วิธีทำ SEO สำหรับการขายของออนไลน์ (ที่ไม่ใช่การเขียนบทความ)

วิธีทำ SEO สำหรับการขายของออนไลน์ (ที่ไม่ใช่การเขียนบทความ)

เวลาเราพูดถึง SEO หรือ Search Engine Optimization คนส่วนมากก็มักจะคิดกันถึงเรื่องการเขียนบทความ การให้ข้อมูลคนเยอะๆ แล้วเว็บไซต์เราจะจัดอันดับได้ดีเองแต่คนที่ทำธุรกิจ ในหลายๆครั้งเราก็ไม่อยากจะทำบทความให้ความรู้คน เราอยากจะขายของโดยตรงไปเลย ซึ่งในส่วนนี้มันทำอย่างไรได้บ้าง?

ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการทำ SEO สำหรับคนที่ทำขายของออนไลน์ 

วิธีทำ SEO สำหรับการขายของออนไลน์

#1 คำค้นหา ที่ทำเงินได้

หากเราอยากจะทำให้หน้าเว็บไซต์เราไปอยู่ต่อหน้าลูกค้า เราก็ต้องไปอยู่ต่อหน้าลูกค้าให้ถูกที่ถูกเวลา ยกตัวอย่างเช่น หากเราอยากจะขายนาฬิกา เราก็คงไม่อยากจะเสียเวลาไปเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องของการทําอาหารคลีน เพราะคนที่อยากจะอ่านเรื่องอาหารคลีนก็คงไม่ได้อยากจะซื้อนาฬิกา

ในส่วนนี้แปลว่าเราต้องตั้งเป้าหมายให้ถูก ว่าคำค้นหาแบบไหนที่เราอยากจะจัดอันดับให้ได้ ภาษาการทำ SEO เรียกว่า ‘Buyer Intent Keyword’ หรือ คำค้นหาที่มีแนวโน้มที่จะซื้อ ยกตัวอย่างเช่น หากผมอยากจะซื้อนาฬิกาผมก็อาจจะพิมพ์คำเหล่านี้ลงไปใน Google

ราคานาฬิกา  
นาฬิการ้านใกล้ตัว
ซื้อนาฬิกา
นาฬิกาสำหรับ ___ ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกาสำหรับเด็ก นาฬิกาสำหรับดำน้ำ 

นอกจากนั้นเราก็ยังสามารถคำอื่นมารวมกันได้ด้วยเช่น ‘นาฬิกา’ บวกกับคำว่า ลดราคา ชื่อแบรนด์ต่างๆ ราคาถูก คุณภาพดี มือหนึ่ง คุ้มราคา ไม่แพง 

ให้เริ่มจากคำ (Keyword) ที่ผมแนะนำในบทความนี้ไปก่อน พอคุณเริ่มขายแล้วมีลูกค้าทักเข้ามาบ้าง ก็ลองสังเกตคำศัพท์ลูกค้าดูนะครับว่าลูกค้าชอบใช้คำไหนเป็นพิเศษ ส่วนมากคำนั้นก็คือคำที่เขาจะใช้ค้นใน SEO

ในหัวข้อนี้ หลายคนอาจจะแนะนำว่าให้หาคำค้นหาที่มีคนค้นหาเยอะ เช่นแบบเดือนละหลายพันครั้ง แต่จริงๆแล้ว ในเรื่องของการขายของออนไลน์ คำค้นหาบางคำ คนอาจจะค้นหากันได้ไม่เยอะ แต่ก็สร้างเงินให้กับเราได้เยอะมาก 

ยกตัวอย่างเช่น คำว่า ราคาเสื้อผ้าแฟชั่น อาจจะมีคนค้นหาเดือนละเป็นหมื่นครั้ง แต่สามารถทำรายได้ให้กับเราน้อยกว่าคำค้นหาเช่น เสื้อผ้าแฟชั่นแบบขายส่ง ซึ่งเป็นคนค้นหาแค่เดือนละไม่กี่พันครั้ง แต่ทำเงินได้เป็นทวีคูณ

#2 Competitive Research การวิเคราะห์คู่แข่ง

ผมต้องออกตัวก่อน ว่าผมเป็นนักการตลาดสายถึกครับ คำแนะนำหลายอย่างของผมจะเน้นเรื่องการลองอะไรหลายๆอย่าง ใช้เวลาเข้าสู้ เพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้กับตัวเรามากที่สุด เพราะฉะนั้นในช่วงนี้จะแบ่งเป็นทั้งสิ่งที่นัก SEO ส่วนใหญ่ทำกัน และก็สิ่งที่ผมทำส่วนตัส

จากหัวข้อที่แล้ว เราก็ควรมีไอเดีย ‘คำค้นหา’ อย่างน้อย 5-10 ไอเดียนะครับ อย่างที่บอก คนค้นหาน้อย ไม่ได้แปลว่าจะทำเงินให้กับเราไม่ได้ คำค้นหาบางอย่างมีคนค้นหาวันละหลักสิบคน แต่ทำเงินได้เป็นแสนก็มี

ในส่วนนี้ หากเราไปถามคนทำ SEO คนอื่น เขาก็อาจจะบอกว่า ให้เอาคำพวกนี้ไปลองค้นใน Google ดูก่อน คำค้นหาไหนที่มีคู่แข่งเยอะ ดูจัดอันดับยาก เราก็ไม่ต้องทำ เราเน้นที่คนค้นหาที่จัดอันดับง่ายๆ คู่แข่งน้อยแทน บางคนที่มีงบหน่อยก็อาจจะสามารถใช้เครื่องมือต่างๆเพื่อวัดจำนวนค้นหาได้ (Search Volume) หากอยากใช้ก็ใช้นะครับ แต่ถ้าไม่อยากลงเงินก็ไม่เป็นไร

แต่ในความคิดของผม เนื่องจากว่าทุกอย่างเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง ต่อให้มีคู่แข่งเยอะ ผมก็ทำอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นก็คือทุกคำค้นหาในหัวข้อใหญ่ๆ ผมก็จะมี ‘หน้าเว็บไซต์’ (Page) ที่ผมทำออกมาเพื่อให้จัดอันดับคำค้นหาโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่นผมอาจจะมีนาฬิกาตัวเดียว แต่ว่าผมอยากจะให้นาฬิกาตัวนี้จัดอันดับทั้งนาฬิกาสำหรับเด็ก และนาฬิการาคาถูก ในส่วนนี้ผมก็จะมีทั้งสองหน้าครับ ที่ถึงแม้ว่าจะขายสินค้าตัวเดียวกัน แต่แต่ละน่าจะถูกออกแบบมาให้มันจัดอันดับคำค้นหาแต่ละคำ อย่างเฉพาะเลย 

สาเหตุที่คนส่วนมากไม่แนะนำวิธีนี้…ก็เพราะว่ามันใช้เวลานานครับ ลองคิดดูว่าถ้าเราอยากจะจัดอันดับคำค้นหา 10 คำ ก็แปลว่าเราต้องสร้างหน้าเว็บไซต์ขึ้นมา 10 หน้า แต่ละหน้าก็ต้องถูกปรับมาให้เหมาะกับแต่ละคำค้นหา แถมเราก็ไม่รู้อีกว่าจะจัดอันดับได้หรือเปล่าเพราะคู่แข่งเยอะ 

ซึ่งผมก็ยอมรับว่ากลยุทธ์ของผมแปลว่าผมต้องเสียเวลาเยอะในการแก้แต่ละหน้า แต่โดยรวมแล้วผมสังเกตเห็นว่ายิ่งผมมีหน้าเว็บไซต์เยอะ ผมว่าจะสามารถจัดอันดับคำค้นหาได้หลายคำมากขึ้น โดยรวมแล้วก็จะทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น 

แน่นอนครับหลังจากผ่านไปครึ่งปี เว็บไซต์จัดอันดับเสร็จแล้ว ผมก็จะกลับไปดูข้อมูลหลังบ้านว่าคำค้นหาไหนมีคนเข้ามาเยอะ คำไหนทำเงินได้เยอะ หลังจากนั้นผมค่อยทำการ optimize หรือเน้นที่คำค้นหาสร้างเงินจริงๆอีกที

เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นสายไม่อยากทำงานเยอะ ก็ให้พิจารณาดีๆว่าคำค้นหาที่คุณอยากจะใส่ใจ ใช้เวลาทำจริงๆ แต่ว่าถ้าคุณทำตามกลยุทธ์ผม คุณก็เตรียมเสียเวลาเป็นหลักหลายวันได้เลยครับ นั่งทำเว็บจนปวดหลัง

#3 Optimization (Title Header Image Page Speed) 

ในส่วนนี้เป็นคำแนะนำ SEO ทั่วไปนะครับ ผมจะขออธิบายแต่ละหัวข้ออย่างสั้นๆละกัน หากใครอยากจะได้ข้อมูลเพิ่ม แนะนำให้ดูคู่มือ SEO ผมอันนะครับ 

Title – ชื่อหน้าเว็บไซต์ (Page Title) และชื่อที่จะขึ้นเวลาเราจัดอันดับใน Google ชื่อหน้าควรจะเป็นชื่อที่อธิบายสินค้าเราให้เหมาะกับคำค้นหาอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกาสำหรับเด็กราคาถูก หรือ หลอดไฟ ราคาขายส่ง ผมขอเน้นว่าต้องมีคำค้นหาหลักของเราอยู่ในชื่อ แต่ก็ควรมีคำอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชิญชวนให้คนอยากจะคลิกกดเข้ามาดูข้อมูลด้วย

Header – หมายถึงชื่อหัวข้อแต่ละอย่างในหน้าของเรา ซึ่งก็จะรวมถึง คุณสมบัติต่างๆ วิธีการใช้ ข้อมูลอื่น และ คําถามที่ควรถามประจำ แน่นอนนะครับต้องมีคำค้นหาเราอยู่ในชื่อ Header ของเราด้วย จะเขียนว่าคุณสมบัติธรรมดาไม่ได้นะ ต้องเขียนว่าคุณสมบัติของนาฬิกาสำหรับเด็ก

Image – ส่วนนี้มี 2 อย่าง ภาพใส่ได้แต่อย่าให้ขนาดไฟล์ใหญ่เกิน ห้ามเกิน 100 KB เด็ดขาด เพราะคนจะโหลดในมือถือช้า ซึ่งเราจะทำให้เราจัดอันดับได้ยาก นอกจากนั้นแล้วก็อย่าลืม Image Tag ที่ต้องมีคำค้นหาของเราเช่นเดียวกัน

ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือถึงแม้ว่าเราจะทำมาทุกอย่างที่ผมบอกหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรจะรับประกันว่าเราจะจัดอันดับได้ครับ ในส่วนเนื้อผมก็จะมีอีก 2 เรื่องที่ผมอยากจะให้ทุกคนรู้

ข้อแนะนำอื่นๆ สำหรับ SEO ขายของออนไลน์

  1. คู่แข่งเจ้าใหญ่ต่างๆ หากเราขายของ เราก็อาจจะต้องจัดอันดับแข่งกับ Shopee Lazada บางทีก็ Home Pro Central ในส่วนนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเว็บไซต์เหล่านี้เป็นเจ้าใหญ่ ทำ SEO เก่งมาก แต่จริงๆแล้ว วิธีที่เราจะชนะเว็บไซต์เหล่านี้ได้ ก็คือเราต้องเป็นเว็บไซต์ที่เฉพาะทาง

ข้อนี้เป็นทริกที่ผมใช้บ่อยๆ คือต่อให้เรามีคู่แข่งเป็นเว็บใหญ่อย่าง Kapook อะไรพวกนี้ แต่หากทั้งเว็บไซต์ของคุณทำเนื้อหาเกี่ยวกับแค่เรื่องของนาฬิกา สมมุติว่าทั้งเว็บเราและเว็บ Kapook ทำ SEO ทุกอย่างมาเพอร์เฟคเหมือนกันหมดเลย ต่างกันแค่อย่างเดียวก็คือ Kapook เป็นแบบใหญ่กว่ามี Backlink มหาศาล แต่โดยรวมแล้ว Google จะชอบดันเว็บไซต์เฉพาะทางมากกว่าเว็บไซต์ที่เปิดกว้างอย่างนี้นะครับ 

ซึ่งก็จะมีข้อแม้บางอย่างครับ ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่เกี่ยวกับเรื่องการเงินเรื่องสุขภาพ Google ก็อาจจะดันเว็บไซต์ที่เป็นทางการมากกว่า (เรียกว่า YMYL-EAT) แต่โดยรวมแล้ว เว็บใหญ่หลายเว็บกลัวพวกเว็บเล็กๆเฉพาะทางมาก

แต่ก็ไม่ได้แปลว่าถ้าคุณทำเว็บวันนี้ เปิดเว็บเล็กๆเฉพาะทางเกี่ยวกับเรื่องนาฬิกา แล้วคุณจะจัดอันดับแซง Lazada Shopee Kapook อะไรพวกนี้ได้ทันทีเลยใช่ไหมครับ ในส่วนนี้ก็จะกลับมาเรื่องเดิมๆครับ ว่าเราจะทำยังไงให้ Google เห็นว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกลุ่ม 

  1. ซึ่งโดยรวมแล้วก็กลายเป็นว่าเราก็ต้องทำบทความให้ความรู้คนควบคู่ไปด้วย บทความให้ความรู้จะชอบมีคนลิงค์กลับมา เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เขียนบทความสอนคนเลือกนาฬิกา สอนคนซ่อมนาฬิกา สอนคนดูแลนาฬิกา สอนคนเปลี่ยนสายนาฬิกา Google เขาก็จะเห็นว่า เว็บไซต์เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนาฬิกาจริงๆ เพิ่มได้ทั้ง backlink internal link ในทีเดียวเลย

ซึ่งวิธีนี้จะทำให้หลายๆเว็บไซด์ของผมที่เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กมากกว่า แต่ก็สามารถจัดอันดับได้ดีกว่าเว็บไซต์เจ้าใหญ่ๆได้ 

ผมเข้าใจครับคือ เราอยากจะขายของออนไลน์ เราอยากจะจัดอันดับสินค้าเราบนหน้า Google  ทำไมเราต้องมานั่งเขียนบทความให้ความรู้คนด้วย…ในส่วนนี้เป็นทริกส่วนตัวของผมนะครับ แต่โดยรวมแล้ว ถ้าคุณมองว่าคู่แข่งคุณไม่ได้เยอะมาก คุณก็ไม่ต้องทำก็ได้ ถึงแม้ว่า SEO อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆคน แต่บอกตามตรงครับคนในประเทศไทย ธุรกิจในประเทศไทยส่วนมากไม่ค่อยสนใจส่วนนี้ขึ้นเท่าไหร่

หากเทียบกับต่างประเทศ หรือคำค้นหาภาษาอังกฤษ จากประสบการณ์ของผมคำค้นหาภาษาไทยจัดอันดับได้ง่ายกว่ามาก คู่แข่งน้อย

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด