นักการตลาดมือใหม่อาจจะสงสัยว่าแบรนด์หนึ่งจำเป็นต้องอยู่บนทุกแพลตฟอร์มกันเชียวหรือ ทั้งการตลาด Twitter, Facebook, Instagram และ TikTok ขอบอกเลยว่าแล้วแต่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เลย
ซึ่งสามารถทำการวิจัยตลาดและกลุ่มลูกค้าให้แม่นยำก่อนจะลงไปในสนามก็ได้ โดยเหตุผลที่เราหยิบทวิตเตอร์มาแนะนำทุกคนในวันนี้ก็เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและอัตราการรีทวิตสูงถึง 6,000 ครั้งต่อวินาทีเลยทีเดียว นอกจากนี้จะมีเหตุผลอื่นใดบ้าง และเทคนิคในการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มนี้มีอะไรบ้าง เราจะพาคุณมาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน
ทำการตลาด Twitter ง่ายกว่าที่คิด เพราะแพลตฟอร์มอำนวยเต็มที่
ลักษณะของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มมีความใกล้ชิดอย่างเป็นธรรมชาติอยู่แล้วแม้ว่าจะไม่รู้จักกันมาก่อนการตลาด Twitter จึงขึ้นชื่อว่าตีสนิทกับลูกค้าได้ง่าย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่บนแพลตฟอร์มมักเป็นการแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการรีวิวสินค้า
ใครก็สามารถเข้ามาคอมเมนต์ได้อย่างอิสระ ใครชอบก็สามารถกด Fav และ Retweet ได้ รวมทั้งการ Reply ใต้ทวิตในรูปแบบของเธรด ทั้งหมดนี้จึงเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มที่แตกต่างจากที่อื่น นอกจากนี้พฤติกรรมผู้บริโภคยังมีความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่าง users ด้วยกันเองมากกว่าจากการสื่อสารของแบรนด์
เผย 7 เทคนิคลับทำการตลาด Twitter มัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด
เมื่อเข้าใจธรรมชาติและจุดเด่นของแพลตฟอร์มทวิตเตอร์กันแล้ว เราจะพาทุกท่านมาเรียนรู้กันต่อว่าทำการตลาด Twitter อย่างไรให้มัดใจกลุ่มลูกค้าได้อยู่หมัด หากพร้อมแล้วมาไขข้อสงสัยกันเลย
1. จัดการโปรไฟล์ให้เป็นที่จดจำตั้งแต่แรกเห็น
มากันที่เทคนิคข้อแรกเมื่อทำการตลาดทวิตเตอร์ ควรจะเริ่มต้นจากโปรไฟล์ของแบรนด์ จำเป็นต้องมีคำอธิบาย (ซึ่งจำกัดเพียง 160 ตัวอักษรเท่านั้น) ที่กระชับและบ่งบอกความเป็นตัวตน หากจะต้องยกตัวอย่างคงต้องเป็น “Wendy’s” แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดของอเมริกาที่มีไบโอ (Biographical Profile) ที่โดดเด่น : “We like our tweets the way we like our fries: hot, crispy, and better than anyone expects from a fast food restaurant.” “แบรนด์ของเราทวิตแบบเดียวกับเฟรนช์ฟรายที่เราขาย : ร้อนแรง กรุบกรอบและดีเกินใครในบรรดาร้านฟาสต์ฟู้ด” หรือแบรนด์ใครจะใช้อีโมจิด้วยก็ได้ ซึ่งสามารถแทนคำได้หลายคำเลยทีเดียว
2. ทำการตลาดแบบ ‘KOC’
สำหรับกลยุทธ์การตลาด Twitter ประเภทนี้จะสอดคล้องกับธรรมชาติของแพลตฟอร์มเพราะเป็นการป้ายยาจากเพื่อน โดย KOC : Key Opinion Customer คือผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้เป็นอินฟลูเอนเซอร์ แต่เป็นผู้ใช้สินค้าจริงและนำมารีวิว วิธีการนี้จะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมากกว่าเพราะกลุ่มลูกค้าต่างก็อยากอ่านรีวิวจริง
3. คอนเทนต์ต้องกระชับสะกดใจผู้ชมได้
บอกเลยว่าการสร้างคอนเทนต์บนทวิตเตอร์นั้นค่อนข้างมีข้อจำกัด เพราะพิมพ์ตัวอักษรได้ไม่เกิน 280 คำ/ทวิตครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากคิดไม่ออกขอแนะนำให้ไปท่องโลกของแบรนด์ระดับโลก อย่างเน็ตฟลิกซ์ก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะมักใช้คำเพียงไม่กี่คำ และใช้รูปภาพจากภาพยนตร์มาประกอบให้เกิดประโยชน์ ผู้ชมเข้าใจง่าย
4. การใช้คอนเทนต์ที่ชาวทวิตเตอร์สร้างเอง
บางคนอาจจะงงว่ามีวิธีนี้ด้วยหรอเพราะไม่ค่อยรู้จักกับแพลตฟอร์มสักเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าการตลาด Twitter แบบ ‘User-Generated Content’ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ผู้บริโภคจะเป็นผู้สร้างคอนเทนต์และกล่าวถึงแบรนด์ของคุณเอง เมื่อคุณสร้างพื้นที่รีวิวให้แก่พวกเขา เช่น การสร้างแฮชแท็ก # ซึ่งมีพลังในการสร้างกระแสให้แบรนด์มากกว่าที่คุณคิด ยกตัวอย่างวิธีที่น่าสนใจและได้ผลจริง เช่น Collab กับศิลปิน ดารา กลุ่มแฟนคลับมักจะผลักดันเทรนด์ทวิตเตอร์ให้ติดเทรนด์ เพราะอยากให้ศิลปินในดวงใจได้รับการกล่าวถึงและได้รับความนิยมนั่นเอง
5. คำสำคัญมีอิทธิพลต่อลูกค้า
เลือกคีย์เวิร์ดให้ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าผ่านการค้นหาวลีหรือคำที่คุณทำคอนเทนต์ลง หากคำเหล่านี้ตรงกับความต้องการจะช่วยให้ทวิตของคุณปรากฏตรงกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ด ครีมซองเซเว่น ครีมถูกและดี จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้ตรงโจทย์
6. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
เมื่อทวิตเตอร์ของแบรนด์มีผู้ติดตาม อย่าลืมสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาเด็ดขาด โดยนักการตลาดสามารถวิจัยความสนใจและความต้องการจากสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกดไลก์หรือรีทวิตได้ สำหรับวิธีที่เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งคือการทำโพลสำรวจความคิดเห็นเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่หรือปรับปรุงสิ่งที่มีให้ดีกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น KFC ว่าลูกค้าชอบ Side Dishes ไหนมากกว่ากัน และ Pandora สำรวจความคิดเห็นว่ากำไลข้อมือแบบไหนที่ใช่สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเขามากที่สุด
นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อีกด้วย หากสังเกตให้ดีในส่วนทวิตและการตอบกลับของแบรนด์ดัง ๆ จะมีการช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาทวิตถึง หรือไม่ได้ mention ถึงแต่ปรากฏบนฟีดแบบนี้ก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมหรือช่วยเหลือได้
7. เลือกนาทีทองในการลงคอนเทนต์
นอกจากความสม่ำเสมอในการสร้างคอนเทนต์แล้วยังต้องลงให้ถูกเวลาอีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ามีผู้มองเห็นจำนวนมาก โดยจากการสำรวจของ Wiselytics เผยว่าทวิตของคุณจะปรากฏเพียงแค่ 24 นาทีเท่านั้น การมีส่วนร่วมจะเกิดขึ้นกว่า 75% ในสามชั่วโมงแรก ดังนั้นคุณจึงต้องไล่ล่า ‘Prime Time’ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดควรโพสต์อย่างน้อยวันละครั้ง ช่วงเวลาที่แนะนำคือ ช่วงเช้า 8.00 – 10.00 น. และช่วงเย็นถึงค่ำ 18.00 – 21.00 น. ในวันธรรมดา ทั้งนี้สามารถปรับตามความเหมาะสมกับแบรนด์ของคุณได้เพราะไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันออกไป