ในบทความนี้ ผมอยากจะมาแนะนำเรื่องการตลาดบน Google บ้าง ว่า platform นี้ทำอะไรได้ และ เราควรเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งจะรวมถึง Google SEO และ Google Ads เหมาะมากสำหรับคนที่อยากเริ่มออนไลน์ แต่คิดว่าสินค้าตัวเองไม่เหมะากับ Facebook หรือลองแล้ว ขายไม่ได้กำไรอย่างที่คิด
การตลาดบน Google ทำงานอย่างไร
การตลาดและขายของใน Google ส่วนมากจะเป็นการที่คน ‘Search’ คำค้นหาลงไปใน Google ครับ ในแต่ละวันเราค้นหาของหลายอย่าง แต่บ่อยครั้งที่การค้นหาของเหล่านี้ก็จะกลายเป็นการซื้อของด้วย ของที่เห็นได้บ่อยๆก็คือ ประกับภัย เครื่องมือการเกษตร และโฆษณาเรียกลูกค้าเข้าหน้าร้านแต่ละพื้นที่
เวลาพูดถึงการตลาดออนไลน์ เรามักจะคิดถึงการยิงแอดเฟสบุ๊ค ซึ่งสำหรับหลายๆคน Facebook เป็นอะไรที่ทำเงินได้เยอะมาก แน่นอนครับ มีคนเล่น 50 ล้านคนในไทย จะขายอะไรก็ต้องขายได้อยู่แล้ว…ตราบใดที่เราทำโฆษณาถูกกลุ่มเป้าหมาย และ ข้อสำคัญก็คือคราบใดที่เรายังมีคู่แข่ง ไม่เยอะ เพราะถ้าคนขายเยอะ โฆษณาจะแพง เราจะไม่กำไร
แต่สิ่งที่เรามองข้ามกัน หรืออาจจะเห็นอยู่แต่นึกไม่ถึง ก็คือการขายของบน Google ซึ่งมีการรายงานไว้คนไทยส่วนมากที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ต ก็มีแนวโน้มที่จะ Google ทุกวัน หากแปลเป็นตัวเลขก็คือ 50-60 ล้านคนเท่าๆกับคนเล่น Facebook
ซึ่งโดยรวมแล้ว เราก็จะแบ่ง Google เป็นการตลาดสองรูปแบบก็คือ SEO และ Google Ads นั่นเอง (จะมีอธิบายเพิ่มท้ายๆ วิดีโอ)
ปล. ก่อนอื่นผมต้องอธิบายก่อน คือเนื่องจากว่า Google หรือแม้แต่ Facebook เนี่ยมีคนเล่นเกือบทั้งประเทศ จริงๆแล้วเราสามารถขายอะไรก็ได้ทั้งสองเว็บไซต์นะครับ ปัญหาคือคู่แข่งเยอะหรือเปล่า และ เราจะหาวิธีเข้าถึงลูกค้าได้ตามกฎเกณฑ์ของทั้งสองเว็บหรือเปล่า ซึ่งสองอย่างนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าคุ้มเงินและคุ้มเวลาเราแค่ไหน
คำค้นหา (Search) และการเข้าถึงลูกค้า
Google ทำงานด้วยการ ‘ตอบคำค้นหา’ หากมีผู้ใช้งานพิมพ์คำถามหรือคำพูดลงไปใน Google ทาง Google ก็จะไปค้นหาเว็บไซต์ต่างๆที่คิดว่าน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด ซึ่งส่วนนี้ก็เป็นโอกาสที่นักการตลาดออนไลน์สามารถใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าผู้ใช้งานของ Google ได้
เรามาเริ่มที่เรื่องพื้นฐานก่อน สมมุติผมอยากหาโรงงานเย็บผ้า ร้านขายทอง จ้างแม่บ้าน หรือ ของเล่นเด็ก บางทีผมก็ไม้ได้อยากจะไปเข้า Facebook เพื่อไถรอเจอสินค้าที่ผมต้องการใช่ไหมครับ หากเราอยากได้ข้อมูลเร็วๆ เราก็รีบไปเข้า google เลย
ตัวอย่างที่คนพูดบ่อยๆถือ หากรถเราเสียอยู่กลางถนน หรือ หากท่อน้ำเราแตก เราก็ต้องการวิธีแก้ปัญหานี้ทันที เพราะฉะนั้นผมก็ต้องไปค้นหา Google โดยคำที่ผมค้นหาก็อาจจะเป็นแนวที่
- ร้านซ่อมรถ แถว (พื้นที่)
- ราคา มิเตอร์น้ำ
- ซื้อ/ขาย โปรแกรมเก็บออเดอร์ลูกค้า
คำพวกนี้เป็นคำที่แสดงว่าลูกค้ามีปัญหาและพร้อมจ่ายเงินซื้อแล้ว คนเรียกกันว่า Buyer Intent Keyword (คำที่มีเจตนาในการซิ้อ) อย่างไรก็ตามหากเราขยายให้กว้างกว่านี้ หลายคนก็อาจจะค้นหาคำว่า
- รีวิวลำโพง
- รักษาสิว คลินิกไหนดี
- วิธีปลูกผักในบ้านตัวเอง
คำที่เราพิมพ์ไปใน Google เรียกว่า ‘คำค้นหา’ หรือ ‘keyword’ ก็ได้ ครับ คำว่าคำค้นหาจะเป็นศัพท์ที่ผมพูดถึงบ่อยมากในบทความนี้…ซึ่งหากเราให้ข้อมูลลูกค้าได้ถูกใจ สร้างความน่าเชื่อถือได้ หรือสามารถบอกให้ลูกค้าให้อีเมล add line ได้ เราก็อาจจะขายลูกค้าได้ในอนาคต
Google Ads ทำงานอย่างไร
กระบวนการการซื้อโฆษณาผ่านระบบ Google Ads ก็คือ การเลือกคำค้นหาที่เราอยากให้โฆษณาเราไปขึ้น และ การจ่ายเงินให้ Google เพื่อให้เว็บไซต์สามารถจัดอันดับได้ โดย Google จะให้คนจ่ายเงินจัดอันดับขึ้นก่อน แต่ถ้ามีหลายธุรกิจเล็งคำเดียวกัน เราก็ต้องวัดกันด้วย การเขียนโฆษณา ค่าประมูล (Bidding) และ คุณภาพของเว็บไซต์
หากเราเข้าใจแล้าว่า ถ้าเราไปอยู่ในคำค้นหาที่คนค้นหาและพร้อมจ่ายจริงๆ เราก็จะขายได้…ต่อไปเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ไปอยู่ในที่นั้น ซึ่งเพื่อให้เห็นตัวอย่าง เราจะลองกันเลย
‘โรงงานผลิตเครื่องสําอาง’
‘บ้านแมวมือสอง’
เราจะเห็นว่าในสองกรณี จะมีโฆษณาอยู่ด้านบน เขียนไว้ว่าโฆษณา และมีหน้าค้นหาที่ไม่ใช่โฆษณาอยู่ด้านล่าง บางครั้งคำค้นหาก็จะไม่มีโฆษณา แต่โดยรวมแล้วคำค้นหาที่มีโฆษณาก็มักจะเป็นคำค้นหาที่ทำเงินได้ครับ
และหากเรากดเข้าไปในคำค้นหาเหล่านี้ เราก็จะเห็นเว็บไซต์ที่ให้เราจ่ายเงินได้ผ่านระบบออนไลน์ ร้านไหนอยากประหยัดทุนหน่อยก็จะบอกให้ลูกค้าแอดไลน์มาพูดคุยกันได้ มีคนเห็นเว็บเรา 100 คน มีคนคลิก 50 คน มีคนซื้อ 2-3 คน อะไรประมาณนี้
และสำหรับหน้าที่ไม่ได้ทำโฆษณา Google ก็จะจัดอันดับให้เองตามความเหมาะสม Google จะดูว่าหน้าไหนตอบโจทย์คำค้นหาได้ดีสุด เราเรียกสิ่งนี้ว่า Google SEO
Google SEO ทำงานอย่างไร
SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับหน้าเว็บไซต์และเนื้อหาในเว็บไซต์ เพื่อทำให้เราสามารถจัดอันดับได้ดีมากขึ้นใน Google ซึ่งก็จะทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์เรามากขึ้นด้วย โดยในยุค 2021 ขึ้นไป เว็บไซต์ไหนที่มีข้อมูลเยอะสุด อ่านง่ายสุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนมากสุด ก็จะได้จัดอันดับไป
ข้อดีของโฆษณาคือจ่ายเงินวันนี้ จัดอันดับได้ทันที มีเงินก็มีลูกค้า แต่จะคุ้มหรือเปล่าก็อยู่ที่คนทำ คล้ายกับโฆษณา Facebook นะครับ ส่วนข้อดีของ Google SEO คือจัดอันดับฟรี จัดได้แล้ว บางทีอยู่ไปยาวๆเป็นสามปีห้าปี เสาร์อาทิตย์ไม่จ่ายเงินก็มีลูกค้าทักเข้ามาซื้อ
ทีนี้ถ้าถามว่าทำอันไหนดี ส่วนตัวแล้ว ถ้ามีเวลา ผมคิดว่าเราต้องทำทั้งสองอัน หนึ่งเพื่อเก็บเม็ดเงินให้ครบ สองคือไม่ต้องกลัวลูกค้าไปซื้อของคู่แข่ง สามคือเราควรแบ่งการลงทุนเป็นระยะสั้นด้วย google ads และ ระยะยาวด้วย SEO
แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ผมคิดว่าธุรกิจส่วนมากควรลองทำเว็บไซต์และซื้อ google ads ดูซักเดือนสองเดือนก่อน ถ้าเห็นรายได้ เห็นคนเข้ามาแล้ว ก็ให้เจียดเดือนละ 2000-3000 มาจ้างคนเขียนบทความจัดอันดับ SEO ด้วย
Google Ads และ SEO ต่างกันอย่างไร
ข้อดีของทั้ง Google Ads และ SEO คือ มันเป็นการตลาดออนไลน์ที่ตรงไปตรงมามาก หาก Facebook เราต้องแต่งรูป ตัดต่อวิดีโอ ไลฟ์สด โพสคอนเทนต์ทุกวัน เราจะเห็นได้ว่าการทำ Google Ads หรือ SEO นั้นแทบไม่ต้องคุมเยอะ
- โฆษณาแค่เขียนอธิบายสินค้า บวกข้อดีก็เริ่มขายได้แล้ว ภาพไม่ต้องทำ
- คนไทยสนใจน้อยกว่ามาก แปลว่าคู่แข่งน้อย มีโอกาสกำไรได้กว่า
- ถ้าเราลงถูก keyword จริงๆ ลูกค้าซื้อได้ง่ายมาก บางอันผมปิดลูกค้าได้ 20-30% เลย
- หลายคนมี facebook account แต่ไม่ได้เล่นประจำ (อย่างเด็กและวัยรุ่นสมัยนี้ ที่เล่น IG TikTok) แต่ทุกคนต้อง google ครับ
ส่วนข้อเสียก็ดังนี้ครับ
- ควรมีเว็บไซต์ จริงสมัยนี้ราคาไม่แพงนะครับ ดูวิดีนี้ของผม
- Facebook ถ้าเราทำโฆษราเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ โตได้เยอะมากครับ Google ผมทำแล้วรู้สึกว่าได้กำไร แต่ก็จะตันอยู่ในระดับหนึ่ง
- วัดผลและปรับปรุงได้ยาก หากเราดูข้อมูลหลังบ้านไม่เป็น เราจะไม่รู้ว่าโฆษณาไหนทำเงินได้ ทำเงินไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ระบบ Facebook ทำได้ง่ายกว่า ลูกค้าส่งสลิปมา เราก็คอมเฟิม Facebook รู้ว่าเราได้เงิน
บทความนี้ผทขอจบแค่นี้ครับ ผมมีบทความและวิดีโออธิบายเรื่องการทำ SEO ไว้บ้างแล้ว หากอ่านหัวข้อนี้แล้วสนใจก็ไปต่อแค่ละหัวข้อได้เลย