รู้รึเปล่าครับ จากการสำรวจตลาดมากกว่า 7000 บริษัท ธุรกิจส่วนมากโตโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 2-3% ต่อปีเท่านั้นเอง แปลว่าถ้าเราโตปีละ 10% เราก็คือผลประกอบการดีกว่าเจ้าอื่นโดยเฉลี่ยแล้ว แน่นอนตัวเลขนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ แล้วก็ประเภทสินค้าที่ขายด้วย
ที่ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจก็คือ การทำให้ธุรกิจเรามีรายได้มาก ขยายใหญ่ขึ้น อาจจะยากกว่าที่เราคิด
แต่ถ้าสมมุติเราบอกว่า เราอยากจะให้ธุรกิจโตเป็น 10 เท่า ในเวลาที่ไม่กี่ปี เราจะทำยังไงได้บ้าง ในวีดีโอนี้เราจะมาแกะกลยุธ์กันนะครับ
วิธีทำให้ธุรกิจโต 10X (ที่บริษัทใหญ่ๆทำกันมาเยอะแล้ว)
คำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยๆในบริษัทที่โตเร็วๆ ก็คือ Scalability ส่วนมากหมายถึงว่าโครงสร้างของธุรกิจ อำนวยให้เราโตได้เร็วแค่ไหน ตัวอย่างง่ายๆก็คือบริษัทที่มีหน้าร้านกับบริษัทที่เป็นออนไลน์ บริษัทที่มีหน้าร้านเวลาเขาจะขยายสาขา เขาก็ต้องมีทั้งการก่อสร้าง จ้างพนักงานเพิ่ม แล้วก็การฝึกพนักงาน
กระบวนการเหล่านี้มีเงินอย่างเดียวก็ไม่รับประกันว่าจะทำได้ใช่ไหมครับ สมมุติเราอยากจะแต่งหน้าร้าน จะสร้างตึก จะ Built in หรือจะฝึกพนักงาน บางทีสาขาแต่ละสาขาก็ใช้เวลาเป็นเดือน ต่อให้เราอยากเพิ่มรายได้เราก็ไม่ได้จะทำได้วันนี้หรือพรุ่งนี้
ทีนี้ในมุมมองตรงกันข้ามก็คือ ธุรกิจที่ขายออนไลน์ ทำการตลาดออนไลน์ อย่างแรกก็คือส่วนมากมักจะเป็นช่องทางใหม่หรือว่าวิธีทำการตลาดแบบใหม่ ซึ่งเวลาเราทำอะไรใหม่ๆ โอกาสล้มเหลวก็มี เวลาที่มันโตแล้วมันโตเร็ว
ออนไลน์โตเร็วกว่าจริงหรือ?
แต่อีกหนึ่งมุมมองก็คือสมมุติผมขายของออนไลน์ผมมี 1 เว็บเว็บไซต์ ถ้าเรามองว่าหน้าร้านเราสามารถรับลูกค้าได้วันละ 1000 คน มากกว่านี้ก็คือพื้นที่ไม่พอ แต่ระบบเว็บไซต์ออนไลน์ของเรา สามารถรับลูกค้าได้วันละเป็นหมื่น เป็นแสนคน
แน่นอนมันก็อาจจะต้องมีค่า Server ที่แพงมากขึ้น เพราะเว็บไซต์ต้องทำงานหนักขึ้น แต่โดยรวมแล้วก็ลงทุนในทางด้านการสร้างเว็บไซต์ มันปรับตัวให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มกว้างได้มากกว่า
ในมุมมองนี้ คนก็เลยชอบระบบการจ่ายเงินทำโฆษณาในโลกออนไลน์ เพราะเราสามารถเริ่มต้นได้ที่เงิน 100 บาท และตามทฤษฎี ถ้าเราเพิ่มเงินไปเรื่อยๆวันละ 1,000 หรือ 10,000 เราก็ควรจะขายได้กำไรเรื่อยๆ มันเป็นระบบที่ขยายตัวได้ง่าย
(ขอย้ำว่าเป็นแค่ทฤษฎีนะ เพราะในโลกจริง ยิ่งเราเพิ่มเงินเยอะ เราก็จะเข้าหาคนได้เยอะ ซึ่งเราก็ต้องรับความเสี่ยงด้วยว่าเราจะไปเจอกลุ่มลูกค้าที่ไม่สนใจในสินค้าเราหรือเปล่า เพราะกลุ่มลูกค้าน่าจะทำให้โฆษณาเราไม่กำไร)
เพราะฉะนั้นในบทสรุปข้อแรก เราต้องมั่นใจก่อนว่าโครงสร้างเรา Scalable (หรืออย่างน้อยก็จะ scalable ได้ในอนาคต)
แต่ไม่ต้องออนไลน์ ก็โตเร็วได้เหมือนกัน…
คำถามต่อมาก็คือจะทำยังไงให้เราโตเร็วเท่าคนที่ทำเก่งๆกัน?
ซึ่งเราก็ต้องมาวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจที่ขยายได้ง่าย แล้วก็โครงสร้างของธุรกิจที่ทำให้เราไม่เติบโต ในบทความนี้ผมบอกไปแล้วว่าอันที่ขยายได้ง่าย ก็คือพวกเว็บไซต์ต่างๆ หรือระบบโฆษณาออนไลน์ และอันที่พอขยายได้บ้างก็คือหน้าร้านทำเลที่ตั้งต่างๆ ผมย้ำว่าทำได้บ้างเพราะว่า ต่อให้เป็นช่องทางที่โตยาก ถ้าเราทำเป็น (และมีเงินทุน) ก็อาจจะโตเร็วมากๆ
ตราบใดที่ว่าเราเก่งหรือมีความคิดสร้างสรรค์ เราก็ยังหาวิธีทำได้
ในมุมมองนี้ เราอาจจะพูดได้ว่าจุดที่ทำให้ธุรกิจไม่โต ก็คือคนที่ดูแลระบบ ใช่ครับสรุปแล้วมันก็คือเรื่องของคนนั้นเอง
ในโรงเรียนธุรกิจ เราจะเรียกสิ่งนี้ว่าการ leverage หมายถึงการใช้คนหรือว่าหาคนมาทำงานให้มันมีประสิทธิภาพมากที่สุด ขอเน้นว่า ทั้งใช้คน แล้วก็ใช้คนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ยกตัวอย่างเช่น อย่างช่อง YouTube ช่อง TikTok ของผม ส่วนมากผมก็เป็นคนคิด Content แล้วก็ใช้ตัวเองเป็นคนพูด ข้อดีก็คือมันเริ่มได้ง่ายและไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่พอโตมาถึงจุดนึงแล้ว สมมุติวันหนึ่งผมมีลูกค้า ABC ที่สำคัญกว่า เวลาของผมก็จะเป็นจุดที่ทำให้ช่องเหล่านี้ไม่โต
แต่อันนี้พูดถึงในมุมมองของธุรกิจนะครับ จะไม่ได้พูดในมุมมองของเป็น Influencer ซึ่งมันจะไม่ค่อยเหมือนกันทีเดียว
ทำไมธุรกิจเราถึงหยุดอยู่กับที่?
ถ้าเป็นในมุมมองนี้ สาเหตุที่ธุรกิจผมไม่โตหรือไม่ scale ก็เพราะว่าผมอาจจะมีเวลาหรือทักษะที่จำกัด … และวิธีที่เราจะแก้ก็คือการหา leverage ซึ่งก็คือการหาคนมาทำแทน
แต่ … ผมคิดว่าเราทุกคนเก่งหมดนะครับ แต่คงไม่มีใครเก่งทุกอย่างและก็มีเวลาไร้จำกัด บางคนก็อาจจะเก่งเรื่องวางแผน คนกว่าจะเก่งเรื่องการทำงานประจำ ทำเรื่องเดิมซ้ำๆได้ทุกวัน ขั้นตอนแรกของการทำให้ธุรกิจโต ก็คือการหาคนที่เก่งกว่า มาทำเรื่องที่เราไม่ถนัด
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเก่งกว่าอย่างเดียวแล้วมันจะจบ ยกตัวอย่างเช่น หากเทียบกับในหมู่เพื่อนผม กว่าจะเป็นคนที่มองภาพรวมเก่ง แต่ถ้าผมออกไปหาจ้างคนจริงๆ ผมก็รับรองว่าผมสามารถหาคนที่มองภาพรวมเก่งกว่าผมก็ได้ คือเราไม่ได้หาแค่คนทำงานให้จบๆ เราต้องหาคนที่ ‘เก่งกว่าเราแบบก้าวกระโดด’
โดยรวมแล้วเวลาเราหา leverage จริงๆก็หาได้ในหลายมุมของธุรกิจ ที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือ leverage เวลาของเรา ผมแต่งภาพไม่เก่งผมก็หาคนอื่นมาทำกราฟฟิกให้
แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่ใหญ่ เราก็ต้อง leverage ทีมหรือพนักงานเรา หลายธุรกิจอาจจะมี supplier หรือ พันธมิตรธุรกิจซึ่งเราก็ leverage ได้ และ สำหรับธุรกิจหลายๆคนอาจจะมี partner หรือหุ้นส่วนที่ก็ leverage ได้เหมือนกัน
สุดท้ายนี้เกี่ยวกับการทำให้ธุรกิจโตเร็วๆ
ผมขอย้ำว่าเราต้องเข้าใจว่าตอนนี้ธุรกิจเรามันมีระบบแบบไหนที่ทำให้มันเดินหน้าและเติบโต และตัวเราเป็นส่วนไหนของระบบนี้ เราเป็นคนผลักดัน เราเป็นคนดำเนินการ หรือเราเป็นคนวางแผน และถ้าเราค้นพบว่าเราขาดส่วนไหนที่เราทำไม่เก่ง ไม่มีเวลาทำ หรือทำไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีมา leverage ให้เราทำได้ และ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้เราก็ต้องเข้าใจนะครับว่าพอมันเป็นเรื่องของกระบวนการหาคน หา leverage มันจะไม่ได้ทำได้เร็วๆ เพียงแต่ว่ามันทำได้ และอาจจะทำได้เร็วขึ้น ถ้าเรามุ่งเป้าหมายการทำงานเราในการหาสิ่งเหล่านี้มากกว่าการทำกิจกรรมอย่างอื่น
และว่าถ้าเราทำได้ ธุรกิจของเราก็จะโตเป็นสองเท่าสามเท่า หรือแม้แต่ 10 เท่า