8 ขั้นตอนทําโฆษณาใน LINE ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง (ไม่ต้องพึ่งเอเจนซี่)

8 ขั้นตอนทําโฆษณาใน LINE ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง (ไม่ต้องพึ่งเอเจนซี่)

ในยุคที่การแข่งขันการตลาดออนไลน์รุนแรงแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอพพลิเคชัน LINE ก็เป็นเครื่องมือสร้างแบรนด์และหาลูกค้าใหม่ๆที่หลายๆคนเลือกใช้ นอกจากจะสะดวกและมีผู้ใช้งานจำนวนมากแล้ว เรายังสามารถลงโฆษณาใน LINE ได้ง่ายๆอีกด้วย

8 ขั้นตอนทําโฆษณาใน LINE ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งเอเจนซี่

#1 ลงทะเบียนสมัคร LINE Business ID

ปกติก่อนจะเริ่มโฆษณาบน LINE ได้นั้น เราจะต้องมีไอดีสำหรับใช้งานบนแพลตฟอร์ม LINE Ads Platform เสียก่อน

สำหรับคนที่ยังไม่มีบัญชีนั้น ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ LINE Business ID (หรือ https://account.line.biz) และทำการลงทะเบียนสมัคร LINE Business ID ก่อนเป็นอันดับแรก

เราจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว รวมถึงอีเมลและรหัสผ่านของบัญชี LINE ที่ใช้ ซึ่งอาจจะเป็นบัญชีส่วนตัวของเราเองหรือบัญชี LINE Official Account ของธุรกิจก็ได้ จากนั้นจะมีอีเมลส่งมาจากทาง LINE ให้เราทำการยืนยันตัวตนซึ่งต้องกดยืนยันภายใน 30 นาทีครับ

#2 สร้างบัญชีผู้ใช้โฆษณา

หลังจากที่เราลงทะเบียนสมัคร LINE Business ID เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะสามารถสร้างบัญชีผู้ใช้โฆษณาได้

ให้เราเข้าไปที่เว็บไซต์ LINE Ad Manager (หรือ https://admanager.line.biz) และเลือกที่เมนู “สร้างบัญชีผู้ใช้โฆษณาใหม่”

จากนั้นให้เรากรอกรายละเอียดต่างๆ เพื่อทำการลงทะเบียนผู้ใช้ เช่น ชื่อธุรกิจ ชื่อเจ้าของกิจการ ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล รวมถึงข้อมูลสินค้าต่างๆ

ข้อแม้อย่างหนึ่งในการเปิดบัญชีผู้ใช้โฆษณาคือ 1 บัญชี LINE จะสามารถมีได้หลายบัญชีผู้ใช้โฆษณา แต่ 1 บัญชีผู้ใช้โฆษณานั้นจะเชื่อมกับ 1 LINE Official Account เท่านั้นครับ

#3 เลือกวิธีการชำระเงิน

เมื่อกรอกข้อมูลสมัครบัญชีผู้ใช้โฆษณาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราจะต้องเลือกวิธีการชำระเงินค่าโฆษณา โดยสามารถเลือก 2 วิธี คือการชำระผ่าน Rabbit LINE Pay หรือการชำระผ่านบัตรเครดิต

ระบบจะให้เรากรอกรายละเอียดเพื่อลงทะเบียนและเชื่อมต่อข้อมูล Rabbit LINE Pay หรือผูกบัตรเครดิต (ถ้าหากเราเลือกวิธีชำระเงินผ่านบัตรเครดิต จะมีการหักเงินจากบัตรไป 1 บาทเพื่อยืนยันบัตร แล้วคืนให้หลังจากที่เรายืนยันตัวตนเสร็จด้วยนะครับ)

หลังจากเสร็จขั้นตอนนี้ เราจะต้องรอให้ทาง LINE ดำเนินการพิจารณาอนุมัติบัญชีโฆษณาก่อนถึงจะเริ่มลงโฆษณาได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันทำการครับ

#4 เริ่มสร้างแคมเปญโฆษณา

หลังจาก LINE อนุมัติบัญชีของเราเรียบร้อยแล้ว ทีนี้เราก็สามารถเริ่มทำโฆษณากันได้เลยครับ

ขั้นตอนแรกเราจะต้องไปที่เมนู “สร้างแคมเปญ” ซึ่งจากตรงนี้เราจะสามารถออกแบบและสร้างโฆษณาได้ด้วยตนเอง เพียงแค่ระบุงบประมาณที่เราจะใช้ในการทำแคมเปญโฆษณา ระยะเวลาแคมเปญ และเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

ซึ่งวัตถุประสงค์ของแคมเปญจะมี 6 รูปแบบให้เลือกด้วยกันดังนี้

  • การเข้าชมเว็บไซต์ (Website Visit): เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมไปยังเว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลสินค้าและบริการ
  • เว็บไซต์คอนเวอร์ชัน (Website Conversion): เพิ่มจำนวนคอนเวอร์ชันบนเว็บไซต์ เช่น การสั่งซื้อสินค้าหรือลงทะเบียนผู้ใช้งาน ซึ่งโดยปกติหลายๆ แบรนด์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้งานที่เคยลงทะเบียนหรือเคยซื้อบนเว็บไซต์ เพื่อนำไปกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่หรือ retargeting ในอนาคตอีกด้วย
  • ติดตั้งแอพ (App Install): เพิ่มจำนวนผู้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน
  • การมีส่วนร่วมในแอพ (App Engagement): กระตุ้นผู้ใช้ที่มีแอปพลิเคชันอยู่แล้วให้ใช้งานเพิ่มขึ้น เช่นซื้อสินค้าหรือสร้างบัญชีสำหรับเล่นเกม
  • ดูวิดีโอ (Video Views): เพิ่มจำนวนการดูวีดีโอ 3 วินาที หรือดูวิดีโอ 100% ให้มากที่สุด
  • เพิ่มเพื่อน (Gain Friends): เพิ่มจำนวนผู้ติดตามให้กับบัญชี LINE Official Account เพื่อส่งข่าวสาร ประชาสัมพันธ์หรือบอกต่อโปรโมชั่น

นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกรูปแบบการซื้อโฆษณาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการทำแคมเปญได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกได้ดังนี้

  • Cost per 1,000 Impressions (CPM): วัดผลตามจำนวนการที่ผู้ใช้เห็นโฆษณา โดยจะคิดค่าโฆษณาต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง เหมาะกับการทำแคมเปญที่ต้องการกระจายข่าวสารหรือต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์เป็นวงกว้าง รวมถึงทำให้ผู้ใช้งานจดจำแบรนด์ได้ด้วย
  • Cost Per Click (CPC): วัดผลตามจำนวนการคลิก โดยจะคิดค่าโฆษณาต่อการคลิกทุกๆ 1 ครั้ง เหมาะกับการทำแคมเปญที่ต้องการดูจำนวนการคลิปเป็นหลัก เช่นจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือจำนวนผู้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน
  • Cost Per Friend (CPF): วัดผลตามจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้น โดยจะคิดค่าโฆษณาต่อการเพิ่มเพื่อนจำนวน 1 คน เหมาะกับแคมเปญหรือแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มจำนวนเพื่อนหรือผู้ติดตามใน LINE Official Account
  • Cost Per Video View (CPV): วัดผลตามจำนวนผู้ชมวิดีโอ โดยจะคิดค่าโฆษณาต่อการดูวิดีโอ 1 ครั้ง (3 วินาที) เหมาะกับแคมเปญที่ใช้วิดีโอเป็นสื่อโฆษณาหลักหรือต้องการเพิ่มจำนวนผู้รับชมวิดีโอให้มากขึ้น
  • Cost Per Action (CPA): วัดผลตามจำนวนคอนเวอรชันบนเว็บไซต์ โดยจะคิดค่าโฆษณาต่อ 1 จำนวนคอนเวอรชันที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เหมาะกับแคมเปญที่ต้องการเพิ่มคอนเวอร์ชันเช่นการสั่งซื้อหรือการลงทะเบียน subscription บนหน้าเว็บไซต์ของตนเอง
  • Cost Per Install (CPI): วัดผลตามจำนวนการติดตั้งแอพพลิเคชัน โดยจะคิดค่าโฆษณาต่อการติดตั้งแอพพลิเคชัน 1 ครั้ง เหมาะกับแคมเปญหรือแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มยอดการดาวน์โหลดและติดตั้งแอพพลิเคชั่นของตนเอง

#5 กำหนดกลุ่มโฆษณาหรือกลุ่มเป้าหมาย

การสร้างกลุ่มโฆษณาหรือกลุ่มเป้าหมายใน LINE Ads Platform นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือกลุ่มเป้าหมายหลัก (Core Audience) และกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเอง (Custom Audience)

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักนั้น เราสามารถแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่

  • เพศ (Gender): ได้แก่เพศชายและเพศหญิง
  • อายุ (Age): สามารถแบ่งเป็นช่วงอายุได้ เช่น ต่ำกว่า 15 ปี, 20 – 40 ปี, 50 ปีขึ้นไป
  • พื้นที่ (Region) เช่น กรุงเทพ, เชียงใหม่, ภาคตะวันออก, เขตวัฒนา หรือกำหนดรัศมีจากจุดหมายที่เราเลือก
  • ความสนใจ (Interest) เช่น กลุ่มผู้ใช้ที่มีความสนใจด้านการเงิน, ท่องเที่ยว, เครื่องสำอาง, สัตว์เลี้ยง, ต้นไม้ เป็นต้น

สำหรับกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองนั้น เราสามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลลูกค้าที่เรามีอยู่แล้ว เช่นลูกค้าที่มีการเพิ่มเพื่อนจาก LINE Official Account ของเรา หรือผู้ใช้งานที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงผู้ใช้ที่เคยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยเราสามารถดึงข้อมูลของลูกค้ากลุ่มนี้มาเป็นกลุ่มเป้าหมายซ้ำสำหรับแคมเปญโฆษณาอื่นได้ด้วยนั่นเอง

นอกจากนี้เรายังสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่ในฐานนั้นมาต่อยอดและสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน (Lookalike Audience) เพื่อมองหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้อีกด้วยครับ

#6 กำหนดราคาเสนอและงบประมาณรายวัน

เมื่อกำหนดแคมเปญและกลุ่มเป้าหมายโฆษณาเสร็จแล้ว เราจะต้องระบุราคาเสนอและงบประมาณรายวันเพื่อให้โฆษณาขึ้นไปยังที่ต่างๆ บนแอปพลิเคชันต่างๆของ LINE ถ้าหากใครไม่คุ้นเคยเรื่องการประมูลราคาเสนอโฆษณาก็สามารถให้ระบบทำการแนะนำราคาประมูลอัตโนมัติได้ครับ

โดยแคมเปญโฆษณาที่เราสร้างขึ้นนั้นจะถูกแสดงอยู่บนจุดต่างๆ เช่นหน้าแชทของ LINE, LINE Timeline, LINE TV, LINE TODAY, หรือ Wallet Tab เป็นต้น

#7 ใส่รูปภาพและข้อความเพื่อสร้างโฆษณา

ขั้นตอนถัดมาในส่วนของคอนเทนต์โฆษณานั้น เราสามารถเขียนข้อความรวมถึงใส่รูปภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง, วิดีโอ หรือภาพสไลด์ เพื่อสร้างโฆษณาที่มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้านั่นเองครับ

นอกจากนั้น เรายังสามารถใส่ปุ่ม Call-to-Action ในโฆษณาเพื่อให้ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ แอปพลิเคชันหรือ LINE Official Account ของเราเพื่อเพิ่มคอนเวอร์ชันหรือเพิ่มยอดผู้ติดตามได้เช่นกัน

#8 รออนุมัติ

หลังจากที่เราเซ็ตแคมเปญโฆษณาเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องรอทางLINE อนุมัติโฆษณาก่อน ซึ่งปกติจะอนุมัติภายใน 2 วันหรือ 48 ชั่วโมงนั่นเอง หลังจากได้รับการอนุมัติแล้วโฆษณาของเราก็จะเริ่มทำงานและแสดงผลบนแอพพลิเคชั่น LINE ทันที

ทั้งนี้ต้องระวังด้วยว่าถ้าหากโฆษณาของเราเกิดมีส่วนที่ผิดข้อกำหนดของ LINE ขึ้นมาก็อาจจะไม่ได้รับอนุมัติ ในกรณีนี้เราต้องทำการแก้ไขโฆษณาของเราให้เรียบร้อยก่อนถึงจะส่งไปตรวจสอบเพื่อขออนุมัติใหม่ได้อีกครั้งครับ

เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับสำหรับการทำโฆษณาบน LINE แบบง่ายๆด้วยตนเอง ซึ่งถ้าหากเรามีข้อสงสัยหรือเกิดปัญหาขัดข้องที่จุดไหนก็สามารถติดต่อไปที่ LINE Help Center เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกันครับ

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด