ในปี 2024 รายงานบอกไว้ว่ามีการค้นหาบน Google มากถึง 8,000 ล้านครั้ง…ต่อวัน (ที่มา)
นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่าเรากำลังจะขายของ หรือแค่อยากจะให้คนเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา เราก็สามารถเข้าถึงคนเป็นจำนวนมากได้ เพียงแค่เรารู้วิธีปรับเว็บไซต์ของเรา โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็มีหลายเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ซึ่งผมก็สามารถดึงคนเข้ามาในเว็บไซต์ของผมได้ปีละหลายล้านเพจวิว ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Google SEO
ในบทความนี้เราจะมาพูดกันเกี่ยวกับเรื่องของการเริ่มต้นทำ SEO ซึ่งก็จะรวมถึงพื้นฐานการทำ SEO ต่างๆ และ ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ที่ควรจะรู้ในปี 2024 … ซึ่งสนุกแน่ๆเพราะผมทำสิ่งนี้มาหลายปีมากๆ แต่ในปีที่ผ่านมาทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด 😀
พื้นฐาน SEO ปี 2024: ตอบคำถามที่มือใหม่ทุกคนมี
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึงการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะกับเครื่องมือค้นหาในโลกออนไลน์ หรือว่า Search Engine อย่าง Google มากขึ้น เว็บไซต์ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับเครื่องมืออย่าง Google ได้มากกว่าก็จะสามารถจัดอันดับได้ดีกว่า ซึ่งก็แปลว่าจะเข้าถึงและดึงดูดคนเข้าเว็บไซต์ได้มากกว่า
เพราะว่าการจัดอันดับใน Google ถือว่าเป็นการจัดอันดับที่ไม่มีค่าใช้จ่าย นักการตลาดหลายคนจะเรียกสิ่งนี้ว่า Free Traffic หรือ Organic Traffic (ซึ่งจะแตกต่างจากการดึงคนเข้าเว็บไซต์ผ่านโฆษณาหรือ Influencer ที่มีต้นทุน) ทำให้ SEO ถือว่าเป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่มีผลตอบแทน (ROI) สูงมาก
ซึ่งในปีที่ผ่านมา คนส่วนมากจะคิดว่าการทำ SEO เป็นแค่การปรับแต่งเว็บไซต์ แต่จริงๆแล้วมีอะไรเพิ่มเติมมาเยอะในยุคหลังๆ
วิธีจัดอันดับด้วย Google SEO
เมื่อประมาณ 5-10 ปีที่แล้ว เรามักจะได้ยินว่าการจัดอันดับใน Google จะมีทริคง่ายๆ อย่างการเอาลิงก์เว็บไซต์เราไปแปะไว้ในเว็บไซต์หลายๆที่ (หรือการใส่คำค้นหาเยอะๆไว้ในหน้าให้เราอยากจะจัดอันดับ (Keyword Stuffing) แต่ในยุคปัจจุบัน Google มีระบบจัดอันดับที่ฉลาดและซับซ้อนมากกว่านี้เยอะ
วิธีการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google ในปี 2022 ก็คือการตอบคำถามของผู้ใช้งาน Google นั่นก็แปลว่าเราต้องถามตัวเองกลับไปทุกครั้ง ว่าคนที่กำลังค้นหาคำแต่ละคำใน Google นั้น เขากำลังมองหาคำตอบอะไรอยู่ สิ่งนี้เรียกว่า Search Intent หรือเจตจำนงในการค้นหา แต่ว่า …
วิธีจัดอันดับ Google ในปี 2024 คือการสร้างความน่าเชื่อถือ ความเชี่ยวชาญ ผ่านประสบการณ์และความรู้ของคุณ สิ่งนี้ในวงการการตลาดจะเรียกว่า EEAT (ที่มา) โดยที่ Google แจ้งว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวตัดสินว่าเนื้อหาไหนในโลกออนไลน์มีคุณภาพมากพอในการจัดอันดับ
Google จะอิงข้อมูลต่างๆมาจากเว็บไซต์เช่น keyword จากคำพูด และ tag จากในรูปภาพ แต่ถ้าเนื้อหานั้นมาจากคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย (เช่นการให้นักการตลาดมาเขียนรีวิววิธีแต่งหน้าความสวยความงาม) เนื้อหานั้นก็อาจจะทำ SEO ได้ถูกต้อง 100% แต่จริงๆแล้วเขียนผิดก็ได้ !
ในมุมมองผมการจัดอันดับของ Google เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำยาก เพียงแต่ว่าเราอาจจะต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลเยอะ และเราก็ต้องรู้วิธีที่สามารถจะเรียบเรียงหรือถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ให้กับผู้อ่านให้สามารถเข้าใจได้ง่าย
และผมก็พูดเสนอว่าในยุคนี้ คนที่มีประสบการณ์ตรงในหัวข้อนั้นๆ เขียนข้อมูลได้ถูกใจ Google มากกว่านัก SEOเสียอีกครับ เห็นได้บ่อยคือสินค้าด้านการเงินและสุขภาพครับ
จัดอันดับ SEO ใช้เวลานานแค่ไหน
จากประสบการณ์ผม การจัดอันดับบน Google นั้น ใช้เวลามากถึง 4 ถึง 6 เดือนเลย ยิ่งเราเป็นเว็บไซต์ที่ใหม่ เราก็ต้องใช้เวลานานขึ้นในการพิสูจน์ตัวเองให้ Google เข้าใจว่าข้อมูลของเรานั้นมีคุณภาพ
นอกจากนั้นแล้ว เราก็ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆอีก เช่นจำนวนคู่แข่งของแต่ละคำค้นหา หรือ ความยากง่ายของการจัดอันดับแต่ละคำค้นหา (ส่วนมากจะขึ้นอยู่กับว่าหัวข้อนั้นๆเป็นหัวข้อที่ Google ให้ความสำคัญมากแค่ไหน เช่น เรื่องการเงินหรือเรื่องสุขภาพของคนจะจัดอันดับได้ยาก)
โดยรวมแล้ว วิธีที่ผมใช้ในการจัดอันดับก็คือการเขียนบทความออกมาก่อน 1 บทความ หลังจากนั้นผมก็จะกลับมาจัดการหรือว่าตกแต่งบทความไหมทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อทำให้บทความนี้จัดอันดับได้ดีมากขึ้น
ทำไมเว็บ XYZ ถึงจัดอันดับได้ดีกว่าเรา?
ส่วนมากแล้วการจัดอันดับที่ดีก็คือการให้ข้อมูลที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพหรือว่าปริมาณ อย่างไรก็ตาม หากเรามั่นใจว่าคุณภาพและปริมาณของเนื้อหาในเว็บไซต์เหล่านั้นเทียบเท่าได้กับของคู่แข่ง ที่เราต้องคำนึงถึงต่อมาก็คือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเว็บไซต์ Apple.com เป็นเจ้าของสินค้า iPhone ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเว็บไซต์นี้ก็จะได้เปรียบกว่าเสมอเวลาที่จะจัดอันดับที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ iPhone เช่นเดียวกัน เว็บไซต์เจ้าใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็น Sanook Pantip หรือเว็บข่าวเจ้าดัง เว็บเหล่านี้ถือว่ามีความน่าเชื่อถือเยอะ ถ้าเนื้อหาของเราไม่ได้ดีกว่าเว็บไซต์เหล่านี้แบบก้าวกระโดด โอกาสที่จะจัดอันดับของเราก็มีน้อย
อีกหนึ่งกรณีก็คือ เวลาที่มีเว็บไซต์เล็กๆมาแย่งตำแหน่งของเรา ซึ่งในส่วนนี้เราต้องดู 2 อย่างว่าในระยะยาวเขาจัดอันดับได้ดีกว่าหรือเปล่า เพราะว่าบางทีกูก็เขาก็ปรับปรุง algorithm เล็กน้อย ทำให้บางเว็บไซต์มีอันดับเปลี่ยนแปลงได้ง่ายในระยะสั้น แต่พอในระยะยาวก็จะกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม
ในมุมมองนี้จะเรียกว่าเว็บไซต์ใหญ่มีความน่าเชื่อถือกว่าเว็บไซต์ใหม่ๆก็ได้ครับ
นอกจากนั้นก็มีเรื่องของการทำ backlink ซึ่งเดี๋ยวผมจะอธิบายเพิ่มเติมอีกทีภายหลัง
Ahref/Nielpatel/Moz ดีจริงหรือเปล่า?
ถ้าคุณอยู่ในวงการ SEO มาสักพัก ผมคิดว่าก็คงเคยได้ยินชื่อของเครื่องมือการทำ SEO เหล่านี้มาบ้าง หลายๆคนที่สอบถามผมเข้ามาเรื่องการทำ SEO ชอบยกตัวอย่างเครื่องมือเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานหลักในการปรับแต่งเว็บไซต์ตัวเอง…อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้คิดว่าการอิงเครื่องมือเหล่านี้ 100% เป็นเรื่องที่ถูกต้องนัก
สิ่งแรกที่เราต้องทำความเข้าใจก็คือ มีเพียงบริษัทเดียวที่มีข้อมูลของผู้ใช้งาน Google ซึ่งบริษัทนั้นก็คือ Google เอง สิ่งที่เครื่องมือภายนอกเหล่านี้ทำก็คือการ ‘พยายามประเมิน’ ด้วยบรรทัดฐานของตัวเองว่าเว็บไซต์นี้ดีหรือไม่ดี
เพราะฉะนั้น ว่าสามารถเอาเครื่องมือเหล่านี้มาใช้งานได้ เพื่อเป็นการสร้างไอเดียหรือเพื่อเป็นการจัดอันดับความสำคัญของงาน แต่เราก็ควรที่จะมีทิศทางการทำงานเป็นของตัวเองด้วย ไม่ควรอิงเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งมากเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเว็บไซต์ที่เป็นภาษาไทย และ traffic ที่มาจากประเทศไทย ผมเห็นว่าเครื่องมือเหล่านี้วัดผลไม่ตรงอย่างมาก…ในหลายๆกรณี
เปรียบเทียบง่ายๆก็คือเอาตัวเลขของเครื่องมือที่เขาประเมินมาให้ มาเทียบกับตัวเลขจริงในเว็บไซต์ผม …ต่างกันสิ้นเชิง
วิธีจัดอันดับ SEO ให้เร็วขึ้น
อย่างที่ผมเคยพูดไว้ สิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนกลับมาพิจารณาก็คือคุณภาพของข้อมูลที่เราแจกจ่ายให้ในเว็บไซต์เรา โดยรวมแล้วสำหรับเว็บไซต์ภาษาไทย แค่เราให้ข้อมูลเยอะขึ้นกว่าคู่แข่ง เราก็สามารถจัดอันดับได้ง่ายแล้ว (เช่นเดิม ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและลงลึก)
แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าในกรณีที่ทุกอย่างเท่าเทียมกันหมด Google จะวัดผลจากความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ เครื่องมือหลายๆที่พยายามตีค่าสิ่งเหล่านี้เอามาเป็นตัวเลขว่า Domain Authority (แต่เอาจริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกครับ ยิ่งถ้าเราเข้าใจว่า Google ปรับ algorithm วันละหลายร้อยรอบ)
อย่างไรก็ตามหากเราอยากจะทำให้เว็บไซต์เราจัดอันดับได้ดีขึ้นในระยะเวลาที่เร็วขึ้น ผมคิดว่าสิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือการ outreach ทำ backlink … หมายถึงการส่งอีเมล์หรือโทรศัพท์ไปหาเว็บไซต์ต่างๆเพื่อให้เขาลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา (บางครั้งก็อาจจะต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเล็กน้อย)
เวลาทำ SEO ผมจะไม่แนะนำให้ทุกคนทำเป็นสายเทาอย่างเด็ดขาด เพราะมันคือกลยุทธ์ระยะสั้นที่ทำให้เราจัดอันดับได้ดี พอมาเป็นระยะยาวแล้วเว็บไซต์เราจะเสียมากกว่าได้ ซึ่งมันขัดกับหลักการทำ SEO ที่เป็นวิธีทำการตลาดออนไลน์เพื่อให้ผลตอบแทนระยะยาวเป็นอย่างมาก
โดยในโลกออนไลน์ สิ่งนี้ก็จะตีความได้ว่า ‘ขนาดเว็บอื่นยัง reference มาเว็บนี้เรื่องด้านนี้เลย แปลว่าเว็บนี้ข้อมูลแน่นจริงๆด้านการทำ XYZ เค้าคือผู้นำของด้านนี้แน่ๆ’
แต่ถ้าเรายืนยันว่าจะไม่ทำ backlink จริงๆ อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ก็คือการ interlink ที่เชื่อมหน้าหลายหน้าในเว็บไซต์ของเราเข้าด้วยกัน เป็นหนึ่งในวิธีที่จะเป็นสัญญาณบอก Google ว่าน่าจะละหน้าของเรานั้นมีข้อมูลอะไรบ้าง
ในปี 2024 ผมมีทำวิดีโอสอน SEO ไว้นะครับ ลองไปดูกันได้