ไม่ว่าจะยุคสมัยใดการสร้างแบรนด์สินค้าให้ประสบความสำเร็จนอกจากคุณภาพจะต้องดีแล้ว การตลาดก็เป็นหัวใจสำคัญเช่นเดียวกัน สำหรับปัจจุบันการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) เรียกได้ว่าบูมสุด ๆ ไม่ว่าจะใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ใดก็มักจะเห็นผ่านตา อย่างไรก็ตามการโฆษณาของบางแบรนด์ยังให้ความสนใจกับสื่อแบบดังเดิม (Traditional Marketing) อยู่
ยกตัวอย่างเช่น ป้ายบิลบอร์ดของแพลตฟอร์มนยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix โฆษณาสินค้า/บริการบนป้ายติดบนรถโดยสารหรือนิตยสาร เป็นต้น ซึ่งทั้งสองรูปแบบต่างก็ยังเข้าถึงผู้บริโภคอยู่ แล้วสงสัยกันไหมว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาคุณมาไขคำตอบนั้นเอง หากพร้อมเลือกวิธีวางแผน การตลาดที่เหมาะกับคุณมากที่สุดแล้วมาเริ่มกันเลย
ชวนส่อง! ลักษณะการตลาดแบบดั้งเดิม ก่อนจะมาเป็นการตลาดออนไลน์
มาเริ่มต้นกันที่การตลาดแบบ Traditional ก่อนจะเข้าสู่ยุคการตลาดออนไลน์ปัจจุบันกัน โดยการตลาดประเภทนี้จะมีกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างกว้างไม่เน้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะเน้นไปที่ 4P ได้แก่ Product, Price, Promotion และ Place ซึ่งสินค้าจะมีความหลากหลาย ราคามีส่วนลด สถานที่จัดจำหน่ายมีหลักแหล่งและการโฆษณาจะขายตรง ๆ เป็นการสื่อสารทางเดียว สามารถแบ่งออกได้ 5 ประเภทหลัก ๆ คือ บิลบอร์ด จดหมาย สื่อสิ่งพิมพ์ การโฆษณาบนโทรทัศน์-วิทยุ และบนทางโทรศัพท์ทั้งการส่งข้อความและโทร
- บิลบอร์ด (Billboard)
สำหรับการโฆษณารูปแบบแรกมักพบบนริมถนนหรือทางด่วน จะสามารถดึงดูดสายตาของผู้ที่ผ่านได้บนป้ายขยาดยักษ์ มักเน้นการใช้ภาพหรือข้อความสั้น ๆ ส่วนกลุ่มเป้าหมายก็คือบุคคลที่ต้องเดินทางผ่านหรืออาศัยอยู่ละแวกนั้นนั่นเอง
- จดหมาย (Direct Mail)
ปัจจุบันการตลาดรูปแบบการส่งจดหมายแทบจะไม่มีแล้ว โดยธุรกิจจะส่งไปยังที่อยู่ของลูกค้าส่วนใหญ่สามารถพบได้ในกลุ่มธุรกิจการเงิน
- สื่อสิ่งพิมพ์ (Print Media)
การบริหารธุรกิจ การตลาดแบบดั้งเดิมจะขาดสื่อสิ่งพิมพ์ไปได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร การแจกใบปลิวตามสถานที่หรืออีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย
- การตลาดบนโทรศัพท์มือถือ (Telemarketing)
สำหรับการตลาดบนโทรศัพท์มือถือจะมีการส่งข้อความหรือโทรหากลุ่มลูกค้าโดยตรง
- การตลาดโทรทัศน์-วิทยุ (Broadcast)
หนึ่งในการตลาดที่ยังได้รับความสนใจอยู่ก็คือบนโทรทัศน์-วิทยุ เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและจำนวนมหาศาลในระยะเวลาเดียวกัน
จุดเด่น-จุดด้อยของ ‘Traditional Marketing’
สำหรับใครที่กำลังสนใจการตลาดประเภทนี้ก่อนตัดสนใจว่าชั่งน้ำหนักระหว่างจุดเด่นและจุดด้อยของการตลาดประเภทนี้กันก่อน
จุดเด่นของการตลาดแบบดั้งเดิมนั้นไม่สามารถกด ‘Skip’ ได้ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหนมาไหนสายตาก็ต้องเห็นป้ายบิลบอร์ด หรือสื่อสิ่งพิมพ์ที่ติดประกาศในสถานที่ต่าง ๆ โดยสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างเพราะมีอยู่ทุกที่ เหมาะสำหรับหารสร้าง Brand Awareness
จุดด้อยของการตลาดแบบดั้งเดิมก็คือ ไม่มีตัวชีวัด (Indicator) ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดเพราะไม่รู้ว่ามีคนเห็นกี่คนและมีคนซื้อมาจากเหล่าโฆษณาเหล่านี้กี่คน นอกจากนี้ยังต้องใช้ทุนเยอะมากไม่สามารถทดลองได้ก่อน แถมกำหนดขอบเขตกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย
ลักษณะของการตลาดออนไลน์ ที่ต้องรู้ก่อนเริ่ม!
มาต่อกันที่การตลาดออนไลน์ซึ่งปัจจุบันสามารถแยกย่อยได้หลายประเภทอย่างยิ่งทั้ง SEO (Search Engine Optimization), SEM (Search Engine Marketing), SMM (Social Media Marketing) Influencer Marketing, Digital Advertising, Email Marketing และอื่น ๆ อีกมากมาย
เราขอยกตัวอย่างการตลาดเด่น ๆ อย่างแรก SEO หน่วยย่อยของ SEM ที่เน้นสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านจนสามารถติดหน้าแรกของ Google หรือเสิร์ชเอนจินอื่น ๆ ได้ ต่อมาคือการตลาดบนโซเชียลมีเดียหรือ SMM ซึ่งมีทั้งแบบยิงแอดและการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook Twitter และ Instagram เป็นต้น
ส่วนการตลาดออนไลน์รูปแบบใหม่แกะกล่องที่ได้ผลเป็นอย่างดีก็คือ Influencer Marketing ให้อินฟลูเอนเซอร์เป็นสื่อกลางส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยในบางแพลตฟอร์มจะสามารถเช็กช่วงอายุและเพศได้อีกด้วยเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด
จุดเด่น-จุดด้อยของ ‘Online Marketing’ ที่ต้องเช็กให้ชัวร์
สำหรับคนยุคใหม่ที่เทใจให้กับการตลาดออนไลน์ช้าก่อนอย่างเพิ่งด่วนตัดสินใจ เราจะพามาเรียนรู้จุดเด่นแลจุดด้อยของการตลาดประเภทนี้กันก่อน
สำหรับจุดเด่น คือ การวัดผลได้และไม่ต้องคาดการณ์เองเพราะอัลกอริทึมจะทำการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ให้คุณ จึงสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยให้การจัดสรรงบประมาณมีประสิทธิภาพเนื่องจากควบคุมได้ในการยิงแอดแต่ละแพลตฟอร์มหรือการทำคอนเทนต์ การตลาดประเภทนี้สามารถถูกเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาทั้งในและต่างประเทศ ไม่จำกัดพื้นที่แบบป้ายบิลบอร์ด
และแน่นอนว่าเทรนด์ การตลาด 2022 นี้มีข้อเสียเช่นเดียวกัน อย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือการแข่งขันที่สูงไม่ว่าจะแบรนด์ใหม่ ๆ หรือแบรนด์ใหญ่ก็สามารถใช้งานได้ และจำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้เรื่องดิจิทัลอย่างครอบคลุมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและสุดท้ายคือการคอมเมนต์ในแง่ลบของลูกค้าบนพื้นที่สาธารณะ ซึ่งการตลาดออนไลน์นั้นมีการสื่อสารสองทาง หากเกิดความไม่พึงพอใจในคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจได้เช่นกัน จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนรับมือและป้องกันไว้ก่อน โดยเฉพาะการเผยแพร่ โปรโมตข้อมูลข่าวสาร เนื้อหาที่ละเอียดอ่อนทำให้หลายต่อหลายแบรนด์ถูกแบนมานักต่อนักแล้ว