ในประเทศไทยมีหลากหลายธุรกิจที่จำเป็นจะต้องพึ่งพารายได้จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจนำเข้าส่งออก หรือธุรกิจที่มีลูกค้าต่างชาติเข้ามาลงทุนในการผลิต และแม้แต่ธุรกิจที่มีฐานลูกค้าคนไทย การได้ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจเป็นอย่างมาก
หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะสร้างการเติบโตด้วยการมีลูกค้าจากต่างประเทศ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาลูกค้าเหล่านั้นได้จากที่ไหนในโลกยุคปัจจุบัน ในวันนี้ผมมีคำตอบครับ
6 วิธีหาลูกค้าต่างประเทศ (นำธุรกิจโกอินเตอร์)
แต่วิธีในการหาลูกค้าต่างประเทศจะมีข้อดีข้อเสียไม่เหมือนกัน ที่สำคัญก็คือเราต้องดูว่าเรามีจุดเด่นอะไรบ้าง มีช่องทางไหนใกล้ตัวบ้าง แล้วค่อยนำมาเลือกช่องทางที่เหมาะสมนะครับ
#1 รู้จักผ่าน Connections
ในการทำธุรกิจนั้น การมีคอนเนคชั่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือคู่ค้าทางธุรกิจ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่ทำให้คุณสามารถพบเจอผู้คนใหม่ๆอันอาจนำพาโอกาสที่สำคัญเข้าสู่ธุรกิจของคุณได้
หากคุณมี connection ที่แม้อาจจะไม่ใช่ลูกค้าต่างประเทศโดยตรงอยู่พอประมาณ คุณก็สามารถลองถามพวกเขาเหล่านั้นได้ว่ารู้จักใครหรือธุรกิจไหนในต่างประเทศที่พอจะสนใจร่วมทำธุรกิจหรือซื้อสินค้าของคุณบ้าง
คุณอาจจะขอให้ connection ของคุณเข้ามาเป็นตัวกลางในการติดต่อ เพื่อให้คุณและลูกค้าต่างประเทศได้เจอกัน หรือแม้แต่อาจจะให้ส่วนแบ่งกับ connection ของคุณในฐานะตัวแทนของเราหากการเจรจาทำธุรกิจสำเร็จ
การหาลูกค้าต่างประเทศผ่าน connection มักมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จเนื่องด้วยความเชื่อใจและไว้ใจกันอันเป็นเครดิตของ connection ที่คุณถืออยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีนี้ก็มีข้อจำกัด เพราะ connection ของเราก็จะรู้จักคนเพียงวงสังคมหนึ่งๆเท่านั้น อาจไม่ได้นำพาลูกค้าต่างประเทศชั้นดีที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้คุณได้มากกว่าที่มีก็เป็นได้
ผมมีคู่มือสร้าง connection และ การเจรจาธุรกิจอยู่ แนะนำให้ลองศึกษาได้หากสนใจนะครับ คู่มือสร้าง connection และ คู่มือเจรจาธุรกิจ
#2 เข้าร่วม Trade Shows
Trade Shows หรืองานออกบูธแสดงสินค้าต่างๆ เป็นวิธีที่หลากหลายธุรกิจเลือกทำเพื่อให้สามารถพบเจอผู้ลงทุนหรือลูกค้าจากต่างประเทศได้อย่างง่ายดายที่มักจะมาเดินในงานเช่นนี้อยู่แล้วเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
โดยงาน Trade Shows ใหญ่ๆในประเทศ มักจัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออกประมาณปีละ 3-4 ครั้งที่ศูนย์การประชุมใหญ่ๆอย่างเมืองทองธานีหรือไบเทคบางนา
แต่การที่คุณจะได้ลูกค้าจากต่างประเทศผ่านการออกบูธ Trade Shows จริงๆ สินค้าของคุณต้องเป็นที่น่าสนใจและน่าจับตามองมาก โดยสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ลูกค้าได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่สินค้าที่ดาษดื่นเต็มไปด้วยผู้แข่ง
หรือถ้าหากคุณเป็นผู้ผลิตหรือโรงงาน ก็ต้องเป็นโรงงานที่มีศักยภาพในการผลิตสูงพอและมีการจัดการอย่างเป็นประสิทธิภาพ มิฉะนั้นก็จะมีโอกาสน้อยมากที่คุณจะได้ลูกค้าต่างประเทศใหม่ๆจากการออกบูธในประเทศเช่นนี้
แต่ถ้าหากคุณมีเงินทุนพอสมควร คุณอาจจะลองไปจัดแสดงสินค้าที่ต่างประเทศอยู่ก็ได้ แต่ด้วยวิธีนี้คุณจะต้องมั่นใจเช่นกันว่าสินค้าของคุณมีความน่าสนใจเพียงพอที่ลูกค้าต่างประเทศจะตกลงเป็นคู่ค้าด้วย เพราะในการจะไปจัดแสดงสินค้าเช่นนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นค่าบูธ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ากินอยู่ และค่าโรงแรมครับ
แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ลูกค้าจากการเข้าร่วม Trade Shows ในวันนั้นทันที แต่คุณก็ยังสามารถขอแลกนามบัตรกับลูกค้าเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กันต่อในภายหลังก็ได้เช่นกันครับ
#3 ปรึกษาศูนย์ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งศูนย์เหล่านี้มีทั้งของรัฐบาลเองและขององค์กรเอกชนและระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรมส่งเสริมการส่งออก, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, สถานทูตประเทศต่างๆที่สามารถให้รายชื่อผู้นำเข้ากับคุณได้ หรือบางครั้งจะมีโครงการแลกเปลี่ยน/สร้างคอนเนคชั่นกันผ่านหน่วยงานเหล่านี้
โดยก่อนที่คุณจะเข้าไปติดต่อหน่วยงานเหล่านี้ ก็ให้คุณทำความเข้าใจถึงรายละเอียดสินค้าและโมเดลของธุรกิจของคุณให้ดี เพื่อจะได้รู้กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าต่างประเทศที่คุณต้องการจะติดต่อ แล้วจึงเข้าไปขอรับบริการให้คำปรึกษาหรือขอรายชื่อลูกค้าต่างประเทศอันเป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณ
และหากเป็นไปได้ คุณอาจขอลงทะเบียนอยู่ใน directory ธุรกิจที่ต้องการส่งออกของหน่วยงานนั้นๆเพื่อที่ลูกค้าต่างประเทศจะได้สามารถหาคุณเจอด้วยก็ได้ครับ
หากคุณได้รายชื่อลูกค้าต่างประเทศที่น่าสนใจจากหน่วยงานเหล่านี้แล้ว ก็อย่าลืมติดต่อลูกค้าไปเพื่อแนะนำตัว และขอพบเจอหรือขอคุยทางโทรศัพท์ จะได้เริ่มสร้างสัมพันธ์กับลูกค้ารายนั้นๆหากเขาสนใจครับ
#4 ใช้บริการบริษัท Trading
การใช้บริการบริษัทเทรดดิ้ง เปรียบเสมือนการขายสินค้าของเราให้กับคนกลางที่จะช่วยติดต่อหาลูกค้าต่างประเทศให้ ทำให้คุณอาจมีออเดอร์สั่งสินค้าเข้ามาจากลูกค้าต่างประเทศผ่านบริษัทเทรดดิ้งได้ โดยบริษัทเช่นนี้ก็จะเป็นผู้ดำเนินการจัดการเรื่องการส่งออกและเรื่องภาษีให้คุณเสร็จสรรพ
แม้วิธีนี้จะดูเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่คุณก็จำเป็นจะต้องเสียค่าหัวคิวหรือค่าใช้บริการบริษัท Trading เพื่อหาลูกค้าต่างประเทศให้ รวมถึงคุณอาจได้ order สินค้าที่ไม่แน่นอนเหมือนกับการหาลูกค้าต่างประเทศเองโดยตรงครับ
#5 สร้างหน้าร้าน B2B หรือ B2C E-Commerce ที่สามารถขายในต่างประเทศได้
โดยแพลตฟอร์ม E-Commerce แบบ B2B (Business to Business) ที่เราน่าจะคุ้นเคยกันก็อย่างเช่น Alibaba.com ที่เปิดโอกาสให้คุณเข้าไปโพสต์สินค้าเพื่อขายกับลูกค้าต่างประเทศได้ในราคาธุรกิจ
นอกจากนี้ก็ยังมีเว็บไซต์อย่างเช่น Aseanseller.com สำหรับการหาลูกค้ากลุ่มอาเซียน และเว็บไซต์ Tradeinindia.com สำหรับการหาลูกค้ากลุ่มอินเดียที่มีฟังก์ชันการใช้งานคล้ายๆกัน
หรือแม้แต่การหาแพลตฟอร์ม B2C (Business to Consumers) ในปัจจุบัน ก็สามารถช่วยให้คุณขายปลีกสินค้าแก่ลูกค้าต่างประเทศได้โดยตรง อย่างที่เรามักจะเห็นในเว็บไซต์ Lazada หรือ Shopee ที่มีผู้ค้าจากประเทศจีนส่งสินค้าเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างล้นหลาม
คุณเองก็สามารถทำเช่นเดียวกันได้บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นในเวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย
โดยหากคุณคิดจะโพสต์ขายสินค้าในช่องทาง E-Commerce เช่นนี้ ก็ต้องศึกษากฎการจัดส่งสินค้า การส่งออก และเรื่องภาษีเอาไว้ให้ดีๆเพื่อที่ถ้าหากคุณมียอดออเดอร์เข้ามาก็จะสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที
และถ้าหากคุณต้องการขยายธุรกิจแบบ B2C E-Commerce ในต่างประเทศ ก็อย่าลืมทำการตลาดในหลายๆช่องทางเพื่อให้ลูกค้าค้นพบสินค้าของคุณได้ง่ายด้วยครับ
#6 ใช้ Google และ LinkedIn เพื่อหา Leads
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตสามารถแสดงผลข้อมูลได้ทุกรูปแบบ คุณเองก็สามารถหาลูกค้าต่างประเทศได้จากการเสิร์ชบน Google และ LinkedIn เช่นกัน
โดยก่อนอื่นให้คุณทำความเข้าใจสินค้าที่คุณต้องการขายและลักษณะลูกค้าที่คิดว่าจะต้องการสินค้าของคุณ เสร็จแล้วให้คุณนำ keyword ที่เกี่ยวข้องมาเสิร์ชบน Google
เช่นถ้าหากธุรกิจของคุณเป็นการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ หากคุณมองหาลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น คุณก็อาจเสิร์ชว่า “top 50 automobile companies in japan” แล้ว Google ก็จะแสดงผลเป็นรายชื่อบริษัทรถยนต์ชื่อดังในญี่ปุ่นให้คุณขึ้นมาทันที
เสร็จแล้วให้คุณไล่ดูในรายการว่าแต่ละบริษัทมีความเกี่ยวข้องและมีโอกาสที่จะสนใจสินค้าของคุณมากน้อยแค่ไหน แล้วจึงไปหาคอนแทคของลูกค้าบน LinkedIn แล้วลองส่งเมสเสจหรืออีเมล์หาพวกเขาดู เพื่อส่งข้อมูลแนะนำบริษัทของคุณ และพยายามทำนัดต่อเพื่อสร้างสายสัมพันธ์และปิดการขายในภายหลังครับ
การหาลูกค้าต่างประเทศอาจดูยาก แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยขยายธุรกิจของคุณให้เติบโตในระดับสากลได้ โดยพื้นฐานแล้วหากคุณมีสินค้าหรือโมเดลธุรกิจที่ดีและน่าสนใจเพียงพอ รวมถึงมีสกิลการขายและความไม่ย่อท้อหากถูกปฏิเสธ หากลองหาลูกค้าต่างประเทศด้วยช่องทางเหล่านี้ก็น่าจะมีประโยชน์กับธุรกิจของคุณแน่นอนครับ