Influencer คืออะไร? การตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพล

Influencer คืออะไร? การตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพล

เมื่อโลกเราเริ่มเข้าสู่ยุคดิจิทัล การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางแบบเดิมเริ่มเป็นเรื่องที่จะทำให้ติดหูหรือเข้าถึงลูกค้าได้ยากขึ้น เเต่การตลาดเเบบ 5.0 จะใช้เรื่องความเชื่อในตัวบุคคลให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าในยุคปัจจุบัน เพราะเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมีการตลาดเเบบ 5.0 ผ่าน Influencer ผู้ทรงอิทธิพลหรือคนดัง เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ประกอบการสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงตัวผลิตภัณฑ์หรือตัวแบรนด์ในวงกว้างได้เร็วขึ้นครับ

Influencer คืออะไร? การตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพล

Influencer (หรือ ผู้มีอิทธิพล) คือคนหรือกลุ่มคนที่สามารถชักจูงกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ ผ่านการโน้มน้าวด้วยความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความสนิทสนม หรือแม้แต่ความโด่งดัง ในสายตาของลูกค้า ตัวอย่างของ Influencer ในโลกออนไลน์ได้แก่ บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์ และ เน็ตไอดอล

คำว่า Influencer ( อ่านว่า อิน-ฟลูเอน-เซอร์) แปลว่า “อิทธิพล”

ซึ่งคำนี้ถูกนำมาใช้บนสื่อ Social media หรือสื่อโฆษณาจะเรียกว่า “ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย” จะหมายถึง บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเนื่องจากเป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีแฟนคลับจำนวนมากจึงช่วยทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักเร็วและเป็นที่ยอมรับได้ง่ายขึ้น เช่น พวกดารา,นักร้อง,นักกีฬา

นอกจากนั้นแล้ว Influencer อาจเป็น
1) คนธรรมดาที่ชอบรับประทานไอศกรีมแล้วอาศัยประสบการณ์ตรงจากการตะเวนชิมไอศกรีมหลายเมนูเขียนรีวิวสินค้าติชม สินค้าของแต่ละร้าน
2) สาวออฟฟิศยุคใหม่ที่แนะนำเลือกใช้เครื่องสำอางให้ตรงกับสภาพผิวแต่ละคน
3) คุณแม่ลูก 2 ที่รีวิวสินค้าสำหรับเด็กที่เหมาะกับพัฒนาการในแต่ล่ะวัยเป็นต้น

ในด้านการตลาดที่เน้น Value Engagement  เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเน้นคุณภาพปัจจุบันต้องไม่ใช่แค่ยิง Ads  โฆษณาเหมือนสมัยก่อนอย่างเดียวเเล้วเพราะผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเซียล จะเป็นกลุ่มคนที่เข้ามาช่วยก่อให้เกิดกระแสสังคม

ทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นเเละคล้อยตามสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างที่เราจะเห็นได้จาก Influencer เหล่านี้ เช่น คนดังที่มา Review สินค้า มาแกะกล่องมาแนะนำผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ให้เราดูเเละแนะนำถึงข้อดี-ข้อเสีย ประโยชน์หรือวิธีใช้งานช่วยทำให้ตัวสินค้าเป็นที่รู้จักได้เร็วขึ้นและเป็นที่ยอมรับได้ง่ายขึ้น

จึงเกิดเป็น Influencer marketing การตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพล

ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเซียล เกิดขึ้นมาบนโลกออนไลน์ บนแพลตฟอร์มต่างๆ บนสังคมออนไลน์ของเราไม่ว่าจะเป็น  Facebook  , Twitter , Instagram , Tiktok , Line และ Youtube ของเรานั่นเองโดยจะมีเเบ่งประเภทเเละมีระดับของ Influencer ต่างๆ บนเเพลตฟอร์มนั่นอีกทีโดยจะเเบ่งตามจำนวนผู้ติดตามครับดังนี้

ระดับประเภทของ Influencer (แบ่งตามจำนวนผู้ติดตาม)

1. ระดับ Mega (เมกะ)

จะเป็นกลุ่มคนประเภท เซเลบ เช่น ดารา,นักแสดง,นักร้อง เป็นพวกที่มีหน้าตาในสังคม โดยเซเลบจะต้องมีผู้ติดตามในแพลตฟอร์มที่ตัวเองอยู่อย่างต่ำ 1 ล้านคนขึ้นไปแพลตฟอร์มที่กลุ่ม Influencer ประเภทนี้จะอยู่กันก็มากที่สุดเลยคือ

อันดับ 1 คือ Instagram (50% ของทุก Influencer ใช้กัน) 
อันดับ 2 คือ Facebook (30% ของทุก Influencer ใช้กัน) 
อันดับ 3 คือ Youtube  (20% ของทุก Influencer ใช้กัน) 

ตัวเลขเปอร์เซ็นจะบ่งบอกถึงความดังและการเข้าถึงของ Content ในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Instagram ก็จะเป็น Content ประเภทรูปภาพเป็นหลักเน้นการถ่ายภาพสวยๆ อาทิ สินค้าดูสวยดูแพง,อาหารน่ารับประทาน หรือ รูปร่างหน้าตา ,สถานที่ท่องเที่ยว

เพราะ Instagram มันก็เหมาะสำหรับโพสต์รูปอย่างเดียว ไม่ต้องคิดโปรโมทหรือไม่ต้องเขียนอะไรมากมาย เพราะกลุ่มนี้เขาจะมีต้นทุนด้านหน้าตาและรูปร่างอยู่เเล้ว

ต่อมาคือ Content ใน Facebook ก็จะเป็นรูปภาพหรือวิดีโอตัวอย่างสินค้าสั้นๆ หรือ การเขียน Review สินค้าต่างๆ ส่วน Content ใน Youtube ก็จะเน้นไปทางวิดีโออย่างเดียวเป็น Vlog หรือเป็นวิดีโอเเนะนำสินค้าอย่างเดียวไปเลยไม่ต้องมีเขียน Review ใด ๆ เป็นต้นครับ 

2. ระดับ Macro (แมกโคร)

ผู้ติดตาม 100,00 ถึง 1,000,000 คนเป็นประเภทที่เราจะเรียกว่าเป็น ‘เน็ตไอดอล‘ หรือคนธรรมดาที่เริ่มมีผู้ติดตามมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ดาราถ้าผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้าน

Macro Influencer ก็ให้นับเป็นประเภทเซเลบได้เหมือนกันครับ ความแตกต่างคือเมื่อผู้ติดตามเยอะขึ้นก็จะทำให้ Influencer มีโฆษณาเข้าเยอะขึ้นและทำให้คิดราคาค่าโฆษณาได้เยอะขึ้นตามจำนวนของผู้ติดตามนั่นเองครับ โดยระดับ Macro จะเป็นกลุ่มที่ต้องมาสร้างต้นทุนเเละผู้ติดตามด้วยตัวเองเช่น

2.1 เป็น Blogger จะเป็นพวกนักเขียน Review เขียนเป็น Content ต่างๆ ซึ่ง Influencer เหล่านี้ส่วนใหญ่จะเติบโตมาจาก Facebook 80% เพราะเป็นเนื้อหาที่เหมาะสำหรับเขียนเป็นข้อความหรือบทความครับ

2.2 สร้างตัวตนบน Facebook Page ก็อย่าง เช่น อีเจี๊ยบเรียบด่วน ,อีจัน, ดราม่าแอดดิ๊ก หรือ Group มนุษย์เงินเดือน เหล่านี้ครับ

2.3 เน็ตไอดอล เป็นการเเสดงความสามารถออกทางโซเซียลแน่นอนเป็นไอดอลก็ต้องอาจจะขายรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถอยู่เเล้วเพื่อสร้างตัวตนเเละจุดสนใจส่วนใหญ่จะอยู่ในเเพลตฟอร์ม Instagram 90% และ Youtube อีก 10% ครับ

3. Micro (ไมโคร) 

ประเภทนี้อาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราหรือเพื่อนเราที่รู้จักก็ได้ จะเป็นประเภทที่มีคนกดไลก์กดแชร์กันเยอะ ๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นระดับ Macro (แมกโคร) ผู้ติดตามจะอยู่ ที่ 1,000 – 100,000 คน โดยแพลตฟอร์มที่จะอยู่ส่วนใหญ่ก็คือ Facebook 90% และ Instagram อีก 10% ครับ

ความสำคัญของ Influencer ในการตลาดและธุรกิจ

เพราะการปรับตัวและพฤติกรรมของผู้บริโภคทำให้ผู้ใช้อย่างเราฉลาดมากขึ้น เช่น เดี๋ยวนี้ถ้าเราเข้าแพลตฟอร์ม Facebook ของเราเวลาเห็นหรือดู Ads โฆษณาที่ใครแนะนำสินค้ามาเป็นโฆษณาเราดูแปปเดี๋ยวเราก็รู้เเล้วหรือบางทีอาจจะเป็นรูปแบบโฆษณาที่เขาเรียกว่า “ไวรัลมาร์เก็ตติ้ง” ทำเป็นเรื่องราวสนุกสนานให้เราดูจนจบ

ถ้าเราสังเกตพอถึงตอนจบกลายมาเป็นขายของเราซักอย่างนั้นล่ะครับ เรียกว่าเป็นการตลาดแบบคลิปไวรัล บางทีผู้บริโภคอาจก็จะไม่เชื่อง่ายๆ และตัดสินใจซื้อสินค้าจากโฆษณานั้นได้น้อยหรืออาจไม่ส่งผลต่อกลุ่มเป้าหมายเลยก็ได้ครับ

ความแตกต่างของ การยิงแอด กับ การจ้างInfluencer

Influencer นั่นโดยส่วนมากมีการพูดประมาณ 85 % ที่ให้ความรู้ต่างๆ และอีก 15% คือการขาย Product สินค้าและบริการบวกกับอาจช่วยขายสินค้าให้ได้เพราะเวลา Influencer พูดแล้วนั้นคนก็เชื่อเเละเกิดการแชร์บทความหรือ Content ได้โดยที่ไม่มีซื้อ Ads ใดๆ

ดังนั้นผู้บริโภคเขาก็จะเชื่อใน Content แล้วก็จะเชื่อว่าถ้าเกิดผู้มีอิทธิพลใช้แบบนี้แล้วก็ต้องการซื้อต้องการใช้ของอย่างนี้บ้างแล้ว เขาอาจตัดสินใจซื้อได้มากขึ้นเพราะต้องการที่จะไปใช้ตาม Influencer ทำเกิดความเป็นนิยมและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของกลุ่มเป้าหมายของเราที่ติดตามผู้มีอิทธิพลนี้นั่นเองครับ

ในในมุมองของการทำโฆษณาออนไลน์ (แบบยิงแอด) ซึ่งในสมัยนี้นอกจากการถูกลดการเข้าถึงและมีค่าโฆษณาแพงขึ้นเรื่อยๆทุกปี เราจะเห็นได้ว่าการที่ลูกค้าหลายๆคนเริ่มให้ความสนใจของ ‘ความคิดที่สาม’ นอกเหนือจากความคิดตัวเองและของโฆษณา ซี่งลูกค้าส่วนมากก็หันมาอ่านรีวิวออนไลน์ หรือ ฟัง Influencer มากขึ้น

ฉะนั้นเเล้วปัจจุบัน Influencer มันเลยกลายเป็นเครื่องมือการตลาดเเละการโปรโมทที่นิยมมากในปัจจุบัน ว่ากันจริงๆ เเล้วธุรกิจในสมัยก่อนก็มีการจ้าง Influencer เหมือนกัน อย่างดารา นักร้อง แล้วทำโฆษณาในทีวี แต่ในสมัยนี้การที่ Influencer ใหม่ๆเกิดได้ง่ายขึ้น แต่ละคนก็มีฐานลูกค้าและแพลตฟอร์มเป็นของตัวเองอีก ก็เลยทำให้การจ้าง Influencer กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

ความแตกต่างของ Social Media Marketing กับ Influencer

Social Media Marketing ในที่นี้หมายถึงการที่แบรนด์ต่างๆ ธุรกิจต่างๆ หันมาสร้างตัวตนบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook Instagram YouTube กันมากขึ้น (ส่วนจะทำแค่ Facebook Page หรือจะเสียเงินยิงแอดก็ต้องดูกันอีกที)

ในยุคสมัยก่อน Social Media นั้นสามารถเข้าถึงคนได้เยอะ และฟรีด้วย เรียกว่าเราสามารถโพสอะไรก็ได้ อยากขายอะไรก็ได้…แล้วก็สามารถเข้าถึงหลักล้านได้จริง อย่างไรก็ตามในยุคนี้เนื่องจากการเข้าถึงนั้นถูกลดลง ทำให้แบรนด์ไม่สามารถโพสขายของแบบขอไปทีได้ (เพราะโพสไปก็ไม่ค่อยมีใครเห็น) แบรนด์ก็เลยตั้งหามาเปลี่ยนวิธีการใช้ Social Media เป็นการ ‘พูดคุยกับลูกค้า’ แทน

ปัญหาของ Social Media Marketing ด้วย Page หรือ Channel ของแบรนด์เองก็คือ หากไม่ได้ทำคอนเทนต์เก่งจริงๆก็ยากที่จะโต เพราะลูกค้าไม่อยากแชร์โพสขายแล้ว เพราะฉะนั้นการใช้ Influencer ก็คือการตีตลาดใหม่ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ แถมยังมีหน้าม้า (Influencer) มาพูดอวยสินค้าเราแทนด้วย นับว่าดูดีกว่าตัวแบรนด์มาพูดเอง

สรุปนะครับ หาแบรนด์ไม่ได้ทำ Content Marketing เก่งจริงๆ การจ้าง Influencer ก็จะสำคัญมาก หรือถ้าทำ Content Marketing เก่งอยู่แล้ว การจ้าง Influencer ก็จะทำให้เราเพิ่มฐานลูกค้าและโตแบบก้าวกระโดดได้

“เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ปัจจุบัน
โอกาสที่จะขายอยู่ที่ Influencer
มากกว่า Social Media ตัวเอง”

จะเรียกได้ว่าต่อจากนี้ผู้บริโภคนั่นจะรู้ทันการตลาด Online กันหมดแล้วครับและยุคนี้ก็ไม่ใช่ยุคของการ Ads โฆษณาอย่างเดียวอีกต่อไป ฉะนั้นนี้จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไม Influencer หรือ ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเซียล ถึงได้สำคัญและโด่งดังมาในการทำธรุกิจในยุคปัจจุบันเพราะเขามีผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างมากในกลุ่มผู้ติดตามหรือกลุ่มเป้าหมาย

เพราะกลุ่มลูกค้าของเรารู้จัก Influencer มาก่อน ลูกค้ามองว่า Influencer ก็คือตัวตนที่จับต้องและเข้าถึงได้เหมือนกับตัวเอง เพียงแต่ว่า Influencer จะแนะนำสินค้าหรือใช้ความรู้ที่เขาเชี่ยวชาญเพื่อนำเสนอสิ่งต่างๆ ให้ดูเเละรู้จักตัวสินค้าต่างๆ มากขึ้นเพิ่มความน่าเชื่อถือในตัวสินค้าและบริการ ปัจจุบันถ้าเราลองสังเกตในสื่อหรือเเพลตฟอร์มจะเห็นได้ว่าในแต่ล่ะธุรกิจต่างก็มีผู้ทรงอิทธิพลที่ไม่เหมือนกัน

5 ขั้นตอนการทำ Influencer Marketing

#1 การเข้าใจเป้าหมายของ Influencer Marketing – เราต้องกำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ต้องการให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้นจนเกิดเป็นการบอกต่อหรือต้องการยอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น หากเราสามารถเลือกวิธีวัดผลที่ชัดเจนได้ตั้งแต่แรกก็จะทำให้การพัฒนางานง่ายขึ้น (Impression, Click, Conversion)

#2 การค้นหา Influencer ที่เหมาะกับแบรนด์ – ให้ค้นหา Influencer ผู้ทรงอิทธิพลที่เหมาะกับสินค้าหรือแบรนด์โดยเลือกบุคคลที่มีบุคลิกร่วมกับภาพลักษณ์สินค้าหรือสามารถเป็นตัวแทนของแบรนด์ได้ ทั้งนี้ผู้ทรงอิทธิพลต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่จะสื่อออกไปเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ยิ่งฐานลูกค้ามีอายุ เพศ หรือไลฟ์สไตล์คล้ายๆกับฐานลูกค้าเก่าเรายิ่งดี

#3 การทำ Content Marketing – สร้างเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าโดยผู้ประกอบการควรปรึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ Influencer ก่อนจะเผยแพร่ข้อมูลออกไปเพื่อให้การนำเสนอของผู้ทรงอิทธิพลได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้รวมถึงมีการนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับลูกค้า พยายามให้อิสระ Influencer ในการสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะกับฐานลูกค้าตัวเอง

#4. ผลิตและตรวจสอบงานเมื่อได้ข้อสรุปกับ Influencer – ขั้นตอนต่อไปคือการผลิตเนื้อหาติดตามความก้าวหน้าของงานและตรวจสอบความถูกต้องของงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่

#5 เผยแพร่และประเมินผลตอบรับ – หลังจากตรวจสอบงานเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเผยแพร่สื่อในช่องทางที่กำหนดไว้ถ้าใช้ช่องทางผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ควรเลือกเวลาเผยเเพร่ เช่นช่วงเช้าเวลา 07:00 น ถึง 9:00 นเพราะเป็นช่วงก่อนเริ่มทำงานหรืออยู่ระหว่างการเดินทางช่วงบ่ายหรือช่วงเย็นถึงหัวค่ำจากนั้นประเมินผลตอบรับว่าตรงตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่

สรุปนะครับ การตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพลเป็นวิธีการทำตลาดที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรนำมาปรับใช้เนื่องจากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายช่วยสร้างกระแสการบอกต่อและช่วยในการโน้มน้าวความคิดและความสนใจของลูกค้าจนก่อให้เกิดความต้องการในการซื้อสินค้าหรือบริการได้อีกด้วยครับ

สำคัญเลยก็คือ Influencer หรือ ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเซียล เขามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างมากในกลุ่มผู้ติดตามหรือเป้าหมายของสินค้าและบริการของเรา ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องพัฒนาการตลาดให้เป็น5.0 ต้องปรับตัวเเละหันมาเริ่มศึกษาทำการตลาดกับผ่าน Influencer กันนะครับ

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด