ขายอะไรดีท้ายกระบะ? แนะนำวิธีเลือกสินค้าน่าขายสำหรับคุณ

ขายอะไรดีท้ายกระบะ? แนะนำวิธีเลือกสินค้าน่าขายสำหรับคุณ

หน้าบ้านของผมมีรถกระบะขายของวิ่งผ่านอย่างน้อยวันละสามสี่คัน ผมบอกเลยว่าตลอดยี่สิบปีที่อยู่ที่นี่มา ผมเห็นรถกระบะขายของเยอะมาก และที่สำคัญก็คือผมก็ได้พูดคุยกับรถกระบะเหล่านี้และรู้ว่าส่วนมากแล้ว สินค้าประเภทไหนถึงจะขายดีท้ายกระบะกันแน่

บทความนี้เราจะมาดูกันว่าหากคุณมีรถกระบะ คุณจะสามารถนำสินค้าตัวไหนมาขายได้บ้าง และที่สำคัญกว่าก็คือคุณต้องใช้วิธีคิดแบบไหน ถึงจะช่วยเลือกสินค้าที่เหมาะกับรถกระบะของคุณที่สุด

ขายอะไรดีท้ายกระบะ? แนะนำวิธีเลือกสินค้าน่าขายสำหรับคุณ

จุดขายของรถกระบะก็คือความคล่องตัว รถกระบะสามารถย้ายไปไหนมาไหนได้ง่าย ทำให้เจ้าของสามารถเลือกสถานที่ขายให้เหมาะกับตัวเองได้ หมายความว่าของที่นำมาขายท้ายกระบะก็ควรต้องถูกปรับให้เหมาะกับสถานที่ที่เราอยากจะขายภายหลังด้วย

ก่อนที่ผมจะแนะนำทีเด็ดเรื่องวิธีเลือกสินค้าให้เหมาะกับตัวคุณ เรามาดูสินค้าที่มักขายดีท้ายรถกระบะกันบ่อยๆก่อนครับ

กาแฟ – เป็นสินค้าที่ขายได้ดีเสมอ รถกระบะที่ขายกาแฟสามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ง่าย ทำให้สามารถครอบคลุมหลายพื้นที่ได้ดี กาแฟเป็นอาหารที่ชงได้ง่าย ใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน วัตถุดิบก็ซื้อได้ง่ายเช่นกัน ที่สำคัญก็คือคุณสามารถต่อยอดเป็นการขาย ชานม หรือน้ำหวานต่างๆได้อีกด้วย ประเทศไทยอากาศร้อนเสมอ ขายน้ำเย็นๆยังไงก็ขายได้

อาหารตามสั่ง – หมายถึงรถกระบะที่มีอุปกรณ์ทำอาหาร มีหม้อ กระทะ อาหารสดต่างๆ และสามารถทำอาหารตามสั่งง่ายๆอย่างข้าวผัดกระเพรา ข้าวไข่เจียว ได้เป็นต้น ข้อดีก็คืออาหารของเราราคาถูกกว่าเจ้าอื่นแน่นอน แต่ข้อเสียก็คือเราต้องเตรียมอุปกรณ์เยอะ แถมยังต้องฝึกทำอาหารอีกด้วย หากเทียบกับการขายน้ำ หรือขายของอย่างอื่น รถกระบะอาหารตามสั่งต้องมีคนช่วยขายอีกหนึ่งคน ไม่งั้นทำงานไม่ทัน

อาหารสด – อาหารสดก็เป็นสินค้าที่ขายดีเสมอ สินค้าพื้นฐานอย่างเนื้อ ไข่ ผัก ผลไม้ นั้นไม่ใช่สินค้าที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย หากเราวิ่งไปที่ที่คนมาเยอะๆ คนก็จะรีบเข้ามาซื้อของเราแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถวิ่งได้หลายที่ในหนึ่งวันอีกด้วย

จุดขายของการขายท้ายกระบะก็คือเราต้อง ‘มีความสมั่นเสมอ’ หมายความว่าหลังจากที่เราตั้งตัวได้แล้ว ลูกค้าของเราต้องสามารถคาดหวังว่าเราจะอยู่ที่ไหนในแต่ละวัน คุณจำเป็นต้องมีลูกค้าประจำไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องเหนื่อยวิ่งหาพื้นที่ใหม่ไปตลอดชีวิต ในกรณีนี้ ให้สื่อสารกับลูกค้าให้ดีว่าคุณจะมาที่นี่กี่โมงและวันไหนบ้าง หากทำได้คุณจะสามารถไปได้หลายที่ในหนึ่งวัน และจะมีลูกค้ามารอซื้อของจากคุณทุกครั้ง

ข้อดีของการขายของท้ายกระบะก็คือเราไม่มีค่าเช่าที่ หากเทียบกับร้านกาแฟ ร้านอาหารตามสั่ง หรือร้านขายของทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายของเราจะถูกมาก ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่าเจ้าอื่นได้ อย่างไรก็ตาม การขายของท้ายกระบะก็ไม่ได้จำเป็นว่าคุณต้องขายถูกเสมอไป ตราบใดที่คุณขายของที่ลูกค้าไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย คุณก็ยังสามารถตั้งราคาแพงขึ้นได้นิดหน่อย

ซึ่งก็ทำให้เราต้องพูดถึง ‘เคล็ดลับ’ ของการขายของท้ายกระบะ

การขายท้ายกระบะคือการขายสิ่งที่รอบข้างต้องการ

อธิบายง่ายๆนะครับ กลไกเศรษฐกิจหลายๆอย่าง (ค่าเช่าที่ ต้นทุนสินค้า ความยากในการจัดส่งสินค้า) ทำให้สินค้าบางอย่างขาดตลาดในบางสถานที่ บางที่ก็อาจจะเข้าถึงไข่ราคาถูกยาก บางที่ก็อาจจะไม่มีแก้วมังกร บางที่ก็ไม่มีต้นไม้

ซึ่งหน้าที่ของรถกระบะขายของก็คือการเติมเต็ม ‘จุดบอด’ เหล่านี้ 

รถกระบะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ ไม่ต้องจ้างพนักงานเยอะ แถมไม่ต้องจำกัดตัวเองด้วยการขายของแค่บางพื้นที่เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า รถกระบะมีจุดขายที่ธุรกิจมีหน้าร้านไม่สามารถแข่งได้ 

ผมไม่ได้บอกว่าจะขายดีถล่มทลายจนคุณจะเป็นเจ้าสัวคนใหม่ แต่คุณสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้แน่นอนถ้าคุณขยันวิ่งเยอะๆ

ข้อแนะนำก็คือให้ลองดูว่าในแต่ละพื้นที่มีคนเยอะแค่ไหน ‘ออฟฟิศทำงานที่ไกลห้าง’ เป็นลูกค้าหลักของคุณ ยิ่งเป็นในซอยเข้ายากๆก็ยิ่งดี คนเหล่านี้มีทางเลือกน้อย เดินทางยาก หากคุณมาขายหน้าตึกเค้ายังไงเค้าก็ซื้อ (ข้างบ้านผมเป็นโรงพยาบาลที่มีทั้งพนักงาน พยาบาล และหมอ)

หากคุณมีกระบะอยู่แล้ว ในเบื้องต้นให้ลองขับรถวนในพื้นที่ที่คุณคุ้นเคยก่อน และลองสังเกตุว่าพื้นที่เหล่านี้มีจุดบอดอะไรบ้าง คำถามง่ายๆก็คือ ใกล้แถวนี้มีร้านขายอะไรบ้าง คนในพื้นที่อยากได้อะไรบ้าง หากคุณกล้าหน่อยก็เดินลงไปถามคนเดินถนนเลย ไปตอนเที่ยงที่คนออกมาหาข้าวกัน

ข้อแนะนำสำหรับการหาของมาขายท้ายกระบะ

ในส่วนนี้ผมอยากจะขอแนะนำ ‘ทีเด็ด’ ที่ผมได้มาจากการอยู่กับรถกระบะขายของเหล่านี้มาเป็นสิบปี

ในช่วงแรก ‘ให้สังเกตพื้นที่น่าขาย’ และ ‘เวลาน่าขายด้วย’ – ข้อดีของกระบะคือคุณไปได้หลายที่ และคุณสามารถเลือกเวลาขายได้ การสังเกตส่วนนี้อาจใช้เวลาหลายเดือน แต่คุณต้องลองดูว่าในพื้นที่นี้ขายดีตอนไหน และในช่วงเวลานี้เราต้องขับไปขายที่ไหนดี

เราไม่จำเป็นต้องขายราคาเดียวกันทุกที่ – หากคุณเป็นรถขายกาแฟ ถ้าคุณขับไปขายในตัวเมืองตอนเช้า และขับออกมาขายนอกเมืองตอนบ่าย คุณก็ไม่จำเป็นต้องขายกาแฟในราคาเดียวกันทุกที่ หากคุณสามารถปรับราคาสินค้าให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ได้คุณก็อาจจะเพิ่มกำไรให้ตัวเองได้ง่ายๆ 20-30% เลย พื้นที่ไหนคนรวยเราก็ขายแพง ส่วนที่อื่นๆเราก็ลดราคาลงมาหน่อย ลูกค้าจะต่อราคาคุณเองหากคิดว่าแพงไป

คุยกับลูกค้าบ่อยๆ – ลูกค้ากลุ่มที่ทำงานประจำ ต้องอยู่ในบริษัททั้งวัน เป็นลูกค้าที่มีเวลาน้อย ไม่สามารถออกมาซื้อของคุณได้ทุกเวลา (แต่เค้าอยากมาซื้อนะ) คุณต้องพูดกับลูกค้าให้ชัดเจนว่ารถคุณจะมาจอดวันไหนบ้าง ลูกค้าจะได้จัดตารางเวลาหรือฝากคนอื่นมาซื้อได้ ถ้าทำได้คุณจะขายคนได้เยอะขึ้นในเวลาที่น้อยลง แถมมีลูกค้าประจำด้วย ให้เตือนลูกค้าทุกครั้งที่คุณมาขาย

สุดท้ายนี้หากคุณสนใจเรื่องการขาย การทำธุรกิจเล็กๆ ผมแนะนำให้อ่านบทความใหญ่ของผมเรื่อง ขายอะไรดี? รวบรวมสุดยอดของน่าขายตลาดกาล คิดว่าน่าจะให้ไอเดียทุกคนได้ดีเลยทีเดียว

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด