ในบทความนี้เราจะมาคุยกันโดยเฉพาะเรื่องของเทรนด์ออนไลน์ที่เราต้องจับตามอง ในปี 2022 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนด์ของตลาดที่ใกล้ตัวเราที่สุด ก็คือตลาดของประเทศไทยนั้นเอง
ข้อมูลที่ผมจะหยิบมาพูดในวันนี้มาจาก Hootsuite ซึ่งเขาก็เป็นผู้นำทางด้านการวิจัยตลาดออนไลน์จากต่างประเทศนะครับ ทุกปีนะครับบริษัทนี้เขาก็จะวิเคราะห์ภาพรวมออนไลน์ทั่วโลกมา ซึ่งก็จะเป็นที่จับตามองของนักการตลาดส่วนมากอยู่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งของข้อมูลที่เขาเก็บมาเนี่ยมันก็มีก้อนใหญ่ๆนะครับที่รวมตลาดของประเทศไทยด้วย
ข้อมูลจริงๆมีอยู่เยอะนะครับ ดูข้อมูลดิบได้ที่นี่ แต่สำหรับคนที่อยากได้ภาพรวมแบบสั้นๆได้ใจความ ซึ่งรวมถึงภาพรวมดิจิตอลในไทย การตลาดออนไลน์ที่กำลังถอย วิธีการทำ Social ยุคใหม่ ภาพรวมของการขายของออนไลน์ แล้วก็ออนไลน์ยุคใหม่ต่างๆอย่าง TIKTOK แล้วก็ CRYPTO
5 เทรนด์ออนไลน์ที่เราต้องรู้ในปี 2022 | ONLINE MARKETING TRENDS
#1 ภาพรวมประเทศไทย
เรามาเริ่มกันที่การดูตัวเลขภาพรวมประเทศไทยกันก่อน
ประชากรไทย 70 ล้านคน โตขึ้นปีละ 0.2% ต่อปี…นี่ไม่ได้เป็นเทรนด์ออนไลน์แต่เป็นเทรนด์สังคมที่คนไทยกำลังมีลูกน้อยลงและกำลังเข้าสู่ยุคของสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)
การเชื่อมต่ออุปกรณ์อินเทอร์เน็ต 95.6 ล้านเครื่องซึ่งเป็นการเติบโตที่ประมาณ 4% จากปีที่แล้วโดยเฉลี่ยแล้วคนไทย 1 คนจะมีอุปกรณ์อย่างน้อย 1.3 เครื่อง
ผู้ที่อยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต 54.5 ล้านคน ในไทย เช่นเดียวกันเป็นตัวเลขที่โตขึ้นน้อยมากๆ (0.2%) เพราะว่าทุกคนที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ก็เข้าถึงอินเทอร์เน็ตไปหมดแล้ว ขาดแค่ เด็กหรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ และ กลุ่มคนบางประเภทที่มีรายได้น้อยจนไม่สามารถเข้าถึงโลกอินเตอร์เน็ตได้
56.85 ล้านผู้ใช้งาน Social Media เป็นตัวเลขที่เติบโตมาจากปีที่แล้ว 3.4% ตัวเลขนี้เติบโตน้อยลงเรื่อยๆปีต่อปี เปรียบเทียบได้กับรายได้ของบริษัท Facebook ที่เติบโตช้าลงเรื่อย นั่นก็เพราะว่าคนไทยส่วนมากที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ก็คือเล่นโซเชียลมีเดียไปหมดแล้ว
#2 ออนไลน์ที่กำลังชะลอตัว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้ยินมาตลอดนะครับว่าออนไลน์เนี่ยโตเร็ว ใครไม่ทำก็คือไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่ช่วงปีนี้และปีที่แล้ว สิ่งที่เราได้ยินกลายเป็นว่า Online กำลังจะหยุดโต หรืออย่างน้อยก็คือโตช้าลง
ใน 10 ปีที่ผ่านมาจำนวนคนใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลก เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า แต่ว่าจากปีที่แล้วมาปีนี้ ตัวเลขและเพิ่มขึ้นแค่ 4% เท่านั้นเอง คือความเร็วในการเติบโตช้าลงเรื่อยๆ เพราะออนไลน์แทบจะครอบคลุมคนทั่วโลกไปแล้ว … มันไม่มีช่องว่างให้เติบโตแล้ว
มีการวิเคราะห์ไว้ว่าในประเทศไทย Internet Adoption หรือคนใช้อินเตอร์เน็ต ก็คือ 77.8% ก็คือที่ผมบอกไว้ในหัวข้อที่แล้วประมาณ 54-55 ล้านคนต่อประชากร 70 ล้านคน ซึ่งตัวเลขนี้มันเริ่มตันแล้วนะครับมันไปต่อไม่ได้แล้ว ยกเว้นว่าเราจะให้เด็กอายุ 0 ขวบ 1 ขวบเล่นอินเทอร์เน็ตด้วย มันก็แทบจะไม่ค่อยมีช่องว่าง
อีก 1 ตัวเลขที่น่าสนใจก็คือถ้าเราไม่ได้วัดกันที่แค่จำนวนคน แต่ถ้าเราวัดกันที่จำนวนเวลาให้เราใช้ไปกับในโลกออนไลน์ เราจะเห็นว่าคนไทยโดยเฉลี่ย อยู่บนออนไลน์ประมาณ 9 ชั่วโมง 6 นาทีต่อวัน ซึ่งจากในตัวเลขนี้ ประมาณ 5 ชั่วโมง 28 นาที ก็คือการเล่นมือถือ
#3 วิธีที่ดีกว่าในการโตโลกโซเชียล
มาถึงปีนี้ Social Network ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างเก่าแล้วนะ อาจจะมีแพลตฟอร์มใหม่ๆอย่าง TIKTOK แต่โดยรวมแล้วผู้ใช้งานส่วนมากก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเขาต้องการอะไรจากในโลกโซเชียล ซึ่งบริษัทหรือว่าคนทำโฆษณาแล้วก็ควรที่จะปรับตัวตามพฤติกรรมคนเหล่านี้
ประเทศไทยมีผู้ใช้งาน Social Media อยู่ 56 ล้าน users ผมเน้นคำว่า User หรือว่าผู้ใช้งาน เพราะว่าบางคนอาจเป็น 1 คนแต่ว่ามีบัญชี Facebook 2 อัน ถ้านับจากค่าจำนวนผู้ใช้งานเนี่ยคิดเป็นประมาณ 81.3% ของประชากร
ในหัวข้อที่แล้วผมบอกว่าคนไทยใช้เวลาในโลกออนไลน์วันละ 9 ชั่วโมงนะ แต่เวลาที่เราใช้ในโลกโซเชียลจริงๆอยู่แค่ประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าจะให้ละเอียดตามรายงานก็คือ 2 ชั่วโมง 59 นาที ต่อวัน โดยคนไทยส่วนมากจะมีช่องทางเล่นโซเชียลการประมาณ 7.6 ช่องทางต่อคน ก็คือไม่ได้มีแค่ Facebook แต่เล่น twitter instagram tiktok ด้วย
3 สาเหตุหลักที่คนเล่นโซเชียล ก็คือ การติดตามเพื่อนและครอบครัว การเล่นฆ่าเวลา และการตามข่าวต่างๆ
ส่วนนี้สำคัญมากๆนะครับสำหรับธุรกิจที่อยากจะทำเพจ Facebook ขายของ แปลว่า Content ที่เราต้องทำ ก็คือต้องมีคุณค่าทางด้านความสนุกถึงจะช่วยฆ่าเวลาให้กับคนติดตามได้ใช่ไหมครับ หรือไม่ก็ต้องมีความติดเทรนด์ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางด้านการตามข่าวสาร ให้กับผู้ติดตามเรา
แล้วก็มีคนไทยประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้ Social Media ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ
#4 ภาพรวมการขายของออนไลน์
ผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์ในประเทศไทยมีมากถึง 68% ที่ซื้อของออนไลน์อย่างน้อย 1 ชิ้นต่ออาทิตย์ ซึ่ง 35% หรือเกือบครึ่ง ซื้อผ่านโทรศัพท์มือถือ ตัวเลขนี้ถือว่ามาไกลมากเลยครับ จากในเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วที่คนอย่างไม่รู้จักเลยว่าออนไลน์เป็นยังไง
ในส่วนนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับช่องทางขายของออนไลน์ต่างๆ แล้วก็บริการเก็บเงินปลายทางด้วย เพราะที่ผ่านมาสาเหตุที่คนไม่ค่อยซื้อของออนไลน์เพราะว่าเข้าถึงได้ยาก และคนไทยส่วนมากก็ไม่ชอบใช้บัตรเครดิตในการซื้อของอยู่ดีๆ
เม็ดเงินเฉลี่ยที่คนไทยใช้ในการซื้อของออนไลน์ต่อปีอยู่ที่ 518 US Dollar ตีเป็นตัวเลขก็น่าจะประมาณ 15,520 บาท ต่อปี หรือจะเชื่อต่อเดือนก็ประมาณ 1,200-1,300 บาท
นอกจากนั้นแล้ว 45% ของประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยซื้อ grocery หรือที่เรียกว่าซื้อของเข้าบ้าน ผ่านระบบออนไลน์หนึ่งครั้งต่ออาทิตย์ ในส่วนนี้น่าจะรวมการซื้ออาหารด้วย และ 70.1% ซื้อ Content ดิจิตอลออนไลน์ทุกเดือน ตัวนี้ก็รวมถึงพวกคอร์สออนไลน์ต่างๆ แล้วก็สมาชิกอย่าง netflix
โดยรายงานเขาก็บอกนะครับว่า 3 สาเหตุหลัก ที่คนใช้ตัดสินใจในการซื้อของออนไลน์ ก็คือส่งของฟรี มีส่วนลดต่างๆ แล้วก็ได้รีวิวที่ดีๆจากลูกค้า
#5 เทรนด์ออนไลน์ที่กำลังจะมา
หัวข้อนี้จะรวมถึง Digital ออนไลน์ต่างๆที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึง tiktok และคลิปโต currency ตอนแรกผมคิดว่าจะแยกออกเป็นหลายส่วน แต่คิดไปคิดมาเอามารวมกันเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียวเลยดีกว่า
เริ่มที่ TikTok ผมบอกว่าในหลายถ่ายวีดีโอแล้วว่าติ๊กต๊อกเนี่ยมาแรงสุดแล้วในประเทศไทย 63% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเล่นติ๊กต๊อก นับได้ว่าเป็น 35 ล้านคน ซึ่งถ้าเราเทียบบรรทัดฐานว่า Facebook หรือว่า Line มีผู้ใช้งานประมาณ 50 ล้านในประเทศไทย ตัวเลขของติ๊กต่อกก็ยังโตได้อีก 50% เลยนะครับ
ส่วนเรื่องคลิปโตนั้น ผมบอกเลยว่าเป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจมาก แต่ก่อนที่จะไปพูดกันผมต้องให้ทุกคนเห็นภาพรวมก่อน จำนวนคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์การเงินออนไลน์ต่างๆในประเทศไทย มีอยู่ประมาณ 31% ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตนะครับ ซึ่งตัวเลขนี้ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกให้หน่อยที่ 28%
ซึ่งก็จะรวมถึง แอพธนาคาร แอพการลงทุย แล้วก็ประกันต่างๆ
แต่จุดที่ประเทศไทยทำได้เกินค่าเฉลี่ยมากๆนะครับ ก็คือจำนวนประชากรที่ถือคริปโต ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหมด ตัวเลขนี้ถือว่ามากกว่าตัวเลขเฉลี่ยของโลก 2 เท่านะครับ คนปกติในโลกนี้ โดยเฉลี่ยแล้วเล่นคลิปโตกันแค่ 10% ของประชากรทั้งหมด แต่ในประเทศไทยเล่นกับ 20%
ซึ่งผมไม่ใช่เพจการลงทุน ผมจะไม่ฟันธงให้ทุกคนนะครับว่ามันแปลว่าอะไรทุกคนต้องไปตีความกันเอง อาจจะแปลว่าศรัทธาในเงินบาทของเราน้อยลงหรือเปล่า ซึ่งจะทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอย หรืออาจจะแปลว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าเนี่ย จะมีเศรษฐีรุ่นใหม่อีกมหาศาล ที่ไม่ได้รวยมาจากการเล่นหุ้น ทำอสังหา หรือค้าขาย…