รวมคำศัพท์วงการ Tech Startup ที่คุณต้องรู้

รวมคำศัพท์วงการ Tech Startup ที่คุณต้องรู้

เนื่องจากว่าบริษัท Startup ในไทยอย่าง Flash Express หรือ BitKub สามารถสร้างชื่อเสียงและระดมทุนได้เยอะ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทภายในไม่กี่

ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้ Tech Startup ในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น บทความนี้ผมจึงอยากนำคำศัพท์และความรู้ต่างๆในวงการทราบมาเรียบเรียงให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น หวังว่าจะทำให้ทุกคนสนใจในวงการ Startupมากขึ้นครับ

รวมคำศัพท์วงการ Tech Startup ที่คุณต้องรู้

บทความนี้ผมจะแบ่งออกมาเป็นคำศัพท์ที่ใช้ในการทำงานต่างๆหรือใช้แทนกิจกรรมต่างๆของ Startup เป้าหมายก็คืออยากให้ทุกคนเห็นภาพรวม และเข้าใจว่ากิจกรรมต่างๆนั้นทำไปเพื่ออะไรนะครับ

คำศัพท์ทางด้านหมวดการทำงานแบบ Agile

คำศัพท์ในหมวดนี้จะรวมถึงวิธีการทำงาน และ วิธีการแบ่งงาน หลักการทำงานแบบ Agile ถือว่าเป็นระบบที่พัฒนามาจากการบริหารโครงการทั่วไป (Project Management) ซึ่งเราก็จะได้กลิ่นอายของการทำงานและการแบ่งงานแบบโรงงานหรือการรับเหมาก่อสร้างมาเยอะ 

Agile – Agile คือหลักการทำงานที่แปลได้ว่า ‘ง่าย และ เร็ว’ เหมาะสำหรับการพัฒนากระบวนการ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถต่อยอดได้ง่าย (อย่างโปรแกรมซอฟต์แวร์) เป้าหมายของ Agile ก็คือการแบ่งกระบวนการทำงานขนาดใหญ่ให้ออกมาแบบกิจกรรมขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถวัดผลและพัฒนาได้ง่ายมากขึ้นในระยะสั้น 

Scrum – Scrum หมายถึงแนวคิดการแบ่งงานออกมาเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาซับซ้อน อย่างการพัฒนาซอฟต์แวร์ ให้อยู่ในระบบที่คนสามารถทำงานร่วมกันได้และสามารถทำงานได้เป็นระเบียบ เช่นผ่านการประชุม ผ่านเครื่องมือต่างๆ และผ่านการกระจายงานอย่างเป็นระบบ 

Scrum Team – หมายถึงการทำทีมที่จะปฏิบัติตามวิธีแบบ Scrum ในรูปแบบการพัฒนาซอฟต์แวร์ก็คือการที่มีทีมอย่างโปรแกรมเมอร์ และ นักควบคุมคุณภาพ (QA) Scrum Team สามารถเป็นทีมเล็กๆอย่าง โปรแกรมเมอร์สามคน QA 1 คน หรือทีมใหญ่ๆมีจำนวณหลัก 8-10 คนได้ 

Sprint – คือการแตกกิจกรรมและงานของ Scrum ให้อยู่ในรูปแบบ 2 อาทิตย์ เพื่อให้สามารถวางแผนการทำงานและวัดผลงานได้ง่ายมากขึ้น ภายในหนึ่ง Sprint อาจจะมีกิจกรรมหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละกิจกรรม และ ขึ้นอยู่กับจำนวณคนใน Scrum Team

Stories – หมายถึงกิจกรรมใน Sprint ที่อยากจะให้ Scrum Team ทำให้บรรลุผล Stories ที่ดีต้องรวมถึง ปัญหาที่ต้องการแก้ (Story Problem) ผลลัพธ์ที่ต้องการ (MVP) ข้อจำกัด (Limitation) 

Sprint Planning – คือกิจกรรมวางแผนการทำงานแต่ละ Sprint หมายถึงการที่ทุกคนในลิ้นต้องมาประชุมร่วมกัน เพื่อวางแผนการทำงานในอีก 1-2 อาทิตย์ข้างหน้า เพื่อดูว่ากิจกรรมไหนสามารถทำให้เสร็จได้ เรียงอันดับตามความความสำคัญจาก Dev Manager, Product Manager, หรือ Project manager

ยกตัวอย่างเช่น Scrum Team 5 คน ทำงาน 1 Sprint เป็นเวลา 2 อาทิตย์ คิดเป็นเวลาทำงานรวมกัน 80 ชั่วโมงต่อ Sprint ซึ่งภายใน 1 Sprint ก็อาจจะมีเป้าหมายเป็นการทำฟีเจอร์ต่างๆ หรือแก้ไขโปรแกรมต่างๆให้เสร็จให้ได้ (หมายเหตุ บางทีมและบางบริษัทก็ทำงาน Sprint ละ 1 อาทิตย์ครับ แต่งานจะหนักมากๆ)

MVP (Minimum Viable Product) – แปลว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ขั้นต่ำ หมายถึงการตั้งเป้าหมายว่าแต่ละกิจกรรมใน Sprint มีเป้าหมายหลักคืออะไร ด้วยเวลาและทีมงานที่จำกัด จะสามารถผลิตผลงานอะไรออกมาได้บ้าง เราจะเรียกว่าเป็นการตั้ง Requirement ที่ชัดเจนมากขึ้นก็ได้

คำศัพท์ทางด้านหมวดการเงินและการระดมทุน

Angel Investor – หมายถึงนักลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบัน ส่วนมากจะเป็นนักลงทุนที่มีกระบวนการตัดสินใจเรียบง่ายมากกว่า (คุยกับไม่กี่คนก็รู้ผลแล้ว) แต่ก็มักจะมีเงินลงทุนน้อยกว่า Angel Investor ส่วนมากคือเศรษฐีหรือเจ้าของบริษัทที่อยากจะลงทุนบริษัทมีความเสี่ยงสูง ตามความชอบหรือความถนัดของตัวเอง  

VC (Venture Capital) – หมายถึงบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อลงทุนในบริษัทเปิดใหม่หรือ Startup บริษัท Venture Capital แต่ละที่มีความถนัดไม่เหมือนกัน และ ก็มีเงินลงทุน (Fund Size) ไม่เหมือนกันด้วย บางที่ก็เลือกที่จะลงทุนบริษัทเปิดใหม่เลย บางที่ก็ชอบบริษัทที่เปิดมาซักพักแล้ว ส่วนมากบริษัทเหล่านี้ต้องบริหารเงินลงทุนจากนักลงทุนอื่นๆหลายคนรวมกันอีกที

สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจก็คือ เราไม่ควรมองนักลงทุนว่าเป็น ‘คนให้เงินอย่างเดียว’ เพราะเนื่องจากว่านักลงทุนเหล่านี้ต้องมีหุ้นในบริษัทเรา แปลว่าคนเหล่านี้จะมีอำนาจในการตัดสินใจด้วย 

เราควรที่จะเลือกนักลงทุนที่เข้าใจในธุรกิจของเรา และที่สำคัญกว่าก็คือสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจเราได้นอกเหนือจากเงินด้วย (เช่น แนะนำลูกค้าได้ หรือ มีช่องทางที่สามารถช่วยเหลือธุรกิจได้)

Valuation – หมายถึงการประเมินมูลค่าของบริษัทออกมา โดยรวมแล้วก็คือการวัดว่านักลงทุนอยากจะซื้อหุ้นของบริษัทในปริมาณเท่าไรเทียบกับหุ้นกี่เปอร์เซ็น แต่ส่วนมากนักลงทุนก็จะตัดสินใจจากจำนวนผู้ใช้งาน รายได้ของบริษัท หรือทรัพย์สินต่างๆที่สามารถนำมาทำเป็นกำไรได้ 

Unicorn – หมายถึงบริษัท Startup ที่มีมูลค่าเกิน 1000 ล้าน US Dollar (30,000 ล้านบาท) สาเหตุที่เรียกว่ายูนิคอร์นก็เพราะว่าบริษัทเหล่านี้มีอยู่น้อยมาก เหมือนสัตว์ในตำนานที่แทบจะไม่มีอยู่จริง เพราะจริงๆแล้ว Startup ส่วนมากไม่ค่อยประสบความสำเร็จ 

Seed Funding – หมายถึงเงินลงทุนเริ่มต้น ส่วนมากก็คือเงินลงทุนเริ่มต้นที่นักลงทุนจะต้องให้บริษัทเพื่อที่จะให้บริษัทสามารถประกอบการไปได้ 1-2 ปี เนื่องจากว่าบริษัทที่ต้องการ Seed Funding มักจะเป็นบริษัทเปิดใหม่ที่ยังไม่ได้มีฐานลูกค้าหรือสินค้าที่ทำกำไรได้อยู่แล้ว ทำให้ส่วนนี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง (ต้องขายหุ้นให้กับนักลงทุนเยอะหน่อยถึงจะได้เงินระดมทุน)

Series A – หมายถึงกันระดมทุนรอบแรกหลังจากการทำ Seed Funding  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีกฎตายตัวว่า Startup ต้องรีบระดมทุนเร็วแค่ไหน แต่โดยรวมแล้ว บริษัทควรจะมีผลิตภัณฑ์หรือกลุ่มลูกค้าในใจว่าในระดับหนึ่ง (และพิสูจน์แล้วว่ามีผู้ใช้งานและอยากซื้อสินค้า) ก่อนที่จะรีบระดมทุน

ในอเมริกา จะแบ่ง Seed Funding หรือ Series A Series B ตาม ‘ขนาดการลงทุน’ เช่น 3-5 ล้านเหรียญ อาจจะเป็น Seed Funding 5-15 ล้าน อาจจะเป็น Series A อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของบริษัทและประเทศด้วย 

สุดท้ายนี้เกี่ยวกับอนาคต Startup ในประเทศไทย 

สุดท้ายนี้ผมก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับด้านของการทำ Startup นะครับ ผมคิดว่าหลังจากที่ Flash Express และ Bitkub สามารถสร้างผลงานที่ดีออกมาได้แล้ว น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนในประเทศไทยอาจจะเริ่มเปิดใจลงทุนกับ Startup มาก 

นอกจากนั้นแล้วคิดว่าเด็กรุ่นใหม่หลายๆคนอาจจะเริ่มมีกำลังใจทำธุรกิจแนวนี้มากขึ้นด้วย สุดท้ายแล้วอยากจะให้ทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่ และสามารถศึกษาข้อมูลความรู้ธุรกิจจากในเว็บไซต์ของผมได้

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด