ตั้งแต่ผมจบมหาลัยมา ผมก็ได้ลองทั้งการทำงานนอกบ้านและการเรียนปริญญาโทต่อ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่สามแล้วที่ผมได้เข้ามาช่วยกิจการที่บ้านแบบเต็มตัว ซึ่งทำให้ผมได้เห็นมุมมองใหม่ๆมากขึ้น
ผมคิดว่าประสบการณ์นี้น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมอยากลองเขียนมุมมองเชิงลึก ข้อดีข้อเสีย และวิธีต่อยอดธุรกิจที่บ้าน เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน
ช่วยกิจการที่บ้านเลยดีไหม
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต ก่อนที่จะเข้าไปช่วยกิจการที่บ้าน คุณต้องตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเอง และคำถามเกี่ยวกับที่บ้านคุณให้ได้ก่อน เช่นเหตุผลที่คุณอยากเข้าไปช่วย หรือทิศทางที่ทางบ้านอยากจะให้ไป
ผมเข้าใจว่าคนที่บ้านคือคนที่อยู่กับเรามายี่สิบสามสิบปี บางทีคุณอาจจะเกรงใจหรือบางทีคุณอาจจะเข้าใจไปเองว่าที่บ้านคิดแบบนี้ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือพยายามพูดคุยกับที่บ้านโดยตรงเพื่อจะหาคำตอบครับ
ให้ลองถามตัวเอง
- ทำไมคุณถึงอยากช่วยกิจการที่บ้าน คำตอบอาจจะอยู่ระหว่าง ‘เพราะพ่ออยากให้ทำ’ ไปถึง ‘เพราะอยากเป็นเจ้าของกิจการ’ มันไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุดหรือบางทีอาจจะมีหลายเหตุผลก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่คุยพยายามหาคำตอบพวกนี้เพื่อที่จะทำการตัดสินใจที่ดีที่สุด คุณอยากทำเพราะคุณชอบ หรือเพราะโดนบังคับ
- คุณสนิทกับที่บ้านแค่ไหน ครอบครัวที่ทำงานด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องรักกันตลอดเวลา แต่จำเป็นต้องตัดสินใจในเรื่องธุรกิจด้วยกันได้ หากคุณเห็นว่าคุณและที่บ้านไม่สามารถทำการตัดใจที่ดีร่วมกันได้ หรือคิดว่าในอนาคตอาจจะมีแตกแยกหรือแตกหักในครอบครัว ก็อาจจะต้องพิจารณาหน่อยครับ
- คุณโอเคกับการที่จะเป็น ‘ตัวหลัก’ แค่ไหน คุณจะดูพิเศษเสมอในครอบครัวของคุณ แต่คนนอก เช่น ลูกค้า พนักงาน หรือผู้ถือหุ้นอื่นๆ อาจจะไม่ได้มองคุณเช่นนั้นและอาจจะปฏิบัติต่อคุณไม่เหมือนปกติ ไม่ใช่ทุกคนที่จะโอเคกับการถูกปฏิบัติแบบพิเศษตอนทำธุรกิจที่บ้าน และปฏิบัตินี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแค่เวลางาน ช่องว่างระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวจะลดน้อยลงและคุณจะต้องหาวิธีที่อยู่กับสิ่งนี้ให้ได้
และให้ถามที่บ้าน
- คุณสามารถโตได้มากแค่ไหน คุณต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่าหน้าที่การงานของคุณจะโตไปทางไหน ให้คุณลองถามเจ้าของบริษัท (คุณพ่อ คุณแม่ หรือคนอื่นที่เป็นผู้บริหาร) ว่าพวกเขามีมุมมองอย่างไรในหน้าที่การงานของคุณในอนาคต ใครจะเป็นคนให้คำแนะนำหรือสอนงานคุณ และถ้าหากคุณทำงานได้ไม่ดีหรือไม่อยากทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะรู้ได้อย่างไงว่างานที่คุณทำดีแล้วหรือต้องพัฒนามากขึ้น
- คุณจะได้เป็นเจ้าของบริษัทไหม คุณต้องถามเรื่องอนาคตนะครับ ไม่ใช่แค่คิดเอาเอง หากบริษัทมีความคิดที่จะขยายเพิ่ม ใครจะเป็นผู้บริหารหลัก และถ้ามีจริงคุณจะต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานยังไง ยิ่งหากเป็นบริษัทที่เจ้าของอยากจะขายหุ้นหรือให้คนมาช่วยเพิ่มแล้วยิ่งต้องทำความเข้าใจมากขึ้น
- ทิศทางของบริษัทจะไปทางไหน เรื่องสุดท้าย ที่ต้องคิดก็คือภายในอีกสิบปียี่สิบปี บริษัทจะอยู่ในจุดไหน ที่บ้านคุณอยากจะขายทิ้ง ทำต่อ หรืออะไรอย่างอื่นและคุณจะช่วยที่บ้านทำตามเป้าหมายนั้นได้ไหม
ผมคิดว่ามันไม่ได้มีคำตอบที่ดีสุดสำหรับทุกอย่าง หรือบางทีเราไม่ต้องมีคำตอบทันทีตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เพียงแค่คุณเข้าใจว่าคุณและครอบครัวสามารถทำงานด้วยกันและสามารถหาคำตอบไปด้วยกันได้ก็ดีมากแล้วครับ
ช่วยกิจการที่บ้านมันก็ดีนะ
หลักจากที่เราตอบคำถามกันไปแล้ว เรามาดูข้อดีข้อเสียอื่นๆเพื่อช่วยในการตัดสินใจกันครับ
- ทำงานกับครอบครัวและได้ช่วยเหลือพ่อแม่ – ผมคิดว่าหลายคนคงดูเรื่องนี้เป็นหลักว่าพ่อแม่แก่แล้วต้องการให้ช่วย เราก็เลยอยากกลับไปทำกิจการที่บ้าน มันเป็นผลตอบแทนทางจิตใจครับ
- คุณไม่ได้เริ่มจากศูนย์ – หากคุณโตมาในครอบครัวที่มีธุรกิจ คุณจะมีความรู้พื้นฐานอยู่แล้ว และคงเรียนรู้ได้เร็วกว่าออกไปทำงานอย่างอื่น
- ตัวงานอาจจะน่าสนใจกว่า – สำหรับคนที่ต้องการความท้าทาย คุณสามารถเริ่มที่ตำแหน่งใหญ่และสามารถทำการตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้เยอะกว่าการทำงานนอกบ้าน
- คุณมิอิสระในการบริหารเวลา – การทำงานที่บ้านเท่ากับว่าเรามีอิสระในการบริหารเวลามากกว่า แปลว่าเราไม่ได้จำเป็นต้องอยู่ที่ออฟฟิศตลาดเวลา หรือต้องทำงานที่ไม่มีคุณค่าเหมือนเดิมทุกวัน มันไม่ได้แปลว่างานคุณจะน้อยลงนะครับ แค่คุณสามารถเลือกงานที่สำคัญและแบ่งงานส่วนอื่นให้พนักงานได้
ช่วยกิจการที่บ้านมีข้อเสียไหม
- ไม่กล้าขัดที่บ้าน หรือ กลัวทะเลาะ – ผมคอนเฟิร์มว่า ยังไงก็ต้องทะเลาะกันอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าระบบการตัดสินใจหลังการทะเลาะกันจะเป็นยังไง สามารถหาวิธีทำงานด้วยกันต่อได้ไหม
- เงินเดือนไม่มี หรือเงินเดือนไม่ขึ้น – อันนี้ถือว่าเป็นปัญหาหลักของบางคนที่เด็กจบใหม่อาจจะลืมคิด และผมคิดว่าควรที่จะคุยกับที่บ้านของเริ่มกลับไปช่วยกิจการ
- ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น – บางคนที่บ้านอาจจะงานเยอะมากจนไม่มีเวลาไปเที่ยวหรือไปออกกำลังกายหลังเลิกงาน หากคุณเริ่มมีปัญหาระหว่างเวลางานและเวลาส่วนตัวคุณต้องลองคิดดูว่าทำอย่างไรถึงจะจ้างพนักงานมาช่วยคุณได้ ปัญหาส่วนมากจะอยู่ที่ว่าเจ้าของบริษัทไม่อยากจ้าง ซึ่งคุณจะต้องแสดงเหตุผลให้ได้
- คุณอยากทำอย่างอื่น – หากอยากทำอย่างอื่นก็ควรคุยกับที่บ้านครับ หรือหากที่บ้านไม่รีบให้กลับไปช่วยทันทีก็ลองทำก่อนเลยก็ได้เพราะคุณมีกิจการที่บ้านเป็นแบ็คอัพอยู่แล้ว
ควรจะเข้าไปช่วยธุรกิจที่บ้านเมื่อไร
เรื่องเวลาที่จะกลับไปช่วยกิจการที่บ้านขึ้นอยู่กับสองอย่าง คุณอยากจะเข้าไปช่วยแค่ไหน และ ที่บ้านต้องการให้คุณเข้าไปช่วยเมื่อไร
- หากที่บ้านอยากให้คุณเข้าไปช่วยเลย ถ้าคุณรู้สึกพร้อม คุณก็เข้าไปช่วยได้เลย แต่ถ้าคุณรู้สึกยังไม่พร้อมแต่ก็ยังอยากเข้าไปช่วยกิจการที่บ้านอยู่ ให้ลองคุยกับครอบครัวครับว่าตัวงานจะเป็นแบบไหน คุณจะหาวิธีพัฒนายังไงเพราะคุณยังรู้สึกไม่พร้อม จะเรียนรู้ระหว่างทำงานได้ไหม ใครจะเป็นคนสอน
- หากที่บ้านยังไม่รีบให้คุณเข้าไปช่วย หากกิจการที่บ้านยังไม่รีบคุณก็สามารถตัดสินใจได้เลยครับว่าคุณอยากเข้าไปเมื่อไร ไม่ว่าจะเป็นการทำงานนอกบ้านหรือเรียนต่อเพื่อเก็บประสบการณ์หรือการเข้าไปทำทันทีเพื่อที่จะเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด หรือหากคุณยังไม่รู้คำตอบของตัวเองผมว่าก็ลองทำหลายๆอย่างไปก่อนก็ได้ครับ
ช่วยกิจการที่บ้านเริ่มยังไงดี
ผมถือว่าโชคดีที่เคยช่วยงานที่บ้านมาตั้งแต่เด็ก และเคยเรียนเรื่องการบริหารธุรกิจมาก่อน แต่หลายคนอาจจะไม่มีความรู้ด้านนี้เหมือนผม ผมแนะนำให้เริ่มด้วยการถามตัวเองดังนี้ครับ
- งานที่คุณต้องทำคืออะไร หากบริษัทที่บ้านมีระบบอยู่แล้วคุณคงเข้าไปเรียนรู้ได้ แต่ส่วนมาคนที่ถามคำถามนี้จะเป็นพวกแนวที่ที่บ้านอยากให้กลับไปช่วยเพราะมีปัญหาแต่เค้าไม่รู้จะแก้ยังไง อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ครับ คุณต้องวิเคราะห์ให้ดีว่ากิจการที่บ้านต้องการอะไร มีปัญหาอะไรให้แก้ เช่นขนาดคนทำการตลาด ขาดคนช่วยทำบัญชี อยากเพิ่มยอดขาย ขาดคนคุมโรงงาน เป็นต้น
- สิ่งที่คุณทำเป็นหรือทำได้ดีคืออะไร หลังจากที่คุณรู้แล้วว่าปัญหาร้อยแปดที่กิจการที่บ้านเจออยู่มีอะไรบ้าน คุณต้องกลับมาดูที่ตัวเองว่าคุณสามารถเข้าไปช่วยอะไรจุดไหนได้บ้าง แน่นอนว่าบางคนอาจจะไม่ได้เรียนบัญชีมา เกลียดตัวเลขทำบัญชีไม่ได้หรอก แต่ถ้ามันเป็นปัญหาจริง ผมแนะนำให้คุณลองศึกษาครับ จะไปลองเรียนคอร์ส หาข้อมูลออนไลน์ หรือจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยนะระยะสั้นก็ได้ หน้าที่ของคุณก็คือการเชื่อมระหว่างสิ่งที่คุณรู้เข้ากับสิ่งที่กิจการที่บ้านต้องการ อาจจะต้องใช้เวลา หรืออาจจะต้องใช้ความพยายาม แต่มันคือสิ่งที่ต้องลองทำ
ข้อแนะนำในการต่อยอดกิจการที่บ้าน
หากคุณอยากจะช่วยกิจการที่บ้าน คุณต้องมั่นใจก่อนวันงานที่คุณทำเป็นงานจริงๆ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่ทางบ้านสร้างขึ้นมาให้
การต่อยอดก็คือการขยายเพิ่มนะครับ เท่ากับว่าที่บ้านจำเป็นต้องมีงบประมาณและแรงงานพอสมควรแล้ว วิธีการต่อยอดมีดังนี้ครับ
- เอาสินค้าเก่าไปขายลูกค้ากลุ่มใหม่
- หาสินค้าใหม่ไปขายลูกค้ากลุ่มเก่า
- หาสินค้าใหม่ไปหาลูกค้ากลุ่มใหม่
การต่อยอดแบบสองอย่างแรกจะง่ายสุดครับเพราะคุณมีสินค้าหรือไม่ข้อกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว
โดยที่ลูกค้ากลุ่มใหม่อาจจะเป็นช่องทางใหม่เช่นการขายออนไลน์ หรือการขายแบบส่งออกต่างประเทศ หรือจะเป็นลูกค้าแนวอื่นเลยเช่นตอนนี้เราขายผู้รับเหมา แต่เราอยากจะเปลี่ยนไปขายสถาปนิกด้วยเป็นต้น
ในด้านการหาสินค้าใหม่ไปเปิดตลาด ผมแนะนำให้ลองทำในขนาดเล็กก่อนที่จะเริ่มขยายเพราะจะได้ไม่เปลืองงบมาก ลองศึกษาวิธีขายสินค้าใหม่ได้ครับ
ถ้ากิจการที่บ้านไปไม่ไหวทำอย่างไรดี
หากกิจการที่บ้านไปต่อไม่ไหว คุณก็จะมีสามทางเลือกก็คือ ทำต่อและแก้ไข ขายกิจการทิ้ง หรือปิดกิจการครับ โดยที่การปิดกิจการเป็นตัวเลือกที่ง่ายสุดแต่ควรจะทำหลังสุดครับ
- ทำต่อและแก้ไข คุณต้องหาว่าปัญหามาจากไหน ส่วนมากจะมาจากการที่กิจการหมุนเงินไม่พอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าขายของไม่ได้หรือขายไม่ได้กำไรเท่าที่ควรก็ตาม บางทีคำตอบอาจจะเป็นการทำให้กิจการเล็กลงเพื่อที่จะปรับให้เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจหรือบางทีก็อาจจะอยู่ที่การลองเปิดตลาดใหม่หาลูกค้าใหม่ๆ
- ขายกิจการทิ้ง เป็นทางเลือกของกิจการที่คนบริหารไม่อยากทำต่อ หรือไม่มีความรู้ความสามารถที่จะบริหารต่อได้ ไม่ใช่ทุกกิจการที่จะมีมูลค่าพอที่จะขายต่อได้นะครับ เจ้าของชอบประเมินมูลค่าของตัวเองสูงกว่าราคาตลาด ที่สำคัญที่สุดก็คือจะหาคนมาซื้อกิจการเรายังไง
- ปิดกิจการ อันนี้ไม่ต้องอธิบายมากเพราะคงเข้าใจกันอยู่แล้ว
ผมได้เขียนบทความเรื่องวิธีแก้เวลาธุรกิจขาดทุนไว้ และแนะนำให้ทุกคนลองอ่านดู คู่มือฟื้นฟูกำไรจากการขาดทุน
บทสรุปการช่วยธุรกิจที่บ้าน
นี่เป็นบทเรียนทั้งหมดที่ผมมีเกี่ยวกับการทำกิจการต่อจากที่บ้านนะครับ
คุณมีสิทธิ์และควรที่จะรู้ โครงสร้าง กฎ และกระบวนการทำงานของธุรกิจ ก่อนที่จะเข้าไปช่วยที่บ้าน และอย่างน้อยที่สุดคุณต้องมั่นใจให้ได้ว่าครอบครัวที่คุณจะทำงานด้วยคือคนที่คุณสามารถทำงานด้วยได้ในระยะยาว ทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติแต่ปัญหาจะเกิดถ้าเราทะเลาะกันแล้วไม่ปรับความเข้าใจกันครับ
ใครมีคำถามหริอข้อสงสัยเพิ่มเติมคอมเม้นไว้ได้นะครับ ผมจะพยายามตอบอย่างเต็มที่เลย