11 เคล็ดไม่ลับทําให้ธุรกิจเติบโต เทคนิคเพิ่มยอดขาย

11 เคล็ดไม่ลับทําให้ธุรกิจเติบโต เทคนิคเพิ่มยอดขาย

โลกของการทำธุรกิจและของการค้าขายมีอุปสรรคหลายอย่าง มีทั้งแรงกดดันจากคู่แข่ง การปรับตัวให้เหมาะกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่ปัจจัยสุดปวดหัวอย่างเศรษฐกิจ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจมือใหม่หรือคนที่ทำงานมานานแล้วหลายสิบปี คำถามที่ทุกคนก็ต้องกังวลกันก็คือ ‘ทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโต’

บทความนี้ ผมมี 11 เคล็ดไม่ลับทําให้ธุรกิจเติบโต ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายได้ เราไปดูกันเลย

Table of Contents

11 เคล็ดไม่ลับทําให้ธุรกิจเติบโต เทคนิคเพิ่มยอดขาย 

เทคนิคเพิ่มยอดขาย ที่ผมเขียนไว้ในบทความนี้อาจจะมีความเหมาะสมและข้อจำกัดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างองค์กร ขนาดขององค์กร หรือแม้แต่ชนิดของอุตสาหกรรมและสินค้า ให้ลองอ่านดูแล้วพยายามนำไปปรับปรุงให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้เลยครับ

#1 คุยกับลูกค้าเพื่อหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ

ผมเข้าใจว่าหัวข้อนี้ทุกคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว จะทำธุรกิจให้ดีเราต้องเข้าใจลูกค้า คนส่วนมากใช้ คำว่า ‘เข้าใจลูกค้า’ เป็นคำคมพูดให้ดูเท่ดูฉลาด แต่ก็ไม่มีข้อแนะนำที่จับต้องได้มากกว่านี้ เพราะฉะนั้นในวันนี้เรามาดูกันว่า ‘การเข้าใจลูกค้า’ ต้องทำยังไงบ้าง

ในเบื้องต้นแล้ว การคุยกับลูกค้าสามารถแบ่งได้ 2 รูปแบบ เป็นการสัมภาษณ์ลูกค้าและการทําแบบสอบถาม ส่วนของการสัมภาษณ์อาจจะเป็นการตีเนียนคุยกับลูกค้าที่เข้ามาซื้อของที่หน้าร้าน หรืออาจจะเป็นการนัดลูกค้าประจำเขามาสัมภาษณ์ก็ได้ ส่วนการทำแบบสอบถามก็เป็นการเก็บข้อมูลที่ดี หากคุณออกแบบคำถามเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามรถจ้างคนเก็บข้อมูลได้

ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์หรือการทำแบบสอบถาม ในส่วนนี้การเก็บข้อมูลของลูกค้าควรจะถูกแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ก็คือการถามคำถามปลาย ซึ่งจะเก็บข้อมูลได้ลึกกว่า แต่ลูกค้าก็จะไม่ค่อยอยากทำกันเท่าไร เพราะต้องคิดเยอะ เมื่อเราได้คำตอบจากข้อที่หนึ่งมาในระดับหนึ่งแล้ว เราค่อยสรุปแล้วทำไปทำเป็นคำถามแนวปรนัย (มีตัวเลือก) ให้ลูกค้าแบบกว้างทำอีกที เราจะได้ข้อมูลเยอะขึ้น

#2 ขายสินค้าเหมือนเดิม แต่หากลุ่มลูกค้าใหม่ 

ในส่วนนี้เป็นกลยุทธ์แบบพื้นฐานที่สุดเลย เราอยากเพิ่มยอดขาย เราก็ไม่ต้องปรับธุรกิจอะไรมาก แค่ต้องหาลูกค้าเพิ่ม ธุรกิจส่วนมากเวลาที่อยากจะเพิ่มยอดขายก็เลือกที่จะใช้กลยุทธ์นี้เป็นหลัก

อย่างไรก็ตามการเพิ่มลูกค้าก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ส่วนมากแล้วเราก็ต้องมาดูว่าช่องทางการขายและช่องทางการตลาดของธุรกิจนั้นถูกใช้ไปอย่างเต็มศักยภาพมากแค่ไหน คำถามที่ต้องตอบให้ได้ก็คือ

เราใช้ช่องทางการขายในช่องทางการตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพแล้วหรือยัง
เราจะเพิ่มช่องทางการขายและช่องทางการตลาดใหม่ได้หรือเปล่า

หากคุณมีหน้าร้าน และพนักงานดูแลลูกค้าของคุณทำงานเต็มที่แล้ว การจ้างพนักงานเพิ่มก็เป็นสิ่งที่คุณทำได้ง่ายๆเพื่อเพิ่มยอดขาย เพราะคุณจะดูแลลูกค้าได้มากขึ้น หรือถ้าคุณเปิดร้านที่ห้าง คุณก็อาจจะพิจารณาขยายสาขาเพิ่มยอดขาย 

ในส่วนของช่องทางการตลาด แต่ทุกวันนี้คุณโฆษณาอยู่แค่บน Facebook  คุณก็อาจพิจารณาไปทำโฆษณาบน YouTube เพื่อเพิ่มการเข้าถึง ไม่แน่เราอาจจะเจอช่องทางที่ทำกำไรให้เรามากกว่าเดิมก็ได้

#3 หาสินค้าใหม่ เพื่อขายลูกค้าเก่า

ถ้าคุณคิดว่าช่องทางการขายและช่องทางการตลาดของคุณ ยังสามารถถูกใช้งานให้มีประสิทธิภาพได้มากกว่านี้ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการหาสินค้าใหม่เพื่อมาขายลูกค้าเพิ่ม หลักการง่ายๆก็คือหากลูกค้าคนเก่าซื้อสินค้ามากขึ้น ยอดขายของเราก็จะเพิ่มมากขึ้น

ในส่วนนี้สิ่งที่ต้องคิดก็คือสินค้าตัวไหนที่จะเหมาะกับลูกค้าในช่องทางการขายและการตลาดของเรา ลูกค้าเก่าของเราอยากได้อะไรเพิ่มบ้าง?

สุดท้ายแล้วคำตอบก็อยู่ที่ว่าคุณจะเก็บข้อมูลของลูกค้าได้เยอะแค่ไหน อาจจะเป็นการถามคำถามง่ายๆว่าลูกค้าอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า หรือเป็นการลองสังเกตดูว่าปกติลูกค้าถามเราว่า ‘มีสินค้าตัวนี้ไหม’

ธุรกิจที่ดำเนินการมานานแล้ว หลายธุรกิจอาจจะรู้สึกถูกผูกมัดกับสินค้าที่ตัวเองขายมากเกินไป อาจจะเป็นความเคยชิน หรือเป็นอีโก้ของเจ้าของว่า ‘เราต้องขายแบบนี้เท่านั้น’ แต่ในสมัยใหม่นี้ เราจะเห็นได้บ่อยว่าธุรกิจที่ปรับตัวได้เยอะก็จะยิ่งได้เปรียบ 

ในส่วนนี้ยิ่งคุณใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะก็ยิ่งดี ถามเมื่อก่อนคุณขายสินค้าก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะ ‘เพิ่มบริการ’ ให้กับลูกค้าไม่ได้ (โดยเฉพาะบริการที่สร้างเงินให้กับคุณ) และแน่นอนว่าหากคุณเป็นกิจการแบบให้บริการ คุณก็สามารถนำสินค้ามาขายเพิ่มได้ด้วย การหาสินค้าใหม่ไม่มีหลักตายตัว ผมแนะนำให้คุณฟังลูกค้าให้มากและลองทดสอบการขายเล็กน้อยเพื่อดูตลาดไปก่อน

#4 หาสินค้าใหม่ ไปขายลูกค้าใหม่

สุดท้ายแล้วค่ะคุณคิดว่า ลูกค้าเก่าของคุณไม่น่าจะซื้ออะไรเพิ่มแล้ว สินค้าเก่าของคุณไม่สามารถขยายตลาดไปมากกว่านี้ได้แล้ว ทางเลือกก็ไม่พ้นการหาสินค้าใหม่ ไปขายกลุ่มลูกค้าใหม่ไปเลย

แน่นอนว่าจะเปิดตลาดใหม่ และหาสินค้าใหม่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเริ่มทำได้ง่ายๆ ในกรณีนี้ยิ่งต้องลงทุนเยอะ คุณยิ่งต้องระวัง เลือกสินค้าให้เหมาะสมแล้วก็เลือกตลาดที่น่าจะมีแนวโน้มในระยะยาว

ข้อดีก็คือคุณไม่จำเป็นต้องเริ่มมาจากศูนย์เสมอไป คุณอาจจะมีพนักงานอยู่แล้ว มีคู่ค้าทางธุรกิจอยู่บ้าง หรือมีประสบการณ์จากการทำธุรกิจมาสักพักนึงแล้ว การนำทรัพยากรเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุดก็จะช่วยให้คุณสามารถเปิดตลาดใหม่ด้วยสินค้าใหม่ได้ง่ายขึ้น 

กลยุทธ์นี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เหมาะสำหรับธุรกิจสองประเภทเท่านั้น ประเภทแรกก็คือธุรกิจที่มีเงินสำรองเยอะ พร้อมที่จะทดสอบอะไรใหม่ๆ และประเภทที่สองก็คือธุรกิจที่ ‘จนตรอก’ คิดไม่ออกแล้วว่าตลาดเก่า ลูกค้าเก่า สินค้าเก่าจะพัฒนาไปได้ยังไง

#5 การทดสอบเพื่อลดความเสี่ยง 

อีกหนึ่งมุมมองที่เจ้าของธุรกิจต้องปรับความคิดให้ได้ก็คือการมองวิธีต่างๆว่าเป็น ‘ไอเดียในการทดสอบ’

เนื่องจากการทำธุรกิจประกอบไปด้วยปัจจัยหลากหลายอย่างไปหมด ทำให้เราไม่สามารถ ‘เหมารวม’ ได้ว่าคำแนะนำจากธุรกิจแบบหนึ่งจะสามารถนำไปใช้ได้ในธุรกิจอีกแบบ แต่หากคุณอยากจะทำให้ธุรกิจเติบโต ให้โดดเด่น ให้รุ่ง คุณก็จำเป็นที่จะต้องทดสอบ ทดลองอะไรใหม่ๆ 

การทดสอบเป็นวิธีเดียวที่คุณจะรู้ได้ว่าวิธีเพิ่มยอดขายแบบไหนที่จะเหมาะกับธุรกิจควรที่สุด โดยที่คุณจะไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุนที่ใช้เงินมากเกินไป หากคุณอยากลองเปิดสินค้าตัวใหม่ เปิดตลาดใหม่ คุณก็ควรทดสอบด้วยการคุยกับลูกค้าก่อน หากคุณอยากลองเปิดช่องทางการขายใหม่ คุณก็ต้องคิดว่าจะทำยังไงให้สามารถเก็บข้อมูลได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ

#6 การสร้างฐานลูกค้า และการให้ความสำคัญกับลูกค้าเก่า

ข้อนี้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการมาซักพักแล้ว รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของตัวเองคือใคร อยู่ที่ไหน ในกรณีนี้การสร้างฐานลูกค้าต้องเป็นการสร้างสินทรัพย์ที่ดีที่สุดของบริษัท 

การสร้างฐานลูกค้าเป็นการลงทุนในระยะยาว หากเราเริ่มเก็บข้อมูลลูกค้าวันนี้ ตั้งแต่ ชื่อลูกค้า เบอร์ติดต่อ ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อต่างๆ เราก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอน 

การหาลูกค้าใหม่เรื่อยๆต้องใช้ความพยายามเยอะ ในทางตรงกันข้ามหากเราให้ความสำคัญกับลูกค้าที่เคยซื้อของกับเราแล้ว ลูกค้าที่รู้จักเราแล้ว โดยการสร้างฐานลูกค้าและเก็บข้อมูลว่าลูกค้าแต่ละคนชอบอะไรบ้าง เราก็จะสามารถเพิ่มยอดขายให้กลับกิจการของเราได้ง่ายขึ้น

#7 สับเปลี่ยนระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์

เจ้าของธุรกิจส่วนมากมองว่าการทำธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกิจที่ไม่ใช่ออนไลน์ (ธุรกิจมีหน้าร้านแบบดั้งเดิม) เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน บางคนเลือกที่จะทำออนไลน์เพราะคิดว่าเป็นโอกาสใหม่ บางคนคิดจะทำธุรกิจแบบออฟไลน์ หรือแบบดั้งเดิมเพราะตัวเองไม่เคยลองขายออนไลน์มาก่อน 

แต่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์หรือไม่ออนไลน์ หากคุณดำเนินการมาสักพักนึงแล้ว คุณก็คงรู้สึกว่าธุรกิจเริ่มติดขัด ไม่เติบโตเร็วเหมือนที่ผ่านมา ในกรณีนี้คำแนะนำที่สามารถลองพิจารณาได้ก็คือการปรับมุมมองว่าธุรกิจต้องเป็นแค่แบบออนไลน์หรือต้องเป็นแค่แบบออฟไลน์เท่านั้น

หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้าน ก็อาจจะให้ลองลงทุนทำการตลาดออนไลน์ดูก่อน หรือหากธุรกิจของคุณเป็นการขายของออนไลน์ การออกไปตั้งบูธในงานสักงานนึงก็เป็นการโฆษณาธุรกิจที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วแม่ว่าธุรกิจของเราจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ หากเราสามารถเข้าถึงลูกค้าที่เราต้องการได้วิธีไหนก็คุ้มค่าที่จะทดลองทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคนตีกรอบให้กับตัวเองมากแค่ไหน

#8 รู้จักการ “กรวยการขาย” และการคัดกรองลูกค้า (Sales Funnel)

‘กรวยการขาย’ (Sales Funnel) คือการทำความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เพื่อที่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนากระบวนการเข้าถึงและกระบวนการขายต่างๆให้ดีขึ้นได้

สิ่งที่เราต้องเข้าใจก็คือลูกค้าแต่ละคนมีความอยากซื้อไม่เหมือนกัน และลูกค้าคนเดียวกันในแต่ละช่วงเวลาก็มีความอยากซื้อเหมือนกันเช่นกัน ลูกค้าที่เข้ามาหน้าร้านวันนี้อาจจะแค่อยากสอบถามข้อมูล เพื่อกลับเข้ามาซื้อในวันหลัง 

กรวยการขายแบบง่ายๆก็คือการแบ่งลูกค้าให้เป็น 3 กลุ่ม ก็คือคนที่เดินผ่าน คนที่ให้ความสนใจ แล้วคนที่พร้อมอยากซื้อ และแน่นอนว่า ตามหลักแล้วคนที่เดินผ่านก็ย่อมมีมากกว่าจำนวนคนที่อยากซื้อ ใช่ไหมครับ

คำถามในส่วนนี้ก็คือคุณสามารถวัดผลได้ดีแค่ไหนว่า ในแต่ละวันคุณมีคนเดินผ่านกี่คน คนมีคนให้ความสนใจกี่คน และคุณมีคนที่พร้อมอยากจะซื้อกี่คน หากคุณสามารถตีจำนวนบุคคลเหล่านี้ได้ คุณก็จะวัดผลได้ง่ายว่าส่วนไหนที่เป็นจุดบอดของธุรกิจของคุณ 

ธุรกิจบางประเภทมีคนเดินผ่านเยอะแต่กลับไม่มีคนให้ความสนใจเดินเข้าร้าน บางประเภทก็มีคนเดินเข้าร้านเยอะแต่ก็ไม่มีคนซื้อ หรือบางประเภทก็ไม่มีคนเดินผ่านเลย จุดบอดเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยวิธีทำการตลาดชนิดต่างๆ เช่นอาจจะเป็นการทำโฆษณาเรียกลูกค้า การจัดร้านให้ดูน่าเดินเข้า การสอนทักษะการขายให้กับพนักงาน หากคุณรู้ว่าปัญหาอยู่ไหนคุณก็จะจัดลำดับความสำคัญได้

#9 ยอดขายระยะสั้นและความน่าเชื่อถือในระยะยาว (Branding)

หลายครั้งที่เวลาเจ้าของธุรกิจรู้สึกว่ากิจการไม่เติบโต ยอดขายไม่ขึ้น สิ่งแรกที่คิดถึงก็คือการตัดคุณภาพสินค้า คุณภาพบริการ เพื่อที่จะได้ขายสินค้าได้ในราคาถูกลง เพื่อดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย

แต่หากคุณมองในมุมมองของลูกค้าหรือผู้บริโภคจริงๆแล้ว สินค้าราคาถูกที่คุณภาพไม่ดี ไม่มีการบริการเพิ่มเติม ก็เป็นสินค้าที่เรามักจะไม่กลับไปใช้บริการบ่อย ในทางตรงกันข้ามร้านค้าที่ขายราคาแพงกว่าจะมีบริการดีก็มักจะเป็นร้านค้าที่มีลูกค้าประจำเยอะ (ลองเทียบกับร้านในห้างที่มีราคาแพงหน่อยและร้านแผงลอยที่ขายราคาถูก) 

ผมเข้าใจว่ายอดขายในระยะสั้นและเงินหมุนก็เป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ แต่ถ้าคุณอยากจะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่ได้ในระยะยาวคุณก็ต้องหันมาใส่ใจกับคุณภาพ ใส่ใจกับการสร้างแบรนด์ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับการขายของถูก และการตัดราคาคู่แข่ง เพราะอย่างที่บอก การรักษาลูกค้าเก่าและลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ สำคัญพอๆกันหรืออาจจะมากกว่าการหาลูกค้าใหม่

สำหรับธุรกิจที่ไม่พร้อมที่จะทุ่มเงินกับการตลาดสร้างแบรนด์เยอะก็สามารถเริ่มแบบง่ายๆด้วยการใส่ใจกับการให้ข้อมูลความรู้ลูกค้า เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ซึ่งเป็นการสร้างแบรนด์ที่ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ใช้การใส่ใจกับลูกค้ามากกว่า

การสร้างแบรนด์เป็นทักษะสำคัญของนักการตลาดนะครับ จะช้าหรือเร็วธุรกิจของเราก็ต้องการแบรนด์ที่ดีอย่างแน่นอน ในส่วนนี้ผมแนะนำให้ทุกคนอ่านบทความเรื่อง การสร้างแบรนด์ Branding ของผมที่จะอธิบายขั้นตอนต่างๆที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์นะครับ

#10 การทำให้ธุรกิจเติบโต หากเทียบกับคู่แข่งประเภทต่างๆ 

ในส่วนนี้จะเป็นการสอนวิธีคิดและกลยุทธ์ทำธุรกิจ หากอยากให้ธุรกิจเติบโต เทียบกับคู่แข่งประเภทต่างๆ

หากคุณมีทรัพยากรเพียงพอและพร้อมที่จะชนกับคู่แข่งโดยตรง กลยุทธ์ส่วนมากที่คนนิยมกันก็คือการตัดราคา ตัดกำไรเพื่อซื้อใจลูกค้า รอให้คู่แข่งหมดเงินทุนแล้วค่อยปรับราคาขึ้นมาใหม่ หลายคนก็คงรู้แล้วว่าการทำแบบนี้มีแต่ขาดทุน หากคุณไม่พร้อมที่จะชน ก็สามารถใช้วิธีอื่นๆที่ผมแนะนำมาได้ หรือให้ลองไปดูกลยุทธ์การต่อไป ซึ่งก็คือ

หากคู่แข่งของคุณใหญ่เกินไป คุณไม่อยากสู้โดยตรง วิธีการทำให้ธุรกิจเติบโตได้ดีที่สุดก็คือการ ‘หาทางอ้อม’ เช่นการหาช่องทางการขาย ช่องทางการตลาดที่คู่แข่งไม่ได้อยู่ ซึ่งส่วนมากก็อาจจะเป็นช่องทางขนาดเล็ก ที่อาจจะสร้างรายได้ให้เราน้อยหน่อย แต่ก็เป็นโอกาสในการสร้างเนื้อสร้างตัวสำหรับธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งขันกับธุรกิจใหญ่ได้ 

โดยการเลือก ‘ช่องทางขนาดเล็ก’ ที่ดีก็คือการเลือกช่องทางมีมีแนวโน้มในการเติบโตสูง อาจจะเป็นเว็บไซต์โฆษณาใหม่ๆ โซเชียลมีเดียใหม่ๆ ที่ธุรกิจขนาดใหญ่ส่วนมากจะไม่ค่อยสนใจกันเพราะทำกำไรได้น้อย (หากเทียบกับกำไรของธุรกิจขนาดใหญ่) ซึ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กแล้ว เราก็ต้องรีบสร้างฐานลูกค้าในช่องทางพวกนี้ในขณะที่ยังมีการแข่งขันน้อยอยู่ รอวันที่ช่องทางนี้จะใหญ่ขึ้นตามเวลา

#11 ข้อคิดสุดท้าย ลองอะไรใหม่ๆได้แต่อย่าให้เสียโอกาสที่เราทำมา 

สุดท้ายแล้วการลองกลยุทธ์ใหม่ๆ หาสินค้าใหม่ๆ หรือหาตลาดใหม่ๆ ก็เหมือนกับเป็นสิ่งแวววาวดึงดูดสมาธิของเรา

มุมมองสุดท้ายในวันนี้ก็คือ หากคุณมั่นใจในกระบวนการที่คุณมีอยู่แล้ว ว่าคุณทำดีแล้วและสามารถทำให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ บางครั้งการทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงที่สุดก็คือการทำแบบเดิม เราคงคุณภาพให้ดีเหมือนเดิม ให้ความสำคัญกับลูกค้าเหมือนเดิม แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกลไกของธุรกิจเอง

การมองหาโอกาสใหม่ๆ ทดลองของใหม่ๆเป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นสิ่งที่เราควรทำเมื่อเราดูแลสิ่งที่เรามีอยู่ได้อย่างเดียวเท่านั้น หากคุณไม่สามารถดูแลลูกค้าปัจจุบันได้ดี ต่อให้คุณหาลูกค้าใหม่มาเยอะแค่ไหน การเพิ่มยอดขายก็คงไม่ใช่เรื่องทำได้ง่ายๆ ภาษาไทยเขาเรียกว่า ‘จับปลาสองมือ’

เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะเริ่มพิจารณาเทคนิค เคล็ดลับ หรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตได้ เราก็ต้องกลับมาดูก่อนว่าปัจจุบันนี้เราทำทุกอย่างได้ดีมากพอหรือยัง เราแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้หมดทุกอย่างแล้วหรือเปล่า และลูกค้าพึงพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มากแค่ไหน

สุดท้ายนี้กับการทำให้ธุรกิจเติบโต

เราจะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ทําให้ธุรกิจเติบโตนั้นมีอยู่หลายอย่าง อาจจะเป็นการทดลองอะไรใหม่ๆ การสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว หรืออาจจะเป็นการทำเหมือนเดิม มั่นคงเหมือนเดิม เพื่อรักษาคุณภาพ เพราะทางลัดที่สุดที่จะเพิ่มรายได้ ทำให้ธุรกิจเติบโต ก็คือการที่คุณมุ่งมั่นตั้งใจกับสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุดเสมอก่อน 

อีกหนึ่งบทความที่ผมอยากแนะนำก็คือการเพิ่มกำไร 11 เคล็ดลับทำให้ธุรกิจมีกำไร แก้ปัญหาขาดทุนแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจควบคู่ไปกับการเพิ่มยอดขายได้ดี

 

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด