HARVARD บอกว่าการล้มเหลวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ

HARVARD บอกว่าการล้มเหลวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ

Michael Jordan 1 ในนักบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดในโลก เคยบอกไว้ว่า ตอนที่เค้าทีมบาสเกตบอลของโรงเรียน เขาไม่ได้เก่งพอที่จะถูกบรรจุเป็นทีมหลักด้วยซ้ำ ลูกบาสที่เขาชู้ตไปในอาชีพนักบาสเกือบ 9000 ลูก ไม่ลงห่วง และเขาก็แพ้ในเกมบาสมากกว่า 300 ครั้ง

 มี 26 ครั้ง ที่เขาต้องชุดลูกบาสเพื่อตัดสินการแพ้ชนะของเกม แต่เขาก็ทำพลาด Michael Jordan บอกว่าตัวเองแพ้เรื่อยๆ และ เรื่อยๆ และนั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ 

Growth Mindset คืออะไร? สำคัญอย่างไร

ในยุคนี้ คนส่วนมากเรียกมุมมองนี้ว่าเป็น Growth Mindset หรือมุมมองว่ามนุษย์เราสามารถพัฒนาและทำทุกอย่างให้ดีขึ้นได้เสมอ เปรียบเทียบกับอีกมุมมองว่า Fixed Mindset ว่าเรามีทักษะหรือศักยภาพแค่เท่านี้ เราไม่สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้แล้ว ไม่สามารถดีขึ้นได้อีกแล้ว 

มุมมองนี้อาจจะใช้ได้สำหรับชีวิตส่วนตัว แต่มหาลัย Harvard บอกว่าในโลกธุรกิจและการทำงาน ความล้มเหลวบางอย่างอาจจะทำให้อาชีพการทำงานของถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ที่ความล้มเหลวมีความเสี่ยงสูง

เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือเราต้องรู้ว่า จังหวะไหนที่มีความเสี่ยงสูง เราต้องเลือกทำอะไรแบบเดิมๆ ทำอะไรในสิ่งที่เราเก่ง และ จังหวะไหนที่มีความเสี่ยงน้อย เพราะถ้ามีความเสี่ยงน้อย เราก็สามารถทดลองเพื่อผลักดันทักษะหรือศักยภาพของเราได้ เพราะกรณีที่สองนั้นก็คือโอกาสในการพัฒนาของเรา

ทำไมการล้มเหลวเป็นสิ่งสำคัญ

ข้อดีของการทดลองอะไรใหม่ๆก็มีอยู่มากมาย นอกจากจะได้พัฒนาทักษะใหม่ๆแล้ว งานวิจัยก็บอกว่าพนักงานส่วนมากจะมีความตั้งใจในการทำงานมากขึ้น ที่สำคัญก็คืออาจจะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาที่เราไม่เคยแก้ไขมาก่อนได้ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการสร้างนวัตกรรม

นั่นก็หมายความว่า ถ้าเราเป็นผู้บริหารหรือหัวหน้าทีมที่อยากจะพัฒนาพนักงาน เราก็ควรที่จะเลือกโอกาสในการแจกจ่ายงานที่ท้าทายหรืองานใหม่ให้กับทีมเราด้วย แน่นอนว่าคนเป็นหัวหน้าก็ควรที่จะสนับสนุนหรือคอยช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น 

หรืออย่างน้อย ก็ควรจะบอกทีมว่า ‘สามารถใช้เวลาทำมากกว่าเดิมได้ ทำจนกว่างานจะออกมาดี’ 

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือการให้พนักงานทำอะไรใหม่ๆ เป็นเรื่องของการสื่อสาร และ การปรับความคาดหวังระหว่างสองฝ่าย

วิธีเรียนรู้จากความล้มเหลว (ให้มากที่สุด)

นอกจากนั้นแล้ว เพื่อที่จะทำให้เราสามารถเรียนรู้จากความล้มเหลวได้มากที่สุด ทาง Harvard ก็บอกว่าเรามีสองขั้นตอนหลักที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้

1) การวิเคราะห์ย้อนกลับ – หมายถึงการมองกลับไปเพื่อเรียนรู้ความล้มเหลว หลายๆคนไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพราะรู้สึกอายหรือว่ารู้สึกผิด แต่จุดที่สำคัญก็คือการมองหาต้นเหตุของความล้มเหลว ไม่ใช่การหาคนผิด จะเป็นการหาการกระทำ หรือจะจุดผิดพลาด ที่เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้

2) การแบ่งปันบทเรียน – ถึงแม้ว่าความล้มเหลวจะทำให้คนหนึ่งคนได้เรียนรู้ แต่ผลประโยชน์ที่แท้จริงมาจากการแบ่งปันความล้มเหลวนี้ให้กับคนอื่นได้เรียนรู้ในรอบกว้าง เป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นได้ในอนาคต 

ให้ลองสังเกตบริษัทของเราดู ถ้าภายในบริษัทมีเรื่องเล่าของความล้มเหลวในอดีตบางอย่างอยู่ และยังถูกเล่าขานมาถึงทุกวันนี้ นั่นแหละก็คือการที่คนในองค์กรพยายามแบ่งปันบทเรียนให้กับเด็กรุ่นใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ในบริษัท Coca-Cola ทุกวันนี้ก็ยังมีการพูดถึงบทเรียนของการขาดทุนมหาศาลของ New Coke เมื่อหลายสิบปีที่แล้วอยู่เลย 

การล้มเหลวคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

ในโลกของจิตวิทยา เคยมีงานวิจัยวิเคราะห์ไว้ว่าคนส่วนมากต้องใช้เวลานานมากถึง 10,000 ชั่วโมงในการทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา ถึงจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานหรือหน้าที่นั้นๆ และไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหนหรือว่าอายุเท่าไหร่ เราก็สามารถเป็นคนที่เก่งขึ้นได้ ถ้าเรามีความพยายามและยอมรับความล้มเหลวระหว่างทางได้  

Steve Jobs ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple บอกไว้ว่า ความล้มเหลวทำให้เขาหลงทางแล้วโมโหอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอเขามองกลับไป เขาก็ค้นพบว่าการที่เขาสามารถยอมรับคำล้มเหลวของตัวเองได้ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเดินต่อไปในอนาคตได้ 

คนเราไม่สามารถมองไปในอนาคตได้ตลอดเวลา บางทีเราก็ทำได้แค่เชื่อในสิ่งที่เราทำ พอเราเดินมาไกลแล้วมองกลับไป เราก็จะเห็นเองว่าความพยายามและประสบการณ์ทุกอย่างนั้นมันเชื่อมโยงหากัน 

ขอบคุณมากครับที่ชมบทความนี้ และหากอยากได้บทความแนวนี้อีก สามารถติดตามช่อง Social Media ของผมได้ วันนี้สวัสดีครับ

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด