5 สิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่เริ่มขายของวันแรก

5 สิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่เริ่มขายของวันแรก

หากคุณเป็นคนที่กำลังเริ่มขายของวันแรกจริงๆ สิ่งที่ผมต้องบอกก่อนก็คือ ‘ยินดีด้วย’ เพราะการที่คุณได้เริ่มลองทำอะไรใหม่ๆก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาแล้ว แต่ในบทความนี้ผมจะมาสอนเพิ่มว่าสิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่เริ่มขายของวันแรกนั้นมีอะไรบ้าง

5 สิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่เริ่มขายของวันแรก

สิ่งที่ผมจะแนะนำในส่วนนี้จะมีเรื่องของ ‘แนวคิด’ และ ‘กลยุทธ์’ ในการทำธุรกิจนะครับ ซึ่งผมคิดว่าทั้งสองสิ่งนี้สำคัญไม่แพ้กันเลยในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

#1 หา ‘ชัยชนะครั้งแรก’ ให้เร็วที่สุด

สิ่งแรกที่เราต้องมีก็คือ ‘กำลังใจ’ และ ‘ทิศทาง’ ในส่วนนี้เราต้องรีบหาชัยชนะที่เราจับต้องได้ง่ายที่สุด สำหรับร้านค้าทั่วไปก็คือการที่เราขายได้หนึ่งออเดอร์ แต่สำหรับคนที่ใจเย็นและไม่ได้ลงทุนเยอะ เราก็อาจจะปรับความคาดหวังเป็นการให้ลูกค้าเห็นโพสขายหรือการให้ลูกค้าทักเข้ามาก่อนก็ได้

ข้อผิดพลาดแรกของคนขายของออนไลน์ก็คือ ‘ขาดความมั่นใจ’ หากเราสามารถขายได้เราก็จะมีกำลังใจเริ่มต่อไปเรื่อยๆ จนเป็นสิบออเดอร์ ร้อยออเดอร์ ข้อแม้มีอย่างเดียวคืออย่าลดราคาให้ลูกค้าจนเราไม่ได้กำไร ในส่วนนี้คนเริ่มขายใหม่ๆจะตื่นเต้นหรือกลัวลูกค้าหนีมากเกินไปจนอดไม่ได้ที่จะลดให้ลูกค้า

อีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องจำไว้หลังขายได้ก็คือ ‘การไม่ยึดติด’ เพราะวิธี ช่องทาง หรือสินค้า ที่เราขายได้ในวันแรกอาจไม่แปลว่าเราต้องทำแบบนี้ ขายแบบนี้ไปเรื่อยๆตลอดชีวิต เราต้องรู้จักสังเกตรู้ค้า เรียนรู้ตลาด แล้วนำมาปรับกับธุรกิจเราอีกที ในข้อหลังผมจะอธิบายเพิ่มเติมนะครับ

แต่ถ้าคุณยังไปไม่ถึงฝัง ยังขายออเดอร์แรกไม่ได้ ผมแนะนำให้ศึกษาอีกสี่ข้อแนะนำให้บทความนี้ต่อไป

#2 หาช่องทางเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในฝันเรา

การหาของมาขายอาจจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับหลายคน แต่สิ่งที่สำคัญมากก็คือการเข้าใจว่าลูกค้าของเราเป็นใคร และคนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนกัน

เราต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่จะสนใจซื้อสินค้าของเรา หากคุณอยากจะขายสินค้าผู้หญิง คุณจะไปขายให้ผู้ชายก็อาจจะขายยากหน่อย หากคุณขายรถสปอร์ต คุณก็คงต้องไปหากลุ่มคนที่มีรายได้เยอะ

ถ้าคุณสามารถเลือกช่องทางการขายที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าได้ ปัญหานี้ก็จะลดน้อยลง (เช่นเลือกขายที่ห้างแทนขายในตลาด ขาย facebook แทนขายใน lazada) แต่อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือการเลือกช่องทางการตลาด

สรุปง่ายๆนะครับ ช่องทางการตลาดคือช่องทางที่คุณใช้ในการสื่อสารโฆษณาต่างๆกับลูกค้า ส่วนช่องทางการขายช่องทางในการปิดการขาย (ให้ลูกค้าโอนเงินเข้ามา) ทั้งสองอย่างนี้อาจจะอยู่ในช่องทางเดียวกัน หรือจะเป็นช่องทางที่แยกออกจากกันก็ได้ (เช่นหาลูกค้าใน facebook แต่ก็ไม่จำเป็นต้องปิดการขายใน facebook อย่างเดียว)

สรุปก็คือให้หาว่าลูกค้าคุณคือใคร และให้หาว่าช่องทางที่จะไปหาลูกค้ามีที่ไหนบ้าง ไม่ได้ต้องเป็นช่องทางออนไลน์ก็ได้ การตลาดเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์

#3 เอาความต้องการลูกค้าไว้ก่อน

ข้อนี้เป็นการต่อยอดจากข้อแนะนำที่แล้ว เพราะนอกจากเราต้องรู้ว่าลูกค้าคือใคร แต่เราต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรเป็นพิเศษด้วย

นักการตลาดชื่อดังเคยพูดไว้ว่า ไม่มีลูกค้าคนไหนต้องการซื้อสว่านหรอก ลูกค้าส่วนมากอยากได้ ‘รู’ และสว่านเป็นเครื่องมือสร้างรูที่เรียบง่ายที่สุด

ถ้าคุณรู้ว่าลูกค้าของคุณมีปัญหาอะไรอย่างชัดเจน ขั้นตอนการขายของคุณก็จะเหนือชั้นกว่าคู่แข่งแน่นอน เพราะคุณจะไม่จำเป็นที่จะต้องหยุดแค่การนำเสนอสินค้า แต่คุณยังสามารถให้คำแนะนำ หรือแม้แต่หาสินค้าอื่นมาขายควบคู่ไปให้กับลูกค้าได้ด้วย

ในฐานะคนที่ขายของวันแรก นอกจากคุณจะได้ลงทุนลงแรงเพื่อศึกษากลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจนแล้ว ในส่วนนี้คุณอาจจะยังไม่ค่อยรู้ความต้องการของลูกค้าเท่าไหร่ 

เพราะฉะนั้นให้ลองพูดคุยกับลูกค้า สังเกตลูกค้าเยอะๆ หากลูกค้าอยากได้อะไรก็ลองปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า ข้อแนะนำเดียวคืออย่าลดราคาเร็วเกินไป และอย่าทำอะไรที่ทำให้เราขาดทุน

#4 หาวิธีทำให้โดดเด่นในช่วงแรก

การเริ่มขายของครั้งแรกแปลว่าคุณยังไม่มีชื่อเสียงหรือฐานลูกค้าที่ชัดเจนมาก ซึ่งการที่คุณไม่มีแรงผลักดันเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่ได้ยากในช่วงแรกๆ

ผลก็คือคุณจำเป็นที่จะต้องวิ่งเต้นเพื่อหาลูกค้า และหนึ่งสิ่งที่เราสามารถทำได้เลยทันทีก็คือการทำให้หน้าร้าน สินค้า หรือวิธีการขายของเราดูโดดเด่นในช่วงแรก (เพื่อให้เป็นที่จดจำ)

การทำให้ร้านดูโดดเด่นในสายตาลูกค้าก็อาจจะทำให้ลูกค้าให้ความสนใจง่ายขึ้น ลูกค้าบางคนที่เปิดอ่านโฆษณาหรือเดินผ่านหน้าร้านเราแล้วไม่ซื้อ ก็อาจจะจำได้และกลับมาดูใหม่อีกรอบ

คำแนะนำของผมก็คือให้เกาะเทรนด์ไปก่อน หรือจะใช้ช่องทางที่เข้าถึงคนเยอะก็ได้ เช่น ในสมัยก่อนการเปิดเพจ facebook ทำให้เข้าถึงคนได้เยอะ แต่ในสมัยนี้ก็ต้องเป็นการไลฟ์สด 

นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องของการนำเทรนด์ต่างๆที่ดังในสมัยนี้ ที่คนให้ความสนใจเยอะ มาดัดแปลงให้มีความสอดคล้องกับเรื่องของการตลาดและการขายของเรา ในส่วนนี้ดึงดูดลูกค้าได้จริงครับ

วิธีเกาะเทรนด์เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน (ไม่สามารถทำติดกันได้ 3-5 ปี) แต่เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนทำธุรกิจใหม่มาก เพราะธุรกิจใหญ่ ร้านที่ขายดีแล้ว จะไม่ค่อยเกาะเทรด์กัน (พนักงานเยอะ ทำงานเป็นเวลา ทำให้เกาะเทรนด์ยาก) การทำแบบนี้จะทำให้เราเข้าถึงคนเยอะได้ในราคาถูก เป็นการใช้เวลาเข้าสู้

#5 ใช้เวลาสร้างสินทรัพย์ทางธุรกิจ

สิ่งสุดท้ายที่อยากให้ทุกคนพิจารณาก็คือการสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ออนไลน์ ซึ่งสินทรัพย์นี่แหละก็คือหัวใจที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในระยะยาว และยิ่งเราสามารถเริ่มสร้างได้ตั้งแต่วันแรกเลยยิ่งดี

สินทรัพย์มีอยู่หลายอย่างครับ ยกตัวอย่างเช่น ชื่อเสียงภาพลักษณ์ ฐานลูกค้า ทำเล พูดง่ายๆคือของที่เรามีและคู่แข่งสามารถลอกได้ยาก แต่ของเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เราก็ทำเองได้ยากเช่นกัน ตัดสินทรัพย์ที่ทำได้ง่ายๆก็คือสินทรัพย์ออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง content

ช่องทางเช่น YouTube และ เว็บไซต์ เป็นช่องทางที่เหมาะสำหรับการสร้างสินทรัพย์ออนไลน์มาก เพราะวีดีโอที่เราสร้างในวันนี้จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อีกเป็นเวลา 4 ปี 5 ปี (จะแตกต่างจากโพสต์ facebook ที่พอจบวันคนก็เลิกสนใจแล้ว)

สินทรัพย์เหล่านี้จะคอยเพิ่มการเข้าถึงให้เราเรื่อยๆทุกวัน ยิ่งเราสามารถสร้างเพิ่มได้เรื่อยๆ พอผ่านมาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้วเราก็จะมีกระบวนการตลาดที่ดึงดูดลูกค้าเข้ามาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

จริงๆผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนสร้างเว็บไซต์และเริ่มเขียนบทความดึงดูดลูกค้า แต่สิ่งที่น่าจะทำได้ง่ายกว่าก็คือการหยิบมือถือขึ้นมาแล้วก็อัดวีดีโอตัวเองพูดถึงข้อดีข้อเสียของสินค้าและวิธีการใช้งาน แล้วก็นำไปอัพโหลดลง youtube ของแบบนี้ใช้เวลาทำแค่ครึ่งชั่วโมงทุกวัน แต่ถ้าเราทำเรื่อยๆ รับรองลูกค้าจะติดใจ

คำแนะนำสุดท้ายของคนขายของวันแรก.

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า ‘มันเป็นเรื่องธรรมดามากหากคุณขายไม่ได้ในวันแรก’ เพราะจริงๆแล้วการขายของในการทำธุรกิจมันเป็นเรื่องของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจอยู่ ยังสามารถลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนได้อยู่ เราก็ยังทำให้มันดีขึ้นได้

ในเว็บไซต์นี้ผมมีบทความสอนเกี่ยวกับเรื่องของการทำธุรกิจ การตลาด การขาย หรือแม้แต่การบัญชีบริหารเงินอยู่มากมาย ผมแนะนำให้ทุกคนลองศึกษาเพิ่มเติมดูนะครับ

ขายของแต่โดนตัดราคาทำอย่างไรดี? ต้องตัดราคาแข่งหรือเปล่า?
9 มุมมองธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง (ถึงไม่ใหญ่ แต่ไร้เทียมทาน)
11 สาเหตุที่ลูกค้าไม่ซื้อสินค้า (ที่คุณต้องแก้โดยด่วน!)

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด