ในปีที่ผ่านมานี้ เราจะเห็นได้ว่าบริษัท Tech เจ้าใหญ่ๆมีปัญหากันเยอะมาก ทั้ง Apple Facebook Tiktok แต่ในปัญหานี้ก็มีแสงสว่างให้เราสามารถปรับตัวตามได้
ในบทความนี้เราจะมาดู 5 เทรนด์การตลาดออนไลน์ ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจในโลกออนไลน์ของเราไปตลอดกาล (อีกรอบ)
5 เทรนด์การตลาดออนไลน์ 2024 ที่เราต้องจับตามมอง
#1 การปรับแต่งส่วนบุคคลที่น้อยลง Less Personalization
Personalization หรือ การปรับแต่งส่วนบุคคลเป็นเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่มาแรงมากๆในช่วง 5 ถึง 7 ปีที่ผ่านมา ผมหมายถึงการที่ช่องทางการตลาดออนไลน์ต่างๆ ช่องทาง Social ต่างๆ สามารถเลือกโฆษณาแสดงในสิ่งที่คุณอยากจะดูได้t
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราก็พูดกันบ่อยๆใช่ไหมครับ ว่าเวลาเราไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วเราพูดเรื่องไหน พอผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง Facebook YouTube ก็จะเริ่มแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นๆมาให้เรา คือแอบฟังที่เราพูดด้วย แล้วก็คัดโฆษณาที่เกี่ยวข้องมาขายเราต่อด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะหายไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค หรือ อย่างการที่ Apple บอกว่าจะให้ iPhone เก็บข้อมูลผู้ใช้งานให้น้อยลง สิ่งเหล่านี้ทำให้วิธีทำการตลาดที่เราเรียนรู้มาในช่วงหลายปีเปลี่ยนไป
ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายที่สุดก็คือโฆษณา Facebook ที่จะเมื่อก่อนเราสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนได้เลย เช่นคนที่จะกำลังจะแต่งงานแล้วอยากจะไปฮันนีมูน แต่ในยุคนี้เราก็ต้องกลับมาทำการตลาดออนไลน์แบบยิงกลุ่มลูกค้ากว้างๆเหมือนเดิม
#2 ยอดวิว TikTok ที่ลดลง
TikTok ถือว่าเป็นโอกาสทางด้านการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี 2021 เป็นช่องทางวีดีโอคลิปสั้นๆไม่กี่วินาทีซึ่งก็ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์สมัยใหม่เลย บวกกับการมาถูกจังหวะในช่วงที่คนไม่สามารถไปไหนไกลได้ ทำให้มีผู้ใช้งานเยอะมาก
ถ้าจะให้เทียบ TikTok ก็เหมือนกับ Facebook ช่วงแรกๆเลย เนื่องจากว่ามีผู้ใช้งานเยอะ และมีคนทำ Content น้อยเทียบกับจำนวนคนเล่น ทำให้คลิปของเราสามารถเข้าถึงคนได้เยอะมาก อย่างตัวผมทำคลิปเล่นๆใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เข้าถึงคนได้เป็นล้านก็มี
แต่โลกออนไลน์ก็หมุนเร็วกว่าที่คิด เราจะเห็นได้ว่าช่องทางไหนที่มีมูลค่าทางการตลาด คนก็จะหันมาใช้งานเยอะขึ้น ทุกวันนี้คุณภาพของการทำคลิปลง TikTok นั้นดีขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมแล้วก็ไปถ้าเราไม่ตั้งใจทำคลิปให้ดีๆมีคุณภาพสูง โอกาสที่จะเข้าถึงคนก็จะมีน้อยลง
สิ่งแรกคือสิ่งที่เรียกว่าการถูกลดการเข้าถึง ซึ่งเราก็จะเห็นได้ทั้งใน Facebook แล้วก็ YouTube อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันเกิดขึ้นกับ TikTok เร็วมาก แต่ต่อให้ยอดวิวลดลง หากจะให้เทียบกับช่องทาง Facebook หรือ YouTube ยอดวิวบน TikTok ก็ยังดีกว่าอยู่ดีนะครับ
#3 มุมมองของผู้คนต่อ Online Influencer
การเป็น Influencer ในโลกออนไลน์ยุคสมัยนี้ก็ถือว่าได้รับการยอมรับมากขึ้น เราผ่านจากขั้นตอนแรกที่บอกว่า ทำเพจหรือว่าทำช่องออนไลน์ทำไมไม่มีใครเข้าใจ ไปถึงขั้นตอนที่คนยอมรับในการทำเพจได้ แต่ไม่เข้าใจเรื่องการถูกจ้างงานการโปรโมทให้แนะนำสินค้า
มาถึงวันนี้ Influencer ออนไลน์ที่คนติดตามรักกันจริงๆ เวลามีของอะไรมาขาย มีสปอนเซอร์เข้า ผู้ติดตามคือเข้ามายินดีด้วย พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ถ้าเราเลือก influencer ให้เหมาะกับสินค้าเราจริงๆ ช่องทางเหล่านี้เป็นช่องทางที่ทำกำไรได้มากที่สุดแล้ว ดีกว่าการทำโฆษณาด้วยซ้ำ แต่อาจจะมีข้อเสียตรงที่เราต้องใช้เวลาในการหา influencer และถ้าเรามานั่งนับเม็ดเงินที่จ้างคนผิดบ้าง ไม่ได้ผลตอบแทนที่ต้องการว่า หลายแบรนด์ก็เลยไม่สามารถทุ่มเทเวลาให้กับการทำ influencer Marketing ได้เยอะกว่านี้
ผมขอแถมให้อีกทีแล้วกัน ถ้าเราดูพวกช่องทาง Social Media ออนไลน์ต่างๆในยุคนี้ influencer ส่วนมากจะทำเงินได้อยู่แล้ว แต่มีแค่ช่องทางอย่าง YouTube ที่ยอมหารรายได้จากการทำโฆษณาให้กับ influencer เกือบครึ่งๆ อาจจะเป็นความคิดเห็นผมก็คนเดียว แต่ผมคิดว่าด้วยเหตุผลนี้แหละ ที่จะทำให้ influencer หลายคนอยากจะทำ YouTube มากกว่าที่อื่น
#4 การปฎิวัติวงการไลฟ์สด
อีกหนึ่งเรื่องที่จะไม่พูดก็ไม่ได้ก็คือการไลฟ์สด ที่ด้วยเทคโนโลโยีต่างๆ และ การที่คนไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้มีคนให้ความสนใจมากกว่าที่คิด มีตัวเลขการตลาดใหม่ๆมาให้เราตื่นตาตื่นใจเสมอ
2 ตัวเองอย่างที่ไม่พูดก็ไม่ได้ ก็คือพิมรี่พายที่ทำรายได้ไลฟ์หนึ่งทีได้ยอดขายเป็นหลัก (หลาย) ล้าน กับอดีตพระสงค์ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาแนวไหนเราก็สามารถทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นได้
เรื่องของการไลฟ์สด จริงๆประเทศจีนเค้าไปไกลกว่าในไทยมานานแล้ว มีทั้งเรื่องของคนจีนที่เป็นนักขายพันล้าน สามารถขายอะไรก็ได้ในโลกนี้ ผมขอย้ำว่าเป็นแม่ค้าไลฟ์สดที่ทำรายได้ ‘หลักพันล้าน’
ส่วนตัวแล้วผมมองว่าการที่มีคนสนใจไลฟ์สดและยอดซื้อของด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ การไลฟ์ส่วนมากไม่ต้องใช้การตัดต่อ Content ที่เราใช้เวลา 1 นาทีในการสร้าง ก็จะตีออกมาเป็นมูลค่า 1 นาทีตามจำนวนคนดูเลย แต่อาจจะต้องเป็นภาระเรื่องการเตรียมตัวไลฟ์ และ ก็ทักษะของคนไลฟ์ที่ต้องดึงดูดคนให้ได้
ผมคิดว่าการไลฟ์สดเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ และเหมาะมากสำหรับแบรนด์หรือธุรกิจที่มีทีมการตลาดใหญ่ๆ อย่างในเมืองนอก หลายๆบริษัทเขาจะเอา Content จากการไลฟ์สด ไปตัดต่อใหม่เป็นคลิปลงยูทูปแบบยาว แล้วก็เอาไปซอยเป็นคลิปสั้นๆลง TikTok และก็เอาไปทำ Infographic ลง FB IG ด้วย
คือถ้าเราไลฟ์ทั้งทีแล้ว เราสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับชั่วโมงที่เราใส่ไปในการไลฟ์ได้เยอะมาก
#5 AI จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้
ผมยอมรับจริงๆว่าในเรื่องของ AI ผมก็เป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดเดินพร้อมกับทุกคน แต่ในฐานะคนทำ Social Media และการตลาด เราจะไม่ศึกษาเลยก็ไม่ได้
ถ้าจะให้พูดแบบเบสิคที่สุด AI สามารถช่วยเราคิด Content ได้ ทุกวันนี้เวลาผมคิดหัวข้อการทำคลิป tiktok ไม่ออก หลายๆครั้ง AI ก็จะเป็นตัวช่วยของผมเหมือนกันครับ
หรือว่าในมุมมองการเขียนบทความ ผมสนุกกับการใช้ AI ช่วยร่างบทความมาก 1 ก็คือช่วยลดเวลาในการเขียนได้เยอะ แถมเอาจริงๆแล้ว AI อย่าง ChatGPT สะกดคำถูกทุกคำ ไม่เหมือนตัวผมเขียนเองที่ทำถูกๆผิดๆ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม มนุษย์อย่างพวกเราก็ต้องรีวิว Content ที่ AI ทำ แล้วก็ปรับแต่งเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับ Content ด้วย
ส่วนในยุคอนาคต ผมคิดว่ายังไง AI กับการทำวีดีโอ ก็ต้องเกิดขึ้นในตลาดที่กว้างขึ้น ทุกวันนี้เราจะเห็นบริษัทจีนสามารถใช้ AI ในการไลฟ์สดได้ แต่เอาจริงๆผมว่ามันยังไกลไปสำหรับคนทำการตลาดทั่วไป แต่ดูจากทิศทางการใช้ AI ทำวีดีโอแบบ AI ที่ชื่อว่า Sora ผมคิดว่าเราสามารถจับตาดูใกล้ๆไว้ได้เลยครับ อนาคตอาจจะมาถึงเร็วๆนี้
สุดท้ายนี้เกี่ยวกับอนาคตการตลาดออนไลน์ 2024
สุดท้ายนี้เราก็จะเห็นว่าการตลาดออนไลน์นั้น ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือเยอะ แต่ว่าเทรนด์ที่แท้จริงก็คือเราอาจจะไม่สามารถประสบความสำเร็จจากการแค่ ‘ทำความเข้าใจเครื่องมือ’
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อโลกการตลาดออนไลน์มีการแข่งขันมากขึ้น การที่เราใช้เครื่องมือเป็นก็ไม่ใช่ข้อได้เปรียบเป็นต่อไป แต่จะกลายเป็นข้อบังคับ และสิ่งที่จะวัดว่าธุรกิจไหนจะประสบความสำเร็จทางด้านออนไลน์ ก็คือการที่ธุรกิจสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือออนไลน์ต่างๆมาสร้าง ‘กลยุทธ์การตลาดที่แท้จริง’ ได้