Social Media Trends 2022: เทรนด์โซเชียลที่เราต้องรู้

Social Media Trends 2022: เทรนด์โซเชียลที่เราต้องรู้

ภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ในเรื่องของออนไลน์ แต่โลกของเราก็เปลี่ยนกันไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไวรัส การล็อคดาว เทรนด์ออนไลน์ต่างๆที่เปลี่ยนไป ในวันนี้เรามาสรุปกันอีกรอบว่าณปัจจุบันการทำ Social Media ในไทยเนี่ยถูกกระทบอย่างไรบ้าง และมีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

Social Media Trends 2022: เทรนด์โซเชียลที่เราต้องรู้

#1 Facebook

หัวข้อแรกที่ต้องมีการพูดถึงก็คือ Facebook  เมื่อประมาณหลายปีที่ผ่านมา Facebook เค้าประกาศไว้ว่าจะลดการเข้าถึงของเพจธุรกิจแล้วก็แบรนด์ต่างๆเพื่อให้เราสามารถเห็นเนื้อหาของเพื่อนและครอบครัวเราได้ ซึ่งในส่วนนี้ผมก็ได้อธิบายไว้ในหลายวีดีโอแล้ว 

ปัญหาก็คือ Facebook รายได้ของตัวเองโตน้อยเกินไป จนผู้ถือหุ้นเริ่มไม่พอใจ พอบวกกับการที่เริ่มมีคู่แข่งเจ้าอื่นๆเข้ามา ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาพูดกันอีกทีในหัวข้อต่อไป  ผมคิดว่าในอีกไม่กี่ปีที่กำลังจะมาถึง  Facebook ต้องกลับคำของตัวเองและหันมาดันให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นเหมือนเดิม

ในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้งานหลักหลายพันล้านคน ตอนนี้ Facebook กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากมากๆ เพราะผู้ใช้งานไม่ต้องการเห็นโฆษณา แต่ถ้าไม่เห็นโฆษณาก็ไม่สามารถสร้างรายได้ได้ 

แถมยังมีปัญหาเพิ่มอีก 2 ระดับคือมีคู่แข่งที่จะพร้อมแย่งผู้ใช้งานไป หรือจะให้กลับมาใช้เทคนิคเดิมก็คือแสดงโฆษณาให้กับคนที่อยากดู ก็เริ่มทำได้ยากมากขึ้น เพราะมีกฎหมายหลายๆประเทศรวมถึงเรื่องของการป้องกันข้อมูลผู้ใช้งานของ Apple  ที่ทำให้การปรับตัวนี้ทำได้ยากมากขึ้น

ก็โฆษณาเนี่ยยังไงก็ต้องมีมากขึ้นอยู่แล้วเพราะว่ารายได้เขาน้อยไป แต่การที่ไม่สามารถปรับแต่งโฆษณาให้เหมาะกับผู้ใช้งานได้ เราก็ต้องมาดูกันว่า Facebook จะสามารถพัฒนานวัตกรรมทางด้านการแสดงโฆษณาที่ดีกว่าเดิมหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเสียลูกค้าไปเยอะ

#2 Influencer

ก่อนที่จะพูดเรื่องข้อนี้ ผมต้องขอเดินทุกคนมาพูดเรื่องของการ ‘ลดการเข้าถึง’ ก่อน  เป็นคำศัพท์ที่คิดว่าหลายคนในปีนี้เนี่ยน่าจะคุ้นชินกันละ

การลดการเข้าถึงก็คือ การที่โซเชียลมีเดียมีผู้ใช้งานในปริมาณหนึ่ง แต่ว่ามีคนทำ Content เยอะเกินไป สุดท้ายคนหนึ่งคนก็ไม่สามารถเสพ Content ของทุกอย่างได้ โซเชียลมีเดียก็เลยต้องเลือกว่าจะแสดง Content แนวไหนให้คนดูเห็น ยิ่งมีคนทำ Content เยอะ โดยเฉลี่ยแล้วการเข้าถึงของเพจแต่ละเพจก็จะน้อยลง 

ในมุมมองนี้ influencer ในโลก Social Media ในโลกออนไลน์ ก็จะมีเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นี้ในฐานะธุรกิจหรือแบรนด์เราจะแก้ปัญหานี้ยังไง 

คำตอบง่ายครับก็คือถ้าเราไม่สามารถแก้ได้ เราก็ต้องใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด ก็เลยกลายเป็นเรื่องของการทำ Influencer Marketing  แทนที่เราจะทำ Content เอง เราก็ไปพึ่งพาอาศัย influencer จะเป็นเจ้าเล็กก็ตามหรือว่าเจ้าใหญ่ก็ตาม 

ในวิกฤตก็ยังมีโอกาสใช่ไหมครับเพราะว่าเช่นเดียวกันกับธุรกิจ  influencer ตอนนี้ก็คือมีเยอะแยะเต็มไปหมดเลย เชิงทฤษฎีของเศรษฐศาสตร์ทั่วไปก็บอกว่ายิ่ง influencer มีเยอะ เรทการจ้างงานมันก็จะน้อยลงเรื่อยๆเพราะว่ามันจะมีการแข่งขัน 

เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว ในปัญหาที่ว่าเพจของเรามีการเข้าถึงน้อยลง ก็กลายเป็นโอกาสที่เราสามารถจ้าง influencer จ้าง KOL ในเรทที่ต่ำลงได้ เพราะว่าตลาดของ influencer มีความนิยมมากขึ้นมีการแข่งขันมากขึ้น 

แล้วหัวข้อนี้ผมไม่อยากให้ทุกคนไปโยงเรื่องของการเอาเปรียบอินฟลูเอนเซอร์หรือว่า KOL เจ้าเล็กๆนะครับ ว่าเราให้เรทต่ำไปจะเป็นการเอาเปรียบหรือเปล่า จริงๆแล้วผมไม่ได้คิดว่า Influencer ทุกคนจะเหมาะกับการขาย Content ทุกรูปแบบ ในส่วนนี้อินฟลูเอนเซอร์ก็ต้องเลือกลูกค้า และลูกค้าก็ต้องเลือก influencer ด้วย ก็เอาให้มันเหมาะสมตามกลไกธุรกิจแล้วกันนะครับ 

#3 วิดีโอสั้น

ในหัวข้อแรกผมได้พูดไปแล้วว่า Facebook กำลังมีปัญหาเรื่องของรายได้ แต่ว่าหนึ่งอย่างที่ Facebook สามารถทำได้ดีก็คือเรื่องของรูปแบบสื่อ ที่เขาสามารถปรับให้ทันเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น มาในตอนนี้ผู้ใช้งานของ Facebook ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ ไม่ได้โดนคู่แข่งแย่งไปได้ง่ายๆ

ซึ่งสิ่งที่ Facebook ได้ทำการปรับก็คือวีดีโอสั้นแนวตั้ง เป็นวีดีโอแนวเดียวกันกับของติ๊กต๊อก ช่องทางอื่นๆไม่ว่าจะเป็น YouTube ที่ทำเป็น YouTube Shorts หรือ Instagram Reels ก็ทำมาเหมือนกันหมด

ตอนแรกผมมองว่ามันขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มนะครับว่าช่องทางไหนเหมาะสำหรับวีดีโอแนวนี้ ปกติแล้วผู้ใช้งานบน Tiktok ก็จะชอบวิดีโอนี้มากกว่า 

แต่พอศึกษาลึกลงไปอีกทีนึง ไม่ได้เกี่ยวกับช่องทางขนาดนั้น มันขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานมากกว่าว่าคนที่มาติดตามเราเนี่ยเขาชอบวีดีโอแนวนี้หรือเปล่า ซึ่งพบช่องทาง Facebook YouTube หรือว่า Instagram เขามีผู้ใช้งานเยอะหลักร้อยล้านพันล้านคน ก็เลยไม่สามารถพูดเหมารวมได้ว่าทุกคนจะชอบวีดีโอแนวนี้

แต่โดยรวมแล้วก็จะเป็นผู้ใช้งานที่อายุน้อยลงมาหน่อยกลุ่มวัยรุ่นเพิ่งเริ่มต้นทำงานนะครับที่จะเหมาะสมกับการทำวีดีโอสั้น ก็แนะนำให้ทุกคนไปทดสอบใช้ดูแล้วกัน

#4 Social Commerce สู้กับ Ecommerce

หัวข้อนี้ก็คือเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางการขายของออนไลน์ หลายๆคนจะเรียกสิ่งนี้ว่าการทำ Social commerce 

 ก็ตอนนี้การขายของออนไลน์ในไทยก็จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบใช่ไหมครับ เนื่องจากว่าคนไทยไม่ค่อยมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เวลาเราอยากจะขายเราก็ต้องใช้ช่องทางอย่าง shopee Lazada ที่เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์หรือที่คนเรียกกันว่า marketplace 

แต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว คนไทยเราเนี่ยก็ถนัดใช้ช่องทาง Social Media ด้านการขายของออนไลน์เหมือนกัน สมัยก่อนก็คือแค่โพสต์รูปยิงแอด เราให้คนทักเข้ามาเพื่อปิดการขาย แต่ว่าสมัยนี้ก็จะมีเรื่องของการไลฟ์สดเพื่อขายของออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งอย่างใน Instagram หรือว่าติ๊กตอก เขาก็เริ่มมีฟีเจอร์ที่ทำให้ร้านค้าต่างๆสามารถขายของออนไลน์ได้โดยตรง หมายถึงว่าแบบมีระบบให้คนชำระเงินได้เลย เรียกว่าจะเป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์จริงๆแล้ว 

ในขณะเดียวกันเว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสต่างๆ ก็เริ่มมีการผสมการไลฟ์สด บอกให้คนไปดูไลฟ์เพื่อเอาโค้ดส่วนลด ก็คือ Social น่าจะมีความขายของออนไลน์มากขึ้น และเว็บไซต์ขายของออนไลน์ก็จะมีความเป็นโซเชียลมากขึ้น

สุดท้ายเกี่ยวกับเทรนด์โซเชียล

ตอนนี้เทรนด์กำลังพัฒนาตัวเองอยู่นะครับ เรายังไม่สามารถเหมารวมได้ขนาดนั้นว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี แต่ว่าสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อเป็นผู้นำเทรนก็คือการทดสอบ ถ้าเกิด Social Media อันไหนพยายามดันฟิวเจอร์ขายของขึ้นมา ก็อยากจะแนะนำให้เราทดลองดูก่อน เวลาที่เทรนมาแรง มาเร็ว เราจะได้เป็นเจ้าแรกที่อยู่เหนือเทรนด์นี้

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด