่วิธีการอาจจะไม่ง่ายแบบเมื่อก่อนเพราะเพียงแค่คอนเทนต์อาจจะไม่พอ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่อาจบทความทั้งหมดที่เห็นและมีคู่แข่งบนแพลตฟอร์มจำนวนมาก
แต่ขอบอกเลยว่าอย่าหาทางลัดที่ผิดกฎอย่างการ ‘ปั๊ม Like’ เด็ดขาดเพราะนอกจากจะเสียเงินแล้วเพจของคุณอาจจะถูกปิดหรือไม่แจ้งเกิดอีกเลยก็ได้ ดังนั้นเราจึงรวบรวมวสารพัดวิธีในการเพิ่มยอดไลค์ Facebook ฟรีมาฝากทุกคนโดยสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย
10 แนวทางการเพิ่มยอดไลค์ Facebook อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สำหรับ 10 วิธีการเพิ่มยอดไลค์ Facebook ที่เจ้าของเพจหรือแบรนด์ต้องรู้ในปี 2023 นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ง่ายแน่นอน แถมมีความยั่งยื่นไม่ใช้วิธีลัดให้เสี่ยงโดนปิด ที่สำคัญฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จะเป็นอย่างไรไปดูพร้อมกันเลย (*ไลก์ ที่ถูกต้องเขียนเช่นนี้ แต่ในกรณีนี้มีผู้คนจำนวนมากค้นหา ‘ไลค์’ จึงมีการนำมาใช้นั่นเอง)
1. รีเสิร์ชกลุ่มเป้าหมาย
การศึกษากลุ่มเป้าหมายควรเริ่มจาก ‘Audience Personas’ หรือการระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทั้งอายุ เพศ สถานที่ รายได้ ความสนใจหรือการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจกลุ่มผู้บริโภค ขั้นตอนต่อมาให้เริ่มวางแผนการตลาดที่มีความเหมาะสม โดยสิ่งที่แพลตฟอร์มแจ้งและมีประโยชน์กับเราอย่างมากก็คือ
- ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
อย่างแรกแพลตฟอร์มจะวิเคราะห์ ‘Insight’ ของกลุ่มเป้าหมายว่ามีความสนใจอย่างไรและพฤติกรรมเป็นอย่างไร การมีส่วนร่วมในเพจมากน้อยแค่ไหน มีผู้ชมใหม่ ๆ เข้าถึงจำนวนมากหรือไม่ สำหรับใครที่ทำการโฆษณาแบบเสียเงินก็สามารถเข้าไปเช็กข้อมูลแบบนี้ได้เช่นเดียวกัน
- เวลาที่ควรโพสต์
ข้อต่อมา คือ ช่วงเวลาในการลงคอนเทนต์ให้มีผู้ชมเข้าถึงมากที่สุดและเพิ่มยอดไลค์ Facebook ได้มากตาม โดยการเรียนรู้เวลาที่กลุ่มเป้าหมายมีการออนไลน์มากที่สุดจะเป็นกุญแจสำคัญ
ยกตัวอย่างธุรกิจที่วิเคราะก์กลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มเฟสบุ๊ก เช่น Jungnoo ธุรกิจให้บริการสามล้อที่สังเกตเห็นว่า เกือบ 100% ของผู้ใช้งานอายุ 18 – 34 เป็นผู้แนะนำเพื่อนและเกินกว่า 50% เป็นผู้ใช้ Andriod เป็นหลัก ช่วยหั่นต้นทุนในการลงโฆษณาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
2. การทำคอนเทนต์ให้มีประโยชน์และน่าจดจำ
หากเพจของคุณมีแต่การขายของทั้งหมด ผู้ชมก็อาจจะไม่สนใจ ซึ่งปัจจุบันการตลาดแบบขายแต่ไม่ขายได้รับความนิยมกว่าเพราะถูกใจคนรุ่นใหม่มากกว่า ดังนั้นคอนเทนต์ของคุณจึงสามารถสร้างสรรค์ได้อย่างหลากหลาย เช่น การให้ความรู้เชิงลึก การแจกเคล็ดลับ Tips ต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ จะช่วยให้ยอดไลก์พุ่งรุ่งแรงโดยไม่ต้องไปปั๊มไลค์เลย
3. โพสต์แล้วใส่ # ด้วย
หลายคนอาจมองข้ามการใช้ # ไปเพราะไม่เหมือนกับการเล่นทวิตเตอร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่หากมีกระแสอยู่แล้ว อาจช่วยให้ผู้คนมองเห็นโพสต์ของคุณมากขึ้น เมื่อเพิ่มยอดไลค์ Facebook ก็มีโอกาสกดติดตามด้วยหากคอนเทนต์ดี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าประเด็นไหนกำลังมาแรง คุณสามารถเข้าไปชมใน Social.gg หรือ Google Trend ได้ โดยเว็บแรกจะเก็บข้อมูลของ Facebook ไทยโดยตรง
4. ยุคนี้ ต้อง Reels เท่านั้น
แน่นอนว่าพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายต่างออกมาไลฟ์เพิ่มยอดไลค์เพจและจำนวนผู้ติดตามได้ง่าย ๆ และยอดเอนเกจเมนต์สูงขึ้น แต่การจะเข้าถึงคนเยอะๆในยุคนี้ผมขอแนะนำการทำ Reels หรือวิดีโอสั้นแนวตั้ง
วิดีโอสั้นแนวตั้วใน Facebook มีขนาด 1080 x 1920 และสามารถยาวได้ถึง 1:30 นาทีนะครับ แต่ถ้าเราเอาวิดีโอจากช่องทางอื่นอย่าง Tiktok มาลงก็ระวังเรื่องลิขสิทธิ์เพลงด้วย สำหรับมือใหม่ ทำคลิปสั้นๆ 10 วิ 20 วิ ให้คุ้นก่อนก็ได้ครับ
เอาเป็นว่าในปีนี้ Reach ของโพสทั่วไปของผมหลักพันถึงหมื่น แต่มีหลาย Reels ที่เข้าถึงคนหลักแสนหรือหลักล้านนะครับ
5. โปรโมตเพจบนแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น
สำหรับการทำคอนเทนต์อย่างเดียวอาจเพิ่มยอดไลค์ Facebook ได้ช้ากว่าการโปรโมตหลายทาง อย่าง Instagram หรือ Tiktok ก็ได้รับความนิยมสูง ด้วยภาพวิดีโอสั้น ๆ ที่ได้ใจความ แต่ทั้งนี้ต้องศึกษากฎด้วยว่าแพลตฟอร์มนั้น ๆ ห้ามพูดชื่อโซเชียลมีเดียอื่นหรือไม่ จากนั้นสร้างคอนเทนต์ขายแบบไม่ขายจะมีโอกาสขึ้นหน้าฟีดของผู้ที่มีความสนใจด้านนี้ได้ และสุดท้ายคุณสามารถใส่ลิงก์ให้ผู้ชมเข้ามากดไลค์กดติดตามกันง่าย ๆ บนโปรไฟล์
6. การกดปักหมุดโพสต์สุดเจ๋งไว้ให้เห็นง่าย ๆ
สำหรับวิธีการเพิ่มยอดไลค์ Facebook ข้อนี้ง่ายดายสุด ๆ เพราะหลังจากที่ลงคอนเทนต์ไป โพสต์ไหนมีคนมากดไลค์ กดแชร์มากที่สุดโพสต์นั้นถือว่าเจ๋งและตรงใจผู้ชมนั่นเอง ดังนั้นปักหมุดหรือ Pin to Top ไว้ด้านบนจะทำให้ผู้ชมรายใหม่สนใจและกดติดตามได้ ถือเป็นเครื่องมือช่วยเรียกยอกไลค์ได้ยาว ๆ นอกจากนี้โพสต์ที่พิน 1 – 2 ลำดับแรก ๆ ควรจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพจของคุณในภาพรวมด้วย
7. ใช้หลักการโพสต์แบบมืออาชีพ
ผู้อำนวยการของ SnapRetail ออกมาเผยหลักการสร้างคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ 70:20:10 นั่นเอง โดย 70 แรกหมายถึง การโพสต์เนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อผู้ติดตามหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด 20 คือ การดึงโพสต์ของเพจอื่น ๆ มาลง เช่น การแชร์ เป็นต้น และสุดท้ายน้อยที่สุด 10 คือการโปรโมตสินค้าหรือแบรนด์ ทำตามแล้วเพจของคุณจะต้องตาชาวเฟสบุ๊กอย่างแน่นอน