Internet Marketing คืออะไร? คู่มือสำหรับมือใหม่

Internet Marketing คืออะไร? คู่มือสำหรับมือใหม่

ในสมัยนี้การตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตก็เป็นฟันเฟืองที่สำคัญสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ ซึ่งจริงๆแล้วหากคุณพบบทความนี้ผ่าน Google หรือมีคนส่งต่อให้คนอ่าน คุณก็คงจิตนาการออกว่าอิทธิพลของการที่เราสามารถสื่อสารกับคนจำนวนมาก (และเป็นคนที่อาจจะไม่รู้จักเรามาก่อน) นั้นสามารถส่งผลดีให้กับธุรกิจมากแค่ไหน

Internet Marketing คืออะไร

Internet Marketing หรือการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต คือ กระบวนการส่งเสริมการขายของธุรกิจ แบรนด์ หรือ สินค้า ผ่านเครื่องมือบนอินเตอร์เน็ต โดยการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตจะให้ความสำคัญกับจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) และ เป้าหมายต่อจำนวนคนเข้า (Conversion) เช่น จำนวนลูกค้าที่ซื้อ หรือ จำนวนลูกค้าที่ให้ข้อมูลติดต่อ

การตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นคำศัพท์ที่กว้างมาก ในสมัยนี้ที่มีคนอยู่ในโลกออนไลน์หลายพันล้านคน และเครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆได้พัฒนามามากแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่า Internet Marketing ครอบคลุมถึงวิธีทำการตลาดหลายๆอย่าง เช่น การทำเว็บไซต์ การเขียนบล็อก การส่งอีเมล การทำโฆษณาออนไลน์ เป็นต้น

ถึงแม้ความแตกต่างเบื้องต้นของการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) กับการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Marketing) อาจจะอยู่ที่ชนิดของสื่อที่ใช้ในการสื่อสาร แต่โดยรวมแล้วการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตจะมีจุดแตกต่างพิเศษอยู่ที่ ‘ความเร็วในการเปลี่ยนแปลง’

เช่น กระบวนการสร้างแบรนด์ หรือ ตั้งราคาที่เป็นพื้นฐานของการตลาดแบบดั้งเดิมนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่เครื่องมือและกฎเกณฑ์ต่างๆในการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกปี

และด้วยความกว้างของศาสต์ Internet Marketing นี้เอง ทำให้หัวข้อ ความรู้ หรือ ทักษะต่างๆสำหรับนักการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตมีหลากหลายมาก 

หากเรามองว่านักการตลาดทั่วไปอาจจะมีความถนัดเรื่องการทำโฆษณาบ้าง การสร้างแบรนด์บ้าง การประชาสัมพันธ์บ้าง เราก็จะพูดได้เหมือนกันว่านักการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตแต่ละคน (Internet Marketers) ก็อาจจะมีความถนัดไม่เหมือนกัน

ข้อแตกต่างของ Internet Marketing กับ Online Marketing (การตลาดออนไลน์)

การตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตและการคลาดออนไลน์อาจฟังดูเหมือนเป็นคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกัน หมายความว่าการตลาดทั้งสองแบบมีการใช้เครื่องมือออนไลน์หรือเครื่องมือบนอินเตอร์เน็ตในการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่าง เช่น ให้คนซื้อสินค้า ให้คนกรอกข้อมูล

อย่างไรก็ตาม ในโลกออนไลน์ก็มีนักการตลาดกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Internet Marketers (นักการตลาดผ่านอินเเตอร์เน็ต) ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเลือกใช้คำว่า Internet Marketing โดยเฉพาะ เรียกว่าเป็นแขนงวิชาการตลาดที่ย่อยออกมาจากการตลาดอีกทีก็ได้

โดยส่วนมากแล้ว Internet Marketers จะหมายถึงคนที่ทำธุรกิจขนาดเล็กบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งมักจะเป็นธุรกิจที่มีกระบวนการสร้างรายได้และการพูดคุยส่วนมากบนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง (การขายของออนไลน์ การเขียนบล็อก ก็อาจรวมอยู่ในหมวดหมู่นี้ด้วย) ซึ่งในหัวข้อถัดไปผมจะอธิบายตัวอย่างเพิ่มเติมมากกว่านี้

ส่วนนักการตลาดออนไลน์ (Online Marketers) ก็อาจจะรวมถึงกลุ่มคนด้านบนด้วย และก็รวมถึงนักกการตลาดออนไลน์ในบริษัทใหญ่ๆด้วย แน่นอนว่านักการตลาดออนไลน์บางคนก็อาจจะมีประสบการณ์ทำ Internet Marketing มาก่อน

ในปัจจุบัน เราก็ยังเห็นได้บ่อยๆว่า หลายคนยังใช้คำศัพท์สองคำนี้แบบแทนกันได้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เนื่องจากว่า Internet Marketers ที่ผมได้อธิบายไว้เป็นเหมือนคนกลุ่มเล็ก (แถมส่วนมากมาจากต่างประเทศอีก) ทำให้คำศัพท์นี้อาจจะเป็นคำศัพท์เฉพาะกลุ่มไปนิด อาจจะไม่ได้มีการใช้ที่แพร่หลาย

แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ธุรกิจแบบ Internet Marketing มักจะเป็นธุรกิจที่มีทุนน้อย ทำให้ต้องเพิ่งพาการสรา้งรายได้จากคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น Internet Marketing หารายได้จากการเป็นนายหน้า ส่วน Online Marketing สร้างรายได้จากการให้คนอื่นมาเป็นนายหน้าให้

Internet Marketing มีอะไรบ้าง

ในหัวข้อที่แล้วผมได้อธิบายถึงความแตกต่างของ Internet Marketing และ Online Marketing ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ยังไม่เห็นภาพเท่าไร ในส่วนนี้ผมจะขอยกตัวอย่างของ Internet Marketing ที่เรามักจะเห็นได้บ่อยๆ ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่ากระบวนการต่างๆมีความเฉพาะทางอยู่เยอะ และ อาจจะแตกต่างกับชนิดงานการตลาดออนไลน์ที่เราเห็นได้ในบริษัทใหญ่ๆ

Internet Marketing แบบแบ่งตามวิธีหารายได้

ดรอปชิป Dropship – หมายถึงการขายของให้คนอื่นโดยไม่สต็อกสินค้าและไม่ต้องจัดส่งเอง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ อย่างไรก็ตามการขายของแบบนี้มักขายในราคาแพง ใช้เวลาในการจัดส่งนาน ทำให้ธุรกิจมีกำไรโดยรวมน้อย ตัวที่เราเห็นได้บ่อยได้แก่ การขายของให้ลูกค้าและการนำเงินจากการขายไปสั่งสินค้าบน Shopee/Lazada เพื่อให้ร้านเหล่านั้นส่งสินค้าให้ลูกค้าภายหลัง

ตัวแทนและนายหน้า Affiliate – หมายถึงการสร้างรายได้ค่านายหน้าจากการแนะนำให้ลูกค้าไปซื้อสินค้าของบริษัทอื่นอีกที โดยรวมแล้วหน้าที่ของการเป็นนายหน้าจะจบหลังจากที่ได้แนะนำลูกค้าให้กับบริษัทอื่น ทำให้ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องการขาย การจัดส่ง หรือการทำลูกค้าสัมพันธ์หลังการซื้อ Afflilaite เป็นวิธีสร้างรายได้ที่ง่าย แต่มักจะต้องพึ่งพาลูกค้าจำนวนมากถึงจะได้กำไร และ มักมีความเสี่ยงในระยะยาวเนื่องจากต้องพึ่งพาบริษัทอื่นในการสร้างรายได้มากเกินไป

ระบบขายของออนไลน์ Marketplace – การขายคือวิธีสร้างรายได้แบบดั่งเดิม ซึ่งในโลกอินเตอร์เน็ตก็คือพวกเว็บไซต์ขายของต่างๆอย่าง Lazada Shopee หรือแม้แต่เว็บต่างประเทศอย่าง Amazon Ebay โดยการตลาดผ่านอินเตอร์ในส่วนนี้ก็คือการหาและเชิญชวนคนมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์อื่นๆอีกที

สินค้าและเว็บไซต๋ของตัวเอง Own Product – ในเมืองนอก นักการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตส่วนมากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองและใช้ช่องทางนี้ในการสร้างรายได้ สินค้าบางอย่างเช่น ebook คอร์สออนไลน์ ซอฟต์แวร์โปรแกรมหรือแม้แต่การให้บริการที่ปรึกษาก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามในประเทศไทยวิธีแบบนี้ก็ยังมีน้อยอยู่

โดยรวมแล้ว เนื่องจากว่า Internet Marketing เป็นสายงานในธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งธุรกิจประเภทนี้มักจะมีทรัพยากรน้อย ทำให้ต้องพึ่งพาระบบต่างๆของบริษัทอื่นเพื่อสร้างรายได้ เช่น การเป็นนายหน้าขายของให้คนอื่น การนำสินค้าคนอื่นมาขายแบบไม่สต็อก หรือการใช้ระบบขายของออนไลน์ที่มีผู้ใช้จำนวนมากเพื่อลดค่าใช้จ่ายการตลาด

หัวข้อนี้จะเป็นเรื่องของการสร้างรายได้ผ่านอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตามการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตก็ยังมีอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งก็คือการเข้าถึงลูกค้า หรือที่เรียกกันว่า Traffic

Internet Marketing แบบแบ่งตามวิธีหา Traffic ลูกค้า

SEO – SEO คือการตลาดที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราผ่าน Google ได้มากขึ้น เป็นการตลาดที่เห็นผลช้าแต่ก็มีค่าใช้จ่ายน้อยตรงที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา การตลาดแบบ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีทุนน้อย และก็เหมาะกับการสร้างรายได้แบบ Dropship กับ Affiliate ด้วยเนื่องจากเป็นการสร้างรายได้ที่ทำกำไรได้น้อย เหมาะกับวิธีเข้าถึงลูกค้าที่มีค่าใช้จ่ายน้อย

FB-Google Ads – หมายถึงการซื้อโฆษณาออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งช่องทางที่คนนิยมก็คือ Facebook และ Google โดยรวมแล้วการซื้อโฆษณาทำให้เราสามาราถเข้าถึงคนจำนวนเยอะได้ในระยะสั้น แต่โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี ทำให้ไม่เหมาะกับการพึ่งพาเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักในระยะยาว โฆษณาเหมาะกับสินค้าที่มีราคาสูง (สามารถเจียดกำไรมาเป็นค่าโฆษณาได้) เช่นการขายคอร์ส หรือการ Dropship สินค้าราคาแพง

YouTube – YouTube หรือ วิดีโอและคลิปต่างๆนั้นเป็นช่องทางที่ได้รับการนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในสมัยนี้เราจะเห็นได้ว่าคนใช้ YouTube ในการขายของต่างๆไม่ว่าจะเป็นคอร์ส หรือแม้แต่สินค้าทั่วไปอย่าง อิฐ หิน ปูน ทราย การสร้างช่อง YouTube ที่คนสามารถเชื่อถือได้มากพอที่จะซื้อนั้นใช้เวลานาน (หลักหนึ่งปีขึ้นไป) แต่หากเราสามารถสร้างได้แล้ว YouTubed ก็เป็นช่องทางที่ขายได้กำไรดีมาก

Email – อีเมลเป็นเครื่องมือการตลาดที่คนใช้บ่อยมาก เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลลูกค้าหรือคนเข้าเว็บไซต์ที่เข้ามาเยี่ยมชมผ่านช่องทางด้านบนเพื่อสร้างโอกาสในการขายเพิ่มเติมในอนาคต อย่างไรก็ตามในประเทศไทยธุรกิจส่วนมากก็เลือกที่จะใช้ LINE OA ในการเก็บข้อมูลและจติดต่อลูกค้ามากกว่า

ในส่วนนี้หากใครสนใจศึกษาส่วนไหนของการตลาดออนไลน์ หรือการตลาดอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติม ผมจะใส่ลิงค์ไว้สู่บทความที่มีข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ

เราจะเห็นได้ว่า Internet Marketing นั้นคือธุรกิจที่มีไม่กี่รูปแบบ นั้นก็เพราะว่าการสร้างรายได้แบบนี้มีข้อจำกัดอยู่ที่ทรัพยากรของธุรกิจ เนื่องจากว่าธุรกิจเหล่านี้ส่วนมากจะมีทุนน้อย ไม่สามารถทำการตลาดแบบยิ่งใหญ่ และไม่ได้มีทุนมหาศาลในการพัฒนาหรือผลิตสินค้าที่แตกต่างจากคู่แข่งโดยสิ้นเชิง

คำศัพท์ Internet Marketing ที่เรามักได้ยินบ่อย

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมคิดว่าหลายคนน่าจะเข้าใจ Internet Marketing มากขึ้นเยอะ ในส่วนนี้ผมจะขอแนะนำคำศัพท์เกี่ยวกับ Internet Marketing ต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าคนที่อยากจะศึกษาเรื่องนี้ต่อต้องผ่านตาบ้างอย่างแน่นอน

Traffic หมายถึงการหาคนมาเข้าเว็บไซต์ เพื่อที่เราจะได้ทำการโน้มน้าวเชิญชวนให้คนเหล่านี้กลายเป็นลูกค้า หรือกรอกข้อมูลติดต่อไว้สำหรับอนาคต ในประเทศไทยเนื่องจากว่าธุรกิจส่วนมากไม่ได้ใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางหลัก Traffic ก็อาจจะรวมถึงการหาคนมาดูโพส Facebook เหลือติดตามโซเชียลในช่องทางต่างๆ

Conversion หมายถึงกิจกรรมการโน้มน้าวเชิญชวนให้คนกลายเป็นลูกค้า หรือทำตามเป้าหมายบางอย่าง Conversion คือเครื่องมือวัดประสิทธิภาพของกระบวนการขาย เช่นหากมี Traffic สูง มีคนเห็นโฆษณาเยอะ มีคนทักเข้ามาเยอะ แต่ไม่มีคนซื้อสินค้า ก็หมายความว่ากระบวนการขายมีปัญหา

Lead หมายถึงคนที่แสดงความสนใจและให้ข้อมูลติดต่อเรา เช่นคนที่ทักเข้ามา คนที่แอดไลน์ หรือคนที่ให้ข้อมูลอีเมลเบอร์โทรศัพท์ นักการตลาดออนไลน์หลายคนค้นพบว่าการปิดการขายคนที่ทักเข้ามาทันทีนั้นทำได้ยาก เพราะฉะนั้นการเก็บข้อมูลลูกค้าไว้เพื่อติดต่อในระยะยาวจะเป็นการสร้างรายได้ที่ดีกว่า เหมาะสำหรับสินค้าที่มีราคาสูง

ซึ่งจริงๆแล้วคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นมียังมีอีกเยอะ โดยเราจะเห็นได้ว่าคำศัพท์ส่วนมากเป็นอะไรที่วัดผลได้ง่าย เช่น มีลูกค้าเห็นโฆษณากี่คน มีลูกค้าทักเข้ามากี่คน มีลูกค้ากรอกข้อมูลกี่คน หรือมีลูกค้าซื้อสินค้ากี่คน

และส่วนนี้เราก็ต้องยกให้เป็นข้อดีของระบบโฆษณาในโลกออนไลน์ต่างๆ ที่มีการจัดระเบียบข้อมูลเป็นอย่างดี ทำให้ทุกกิจกรรมในการตลาดสามารถวัดผลได้ง่าย

สุดท้ายนี้เกี่ยวกับ Internet Marketing

ผมอยากจะอธิบายว่าในโลกของการตลาดออนไลน์นั้น เครื่องมือต่างๆ และเทรนด์ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายมาก จากที่คนซื้อของผ่านคอมพิวเตอร์ ก็กลายเป็นการซื้อของผ่านมือถือ และในอนาคตเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปได้อย่างไรอีก

และนี่ก็ยังไม่รวมถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านของเครื่องมือและผู้ให้บริการออนไลน์ต่างๆ ในสมัยนี้ถึงแม้ว่าการตลาดออนไลน์ส่วนมากจะต้องพึ่งพา Facebook Google Line YouTube แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเพิ่มเติมมาหรือเปล่า

นั่นก็หมายความว่าทักษะที่สำคัญของนักการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต ก็คือความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัว เช่นกันทดสอบหาข้อมูลด้วยตัวเอง หรือการเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆด้วยตัวเอง

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด