ทำไมแบรนด์ Supreme ถึงแพง? ตอบคำถามในเชิงธุรกิจ

ทำไมแบรนด์ Supreme ถึงแพง? ตอบคำถามในเชิงธุรกิจ

แบรนด์Supreme ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่นิยมของเหล่าซุปตาร์ คนดัง ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ หมวก รองเท้า เป็นต้น ผลิตภัณฑ์มีความสะดุดตาด้วยสีแดงสดใส มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ มีความพรีเมี่ยมและมีจำนวนจำกัด ถือเป็นสินค้าที่มีราคาสูงลิบลิ่วและหาซื้อยาก สินค้าเป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก

ทำความรู้จักกับBrand Supreme

เป็นสินค้าแนวสตรีทแบรนด์ ที่ถือกำเนิดขึ้นในนิวยอร์คมากว่า 20ปี โดยผู้ก่อตั้งชาวอังกฤษชื่อว่า Jame Jebbia ด้วยความที่เขามีความสนิทสนมกับนักสเก็ตบอร์ด จึงเกิดไอเดียที่จะทำเสื้อผ้าสำหรับนักสเก็ตบอร์ด 

เนื่องจากขณะนั้นในอเมริกายังไม่มีแบรนด์ที่มีดีไซน์สำหรับนักสเก็ตบอร์ดเหมือนฝั่งอังกฤษ เขาจึงสร้างแบรนด์ Supreme ขึ้นมาเพื่อเอาใจนักสเก็ตบอร์ด โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตในช่วงแรกเป็นเสื้อผ้าของนักสเก็ตบอร์ด ซึ่งเนื้อผ้ามีคุณภาพดี เรียบง่าย มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ราคาไม่แพง

การออกแบบสินค้าของ Supreme ไม่ทำตามกระแสและเน้น Street Culture เป็นหลัก สินค้าSupreme ได้รับความนิยมโดยเริ่มจากในนิวยอร์ค ไปยังเมืองใหญ๋ๆในอเมริกา ได้แก่ ลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก และขยายฐานลูกค้าไปยังเมืองใหญ่ๆในยุโรปและเอเชีย ได้แก่ ลอนดอน ปารีส และ โตเกียว

ซึ่่งในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์กันสามมุมมองว่าทำไม Brand Supreme ถึงได้แพงมากขึ้นเรื่อยๆ

Brand Supreme แพงเพราะหายาก

Brand Supreme มีราคาแพง หาซื้อได้ยาก มีการเปิดคอลเลคชั่นใหม่ปีละ 2 ครั้ง คือช่วงSpring/Summer และ Fall/Winter คอลเลคชั่นพิเศษมีออกมาทุกวันพฤหัสและขายผ่านระบบออนไลน์ในวันพฤหัสของสัปดาห์ถัดไป โดยประกาศทางWebsite และสื่อโซเชียลได้แก่ Facebook และInstagram ทุกคืนวันพุธ เพื่อไม่ให้ลูกค้าของ Supreme มารอเข้าคิวหน้าร้านเป็นเวลาหลายวัน

ความยากและท้าทายที่จะได้สินค้าคอลเลคชั่นใหม่ของSupreme คือการมารอต่อคิวหน้าร้าน ลูกค้าผู้โชคดีจะได้เข้าไปซื้อของในร้านก่อนที่ของจะหมด

การซื้อทางออนไลน์เช่นกันลูกค้าต้องมีความไวในการกดและขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเตอร์เนตที่ใช้ เพื่อให้ได้ซื้อสินค้าของSupreme ในราคาป้าย ปัจจุบันสาวกของSupreme มีการพัฒนา Bot (เป็นโปรแกรมอัตโนมัติสำหรับทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งบนอินเตอร์เนต ย่อมาจากคำว่า Robot) ซึ่งเป็นโปรแกรมสั่งซื้อบน online shop ที่ใช้อินเตอร์เนตความเร็วสูง

ซึ่งส่วนใหญ่เลือกใช้ Browser ของ Google Chrome มากที่สุด เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาในการcheckout เวลาซื้อสินค้าได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามวิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ค่อยยุติธรรมกับคนซื้อที่ไม่ได้ใช้วิธีนี้ ถ้าทางเว็บไซต์ของทางSupremeจับได้ ก็จะระงับการสั่งซื้อทันที

จากการที่สินค้า Brand Supreme มีจำนวนจำกัดและหายาก การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และไม่ตามกระแส ทำให้สินค้าที่ออกมาในแต่ละคอลเลคชั่นขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยความต้องการของคนทั่วโลกมีสูง คนที่ซื้อไปในราคาป้ายจะนำออกมาขายต่อในราคาแพงมาก 

Supreme หายากเพราะบริษัทผลิตน้อย

Supreme ผลิตสินค้าออกมาในจำนวนที่จำกัดในแต่ละคอลเลคชัน เพื่อไม่ให้สินค้าถูกวางทิ้งไว้ใน shop โดยไม่มีผู้ต้องการซื้อ จนต้องนำมาลดราคาเหมือนกับ shop อื่นๆก่อนที่จะออกคอลเลคชั่นใหม่ ซึ่งเป็นเทคนิคทางการตลาดที่สอดคล้องกับหลักการที่เรียกว่า Scarcity Effect หรือการตัดสินใจในยามที่ขาดแคลน

‘ความหายาก’ จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ อยากได้สินค้านั้นมาครอบครอง เพราะเป็นรุ่น limited edition มีความพยายามและการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งการครอบครองสินค้านั้น ทำให้ผู้ที่ซื้อได้มีความรู้สึกถึงการมีอภิสิทธิ์เหนือคนหมู่มาก เกิดความคิดที่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้มาซึ่งสินค้านั้นๆ

และการที่สินค้ามีจำกัดทำให้เกิดความคิดที่ว่าสินค้านั้นต้องเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกิดจากการจำกัดด้วยปริมาณสินค้าและเวลา ยิ่งทาง Supreme ไปร่วมมือกับแบรนด์ดังๆในการออกสินค้าที่เป็น limited edition ยิ่งทำให้สินค้ามีราคาสูงมากขึ้น

บางคนซื้อมาแล้วก็นำมาปล่อยในราคาแพง (Resell)

การที่สินค้าของ Supreme ผลิตออกมาในจำนวนที่จำกัด ทำให้โอกาสการเป็นเจ้าของ Supreme ในแต่ละseason เป็นเรื่องยาก ทั้งช่องทางการจัดจำหน่ายก็มีเพียง 11 สาขาทั่วโลกอีกทั้งช่องทางออนไลน์ที่สินค้าจะถูกซื้อหมดอย่างรวดเร็วจากผู้ใช้อินเตอร์เนตความเร็วสูง จึงทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าสินค้าSupreme มีราคาป้ายแพง

ตัวอย่างเช่น เสื้อยืดของ Supreme มีราคาป้ายหน้าร้านเพียง 39 ดอลล่าร์สหรัฐ เสื้อกันหนาวมีราคาป้าย 139 ดอลล่าร์สหรัฐ การที่สินค้ามีปริมาณจำกัดและน้อยกว่าความต้องการซื้อของผู้บริโภคที่สูงมาก ทำให้สาวกของ Supreme ยอมจ่ายเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการครอบครองสินค้า และสามารถนำสินค้าไปขายต่อในราคาที่แพงกว่าเดิมมาก 

การนำกลยุทธทางการตลาดแบบ Supreme มาใช้ นักการตลาดควรพิจารณาพื้นฐานความเป็นจริง

เช่นกลยุทธการจำกัดจำนวนสินค้าที่ซื้อต่อคน ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าสินค้าเกิดการขาดแคลนและมีการกักตุนสินค้า หรือในฐานะที่เป็นผู้บริโภคก็ควรใช้วิจารณญาณในการตรวจสอบข้อมูลว่าสินค้าที่มีจำกัดซึ่งมีราคาสูงมีความขาดแคลนจริงหรือไม่ ดังนั้นการเข้าถึงข้อเท็จจริงโดยแท้จริงจะทำให้ผู้บริโภคไม่ติดกับดักของ Scarcity Effect ตามที่กล่าวมา

ที่มา (1,2,3,4,5)

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด