เนื่องจากโลกปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ผู้คนทั่วทั้งโลกต้องปรับพฤติกรรมจากที่เคยชินกับการออกไปจับจ่ายซื้อของจากตลาด ร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ มาเป็นการสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม หรือเว็บไซต์ e-Commerce บนโลกออนไลน์ และเมื่อพฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยน โลกธุรกิจก็ต้องปรับตัวตามเพื่อความอยู่รอด ดังนั้นจึงทำให้ Sales Page ได้รับความนิยมอย่างมากให้มาแทนรูปแบบการขายของในยุคเก่า
ในบทความนี้เราจะดูกันว่า Sales Page คืออะไร และสามารถทำประโยชน์ให้กับธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
Sales Page คืออะไร?
Sales Page คือ เครื่องมือหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ที่ทรงพลัง มีเพียงแค่เว็บไซต์หน้าเดียวที่เปรียบเสมือนเครื่องปิดการขายอัตโนมัติ ที่มีข้อมูล และเครื่องครบจบในหน้าเดียวทำให้การสั่งซื้อสินค้าเต็มไปด้วยความง่าย สะดวกรวดเร็ว สร้างความประทับใจจนต้องบอกต่อ
ถ้าเปรียบเทียบกับโลกออฟไลน์ Sales Page ก็คือ ใบปลิว ที่เราเคยแจกหรือได้รับแจกกันในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันนี้ Sales Page ก็ทำหน้าที่เช่นเดียวกับใบปลิว แต่เป็น ใบปลิวในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงทุนจ้างนักปิดการขายอัตโนมัติในราคาที่ต่ำมาก แต่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาลกันเลยทีเดียว
หรือเราจะมองว่า Sales Page ก็เป็นเว็บไซต์แบบง่ายๆ (หน้าเดียวจบ) ที่ธุรกิจออนไลน์แบบเก่าสามารถปรับตัวได้ เพื่อทำให้ตัวธุรกิจมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งขึ้นก็ได้ (ธุรกิจออนไลน์หลายที่ยังใช้การยิงโฆษณา Facebook และปิดการขายในแชทอยู่ ไม่ได้มีการใช้เว็บไซต์)
Sales Page เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างยอดขายให้กับสินค้า และบริการต่าง ๆ ได้มากมายไม่แพ้เพจ Facebook
นอกจากนี้ Sales Page สามารถช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อสินค้าให้กับลูกค้าได้ ด้วยวิธีการนำเสนอสินค้าที่เน้นการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ในแบบที่ลูกค้าต้องการได้ยิน มีข้อมูลที่ครบถ้วนจบในหน้าเดียว มีวิธีการสั่งซื้อสินค้าที่ง่าย และมีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกหลากหลายช่องทาง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ของ Sales Page จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความประทับใจจนต้องกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ หรือเกิดการบอกต่อให้กับคนรอบข้างได้อีกด้วย
Sales Page ต่างจากเว็บไซต์ทั่วไปยังไงบ้าง
ผมต้องขออธิบายก่อนว่า ‘ธุรกิจออนไลน์’ ในประเทศไทยนั้นสามารถแบ่งได้เป็นประมาณ 3 ระดับนะครับ 1) ขายของโดยไม่ผ่านเว็บไซต์ 2) ขายของผ่าน Sales Page และ 3) ขายของผ่านเว็บไซต์ระบบเต็ม ซึ่งข้อแตกต่างเบื้องต้นมีดังนี้
1) ขายของโดยไม่ผ่านเว็บไซต์ หมายถึงการหาลูกค้าและปิดการขายผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น Social Media ต่างๆ ธุรกิจแนวนี้อาจจะมีเว็บไซต์ด้วย แต่ไม่ได้ใช้ในการประกอบการขาย ซึ่งธุรกิจส่วนมากเป็นแบบนี้ เพราะการทำ Social Media เริ่มได้ง่ายกว่าการทำเว็บไซต์
2) ขายของผ่าน Sales Page หมายถึงธุรกิจที่ลงทุนเล็กน้อยเพื่อสร้างเว็บไซต์เล็กๆของตัวเอง และใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการให้ข้อมูลลูกค้า และปิดการขาย เป็นธุรกิจที่ทำงานมีระบบขึ้นมาหน่อย เหมาะกับธุรกิจที่อยากขายออนไลน์จริงจัง แต่ไม่ได้อยากลงทุนสร้างเว็บไซต์ขายของใหญ่ยักษ์ของตัวเอง
3) ขายของผ่านเว็บไซต์ระบบเต็ม หมายถึงเว็บไซต์ที่มีหลายหน้า มีข้อมูลสินค้าครบ และลูกค้าสามารถหาข้อมูลซื้อของและชำระเงินได้ทั้งหมดบนเว็บไซต์เลย ธุรกิจแนวนี้ต้องมีการจ้างนักพัฒนาเว็บไซต์ไว้เป็นทีม เพราะเว็บไซต์มีการพัฒนาและปรับปรุงทุกอาทิตย์หรือทุกเดือน
พอเราเข้าใจพื้นฐานแล้วว่า ธุรกิจออนไลน์ทั่วไปและธุรกิจมี Sales Page ทำงานต่างกันอย่างไรบ้าง เรามาลองดูข้อแตกต่างระหว่าง Sales Page และเว็บไซต์ทั่วไปกันนะครับ
ข้อแตกต่างของ Sales Page
เน้นขายสินค้าโดยเฉพาะ อาจจะเป็นสินค้าเพียงชนิดเดียว หรืออย่างมากไม่เกิน 2 ชนิด
เน้นหาวิธีแก้ปัญหาของลูกค้าอย่างตรงจุด และนำเสนอแต่สิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง
เน้นปิดการขายในหน้าเว็บได้เลย
มีเครื่องมือ และฟังก์ชันสำหรับการทำโฆษณาครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาพ วีดีโอ ข้อความ และลูกเล่นอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้ Sales Page สามารถปิดการขายได้มากที่สุด หรือปิดการขายได้ทุกครั้งที่ลูกค้าเข้ามาที่หน้า Sales Page
เน้นใส่ข้อเสนอที่โดนใจลูกค้า เช่น ซื้อ 1 แถม 4 หรือซื้อสินค้า A ภายใน 3 นาทีนี้สามารถสินค้า B ได้ในราคา 50% เป็นต้น
มีการกำหนดอายุของข้อเสนอที่ต้องการขายอย่างชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น
มีภาพ หรือวีดีโอในการรีวิวสินค้าจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้ามาก่อน เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ามีความเชื่อในตัวสินค้าจนยอมจ่ายเงินออกจากกระเป๋าได้อย่างง่ายดาย
เป็นหน้าเว็บไซต์มีเพียง 1 หน้า หรืออาจจะมากกว่าตามต้องการ
ระยะเวลาการทำหน้า Sales Page ใช้เวลาน้อยประมาณ 3-7 วันขึ้นอยู่กับความพร้อมของข้อมูล และความซับซ้อนในการทำ Sales Page
ข้อแตกต่างของ เว็บไซต์
เน้นให้เนื้อหาความรู้ สร้างความน่าเชื่อถือ
มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ครอบคลุมทุกด้าน
มีโครงสร้างเว็บไซต์ และมีหลายหน้าเว็บเพจหลายหน้า เป็นไปตามหลัก SEO
เป็นเหมือนร้านค้าออนไลน์ที่มีสินค้าให้เลือกมากมาย
ระยะเวลาในการทำเว็บไซต์ใช้เวลานาน อาจจะใช้เวลานานเป็นเดือนหรือหลายเดือน แล้วแต่การจัดเตรียมข้อมูล และขนาดของเว็บไซต์
นี่คือข้อแตกต่างระหว่าง Sales Page และเว็บไซต์ จะเห็นได้ว่า Sales Page ทำหน้าที่เป็นเหมือนเซลล์ที่แค่ขายสินค้าเท่านั้น ซึ่งมีความคล่องตัวมากกว่า
ส่วนเว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวแทนขององค์กร หรือบริษัทในโลกออนไลน์ต้องมีข้อมูลที่สร้างความน่าเชื่อถือมาเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการติดต่อ มีที่อยู่จัดตั้งชัดเจน มีเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ มีข้อมูลช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เพจ Facebook หรือLine มีช่องทางการสอบถาม วิธีการคืนและเปลี่ยนสินค้า หรือมีการเข้ารหัสข้อมูลของลูกค้าเพื่อสร้างความรู้สึกปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์ เหล่านี้เป็นต้น
Sales Page ดียังไงบ้าง?
Sales Page เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่เปรียบเสมือนเครื่องปิดการขายอัตโนมัติ ที่มาในรูปแบบหน้าเว็บไซต์ที่ขายได้ครบจบในหน้าเดียว Sales Page หลายคนอาจจะคิดว่า Sales Page มีลักษณะคล้ายกับเพจ Facebook แต่ในความเป็นจริง Sales Page มีความสามารถมากกว่านั้น ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึงเป็นข้อดีของ Sales Page
#1 ประยุกต์ใช้งานได้กับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การขายบ้าน ขายเครื่องสำอาง หรือแม้กระทั่งการทำการตลาดออนไลน์กับสายความเชื่อต่าง ๆ
#2 มีอิสระในการขาย สามารถออกแบบได้หลากหลายรูปแบบ รองรับอุปกรณ์ได้ทุกชนิด ทุกขนาด ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพทมือถือ หรือแท็บเล็ต สามารถรองรับสื่อได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูปภาพ วีดีโอ และ สามารถขายสินค้าได้ตลอดเวลา
#3 ใช้งานง่าย เพราะว่าเป็นเว็บเพจหน้าเดียว ไม่ต้องล็อกอินให้ยุ่งยาก มีข้อมูล และขั้นตอนในการสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายและครบถ้วนในหน้าเว็บไซต์เดียว ทำให้ลูกค้าตัดสินใจสั่งซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น
#4 ต้นทุนต่ำ มีเพียงทำหน้าเว็บไซต์หน้าเดียว และมีระบบหลังบ้านเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า และคำสั่งซื้อ
#5 สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพื่อปรับปรุง Sales Page ให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
#6 สามารถจัดแต่ง Sales Page ให้ช่วยปิดการขายได้ง่าย สามารถทำการ Upsell ในหน้าชำระเงินสินค้า หรือจะเป็นในหน้าขอบคุณก็ได้ และ สร้างข้อเสนอสินค้า บริการได้ไม่จำกัด สามารถทำในรูปแบบ Flash Sale หรือรูปแบบอื่น ๆ ตามยุคสมัย
#7 มีปุ่ม Call To Action ที่สามารถชี้นำเชิญชวนลูกค้าให้สั่งซื้อสินค้าได้
#8 มีฟีเจอร์ที่สามารถใส่ช่องทางติดต่อสอบถามของโซเซียลมีเดียได้ทุกแพลตฟอร์ม ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ Sales Page มากยิ่งขึ้น หรือจะใส่ลิงก์ที่เชื่อมไปยัง Lazada, Shopee หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ในช่องทางอื่นของธุรกิจได้
#9 สามารถใส่ช่องทางการชำระเงินได้หลายช่องทาง เช่น ชำระด้วยบัตรเครดิต, PayPal หรือเก็บเงินปลายทาง เป็นต้น หรือจะปิดการขายแบบง่ายๆด้วยการให้ลูกค้าแอดไลน์แล้วส่งใบโอนมาก็ได้
#10 สามารถรองรับการตลาดได้หลายรูปแบบ เช่น การทำ SEO ช่วยให้ Sales Page ติดบนหน้าแรกของ Google ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาล หรือจะใช้ Sales Page ในการยิงโฆษณาได้ทั้งบน Facebook Ads , Google Ads, Line Ads และ Tiktok Ads ก็ได้
#11 ใช้ระยะเวลาในการทำ Sales Page ไม่นานประมาณ 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของข้อมูล และความซับซ้อนของ Sales Page
#12 ระยะเวลาในการโหลด Sales Page จะมีความรวดเร็ว เพราะว่ามีจำนวนหน้าเว็บเพจไม่เยอะ หรือมีเพียงเว็บเพจหน้าเดียว เหมาะกับพฤติกรรมการจับจ่ายในยุคปัจจุบันที่ต้องการความง่าย สะดวก และรวดเร็ว
#13 ตัว Sales Page ก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของธุรกิจ สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อลูกค้าได้
จากข้อดีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ พอจะช่วยทำให้เห็นภาพได้ว่า Sales Page มีความยืดหยุ่นเป็นอย่างมากในการสร้างหน้า Sales Page ให้มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า สินค้า และบริการต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากโซเซียลมีเดีย หรือร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีข้อจำกัดมากกว่า โดยเฉพาะเพจ Facebook ที่มีข้อจำกัดที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์โดนปิดบัญชีกันอยู่เสมอ หรือไม่ว่าจะเป็นการปิดกั้นการมองเห็นต่าง ๆ
ในยุคนี้ที่ค่าโฆษณาของเพจ Facebook ที่นับได้ว่ามีราคาแพง หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เพิ่มตัวเลือกเป็น Sales Page ที่ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญค่าโฆษณาบน Google ยังช่องทางในราคาที่พอจ่ายได้ อาจจะต้องอาศัยเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์หาคำค้นหา หรือ Keyword ที่จะมาใช้ในคำโฆษณาบน Google ที่ราคาไม่แพงมาก แต่สามารถสร้างยอดขายได้ในราคาค่าโฆษณาที่ถูกกว่าเพจ Facebook