การค้าขายคือธุรกิจที่เรียบง่ายที่สุด หากเราขายของได้ เราก็รวยได้ อย่างไรก็ตามคนที่เคยทำธุรกิจนี้จริงๆก็คงเข้าใจว่าธุรกิจค้าขายนั้นไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
และเพื่อให้ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จ (หรือรวย) จากการค้าขายได้ ในบทความนี้ผมมีเคล็ดลับมากถึง 25 อย่าง ทุกอย่างเป็นบทเรียนที่ผมคิดว่าพ่อค้าแม่ค้าหลายคนต้องเจอในอาชีพนี้ หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนป้องกันความผิดพลาดได้ไม่มากก็น้อย
23 เคล็ดลับค้าขายยังไงให้รวย
#1 อย่าเริ่มที่การยิงโฆษณา หากคุณยังไม่มั่นใจในสินค้า
ผมให้ข้อแนะนำนี้เป็นข้อแนะนำแรกก็เพราะว่าหลายๆคนยังเข้าใจผิดอยู่ คิดว่าเราต้องเสียเงินเพื่อหาลูกค้าอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งความคิดแบบนี้ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่หลายคนขาดทุนกันมามากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียเงินเพื่อทำโฆษณา Faceboo
สรุปง่ายๆก็คือโฆษณาสามารถทำให้เราเข้าถึงคนได้เยอะจริงๆ แต่โฆษณาส่วนมากก็มีค่าใช้จ่ายสูง ถึงแม้จะเป็นโฆษณาออนไลน์แบบพวก Facebook Google ก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าสินค้าคุณจะขายได้ว่าเป็นสินค้าที่ติดตลาด ในตอนแรกให้ใช้วิธีโพสต์ขายฟรีไปก่อน ยกเว้นว่าคุณจะมีงบหลักหมื่นหลักแสนบาทเพื่อใช้ลงทุนในการหาตลาดจริงๆ
#2 การทําบัญชีรายรับรายจ่าย จะทำให้คุณเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น
การทำบัญชีอาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องสำหรับคนต้องเรียนปริญญาเฉพาะทางมา แต่จริงๆแล้วหัวใจของบัญชีธุรกิจค้าขายนั้นไม่ได้มีความซับซ้อนขนาดนั้น เพียงแต่คุณต้องใส่ใจแล้วก็จดรายละเอียดค่าใช้จ่ายและยอดขายทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน
สิ่งที่คุณต้องการก็คือให้สรุปว่าในแต่ละอาทิตย์และแต่ละเดือนคุณมีเงินหมุนเข้าออกมากแค่ไหน และกำไรตอนจบมีมากแค่ไหน (เงินหมุนและกำไรจะมีความแตกต่างกันมากหากคุณซื้อขายแบบมีเครดิต)
ในข้อแนะนำด้านล่างๆผมจะมีเขียนอธิบายอีกทีว่าถ้าขาดทุนจะแก้ยังไง หรือถ้ามีกำไรต้องกลับมาลงทุนตรงไหนบ้าง แต่ในเบื้องต้นเลยก็คือคุณต้องมีวินัยในการจัดเก็บข้อมูล
#3 อย่าลืมเก็บข้อมูลติดต่อลูกค้า ถ้าอยากทำธุรกิจระยะยาว
ต่อจากข้อมูลทางด้านการเงิน ก็ต้องเป็นข้อมูลของลูกค้า ซึ่งในยุคสมัยที่เรามีคู่แข่งอยู่เยอะเต็มไปหมด เคล็ดลับของธุรกิจค้าขายก็อยู่ที่การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวนั่นแหละครับ
เรื่องกลยุทธ์การติดต่อลูกค้าคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ภายหลังเสมอ แต่ถ้าคุณไม่เริ่มเก็บชื่อ ข้อมูล และวิธีติดต่อลูกค้า ตั้งแต่วันแรกๆ เวลาที่ธุรกิจคุณอยู่ตัวแล้วผมรับรองว่าคุณจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน
#4 เงินหมุนคือหัวใจของธุรกิจค้าขาย
ในส่วนนี้เป็นหลักการง่ายๆใช่ไหมครับ ถ้าคุณมีเงินซื้อของได้ 10 ชิ้น คุณก็จะขายได้ 10 ชิ้น แต่ถ้าคุณมีเงินมากกว่านั้นคุณก็จะขายได้ 100 ชิ้น 1000 ชิ้น และยิ่งเราขายได้เยอะ เราก็จะรวยได้เร็วขึ้น
วิธีแก้ปัญหาก็มีหลายอย่างนะครับ หาคุณซื้อของ คุณก็สามารถใช้บัตรเครดิตเพื่อเพิ่มระยะเวลาในการจ่าย หากเราขายของ เราก็ต้องเก็บเงินลูกค้าเยอะขึ้นในกรณีที่ลูกค้าจ่ายเราช้า
ถ้าคุณรู้ว่าในแต่ละเดือนคุณมีรายจ่ายเฉลี่ยเท่าไหร่ คุณก็ควรมีเงินเย็นนั่งอยู่ในธนาคารเท่านั้น เป็นเงินสำรองเผื่อเวลาเราต้องหมุนเงินฉุกเฉิน
#5 อย่าพึ่งพาสินค้าหรือกลุ่มลูกค้าไหนมากเกินไป
ไม่มีสินค้าไหนหรือกลุ่มลูกค้าไหนที่จะอยู่กับเราได้ตลอดทั้งชีวิต เราอาจจะมีเทคนิคในการยืดอายุสินค้า อย่างการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ หรือการทำการตลาดเรื่อยๆ แต่โดยรวมแล้วขนาดบริษัทใหญ่ๆก็ยังมีปัญหานี้เลย
หมายความว่าในกรณีที่คุณค้นพบสินค้าที่ขายได้ ในระหว่าง 2-3 ปีที่คุณกอบโกยกำไรจากสินค้านี้ คุณก็ต้องเตรียมเก็บเงินลงทุนและเตรียมเปิด LINE ผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่โดยด่วน
ผมยอมรับว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เหนื่อย แต่นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กส่วนมากต้องปิดตัวลง
#6 มีลูกค้าที่จะไม่ถูกใจราคาสินค้าของคุณเสมอ
ข้อแนะนำนี้เป็นสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ยังไม่สามารถปลงตกได้
เวลาที่เราเริ่มขายอะไรใหม่ๆ เราจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนที่ทักมาน้อยมาก ซึ่งก็แปลว่าเราจะมีความคาดหวังต่อลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ส่วนมาก หากลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ชอบสินค้าเราหรือมีข้อตินิดหน่อย เราก็จะตกอยู่ในระบบความคิดว่าสินค้าเราไม่ดีทันที
เหมือนกับการขายหวีให้กับคนหัวล้าน บางคนต่อให้คุณแจกฟรีเขาก็ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นจนกว่าคุณจะพูดคุยกับลูกค้าอย่างละเอียด คุณก็ห้ามเสียกำลังใจจากการที่ลูกค้าไม่กี่คนบอกว่าสินค้าคุณไม่ดีหรือว่าราคาแพง
#7 แยกเงินเก็บธุรกิจเพื่อฉุกเฉินและลงทุนเพิ่มเติม
กำไรของธุรกิจไม่ใช่เงินเดือนของคุณ
หมายความว่าหลังจากที่คุณหักเงินเดือนของคุณออกไปจากกำไรแล้ว คุณยังต้องแยกเงินออกมาเป็น 2 ก้อน
ก้อนแรกก็คือเงินทุนฉุกเฉินเผื่อเวลาธุรกิจมีปัญหา โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายต่อเดือนของธุรกิจคุณ เก็บเผื่อล่วงหน้าไว้ 6 เดือนถึง 1 ปีก็ได้ หากคุณทำอย่างนี้ได้ เวลาที่เว็บไซต์คุณล่ม หรือลูกค้าใหญ่หายไป ธุรกิจก็จะไม่บาดเจ็บหนักมาก
อีกหนึ่งก้อนที่คุณต้องแยกออกมาอย่างชัดเจนก็คือเงินที่คุณจะต้องนำกลับมาหมุนเพื่อใช้ขยายกิจการ อาจจะเป็นการจ้างพนักงานเพิ่ม การหาช่องทางการขายใหม่ๆ หรือเงินในการหาสินค้าใหม่ๆมาขาย
#8 สต๊อกสินค้าคือหัวใจของธุรกิจค้าขาย
ในข้อ #4 ผมได้อธิบายเรื่องเงินหมุนที่เป็นหัวใจของธุรกิจไปแล้ว ในส่วนนี้ผมจะขอพูดถึงหัวใจด้วงที่สองหรือก็คือสต็อกสินค้า หากคุณขายของมาได้สักพัก คุณก็จะเข้าใจว่าอีกหนึ่งทรัพย์สินของธุรกิจก็คือสต๊อกสินค้านั่นเอง ยิ่งเรามีสต๊อกเยอะเราก็ขายได้เยอะ โดยเฉพาะเวลาเรามีสินค้าหลายขนาด หลายสี หลายชนิด
ในส่วนนี้ ถ้าคุณมีเงินเยอะ คุณก็สต๊อกไว้ในหลายชิ้นก็ได้ แต่ถ้าคุณอยากจะประหยัดหน่อย คุณก็ต้องดูข้อมูลย้อนหลังว่าในแต่ละเดือนสินค้าไหนขายดีเป็นพิเศษ แล้วก็ต้องรู้จักเลือกจัดเก็บสินค้าให้ถูกปริมาณ
โดยเบื้องต้นแล้วยอดขายคุณเพิ่มขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์แน่นอน แต่บางบริษัทก็สามารถเพิ่มยอดขายได้เป็นเท่าตัวจากการทำแค่นี้เอง
#9 และสินค้าที่ขายไม่ออกก็คือเงินจม
ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจข้อมูลสต๊อกและข้อมูลการขายย้อนหลังก็มักจะมีปัญหาด้านเงินจมไปกับสต๊อก ธุรกิจ SME ขนาดเล็กบางที่พอเปิดไปนานๆก็มีสต๊อกมูลต่าหลักล้านบาทได้ ที่สำคัญคือสต๊อกส่วนมากที่เก็บมาขนาดนี้มักเป็นของที่ขายไม่ออก
ความคิดของคนทำธุรกิจสมัยก่อนก็คือ ‘ซื้อมาเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวซักวันก็ขายได้เอง’ ซึ่งในมุมมองของคนทำค้าขายจริงๆแล้ว หากเรานำเงินที่จะซื้อสินค้าเหล่านี้ มาซื้อของที่ขายได้ ขายเร็ว กำไรเยอะกว่า เราก็คงจะรวยได้เร็วขึ้นนานแล้ว
ปัญหาของสต๊อกสินค้าที่ขายไม่ออกมีอยู่ 2 ทาง ข้อแรกก็คือให้รีบระบายของเก่าให้หมด ด้วยการขายสินค้าเหล่านี้ในราคาที่ถูกลง (การลดล้างสต๊อก) เราจะได้มีเงินทุนเพิ่มแถมยังไม่เปลืองพื้นที่โกดังจัดเก็บของอีก วิธีแก้ข้อที่สองก็คือให้เริ่มใส่ใจกับการวิเคราะห์ข้อมูลขายย้อนหลัง เราจะได้รู้ว่าสินค้าไหนควรเก็บไว้ขาย และสินค้าไหนไม่ควรจัดซื้อเพิ่มเกินจำเป็น ถีงแม้ว่า ‘น่าจะขายได้’ บ้างก็ตามได้เลย
#10 สังเกตุเสมอว่ากิจกรรมไหนไม่เพิ่มคุณค่าให้กับการขาย
จริงๆแล้วหน้าที่ของการค้าขายนั้นรวมไปถึงกิจการหลากหลายอย่างมาก ตั้งแต่หาและจัดซื้อของ ทำการตลาด พูดคุยกับลูกค้า แพ๊คของส่ง หรือแม้แต่การนับสต๊อกและทำงบการเงิ
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ก็สามารถแบ่งแยกได้หลายอย่าง มีทั้งกิจกรรมที่คุณทำแล้วรู้สึกสนุก กิจกรรมสำคัญที่คุณจำเป็นต้องทำ หรือกิจกรรมที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่
ในส่วนนี้จะไม่ค่อยมีคำแนะนำที่ตายตัว แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณทำงานล้นมือตลอดเวลา คุณก็ต้องหันมาดูการจัดเวลาตารางทำงานตัวเองใหม่ งานไหนที่คุณจ้างคนอื่นได้ก็ควรลองจ้างดู การแะป้ายรับสมัครนั้นช่วยได้เยอะอยู่
ข้อแม้มีอย่างเดียวก็คืองานที่เกี่ยวกับเงินๆทองๆหรืองานที่สำคัญมากๆคุณก็ควรมีคนมารายงานอย่างใกล้ชิด
#11 คำนวณค่าใช้จ่ายต่อการหาลูกค้าหนึ่งคนให้เป็น
ผมได้อธิบายไปแล้วว่าหากคุณสามารถเก็บลูกค้าได้ในระยะยาวได้ คุณก็สามารถเก็บกำไรจากลูกค้าได้มากกว่าเดิม แทนที่ลูกค้าจะซื้อของ 500 แล้วก็จากไป ลูกค้าคนนี้อาจจะกลับมาซื้อของเพิ่ม 1000 2000 คิดไปหลายๆปีก็อาจจะได้เป็นหมื่น
นั่นก็แปลว่าหากคุณทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ โครงสร้างการตลาดของคุณก็จะเปลี่ยนไปเลย แทนที่คุณจะใช้งบทำการตลาดแค่ 30-50% ของราคาขาย เช่น ขายของ 1000 บาทเลยทำการตลาดได้ 300 บาท คุณก็จะสามารถขายได้ 5000 ตลอดชีวิตของลูกค้าและมีงบการตลาด 1500 แทน
ตัวเลขนี้เราจะได้มาหลักจากที่เราเก็บข้อมูลลูกค้ามา 2-3 ปี ผมแนะนำให้ทุกคนตั้งใจเก็บข้อมูลลูกค้าตั้งแต่เนิ่นๆนะครับ
#12 ทำให้ลูกค้าซื้อเพิ่มและกลับมาซื้อซ้ำ
ต่อยอดจากข้อที่แล้ว ถ้าเราทำให้ลูกค้าหนึ่งคนซื้อของหลายอย่างได้ เราก็จะทำกำไรได้เยอะ และเราก็จะมีงบทำการตลาดมากขึ้น แปลว่าคู่แข่งของเราก็จะแย่งลูกค้าได้ยากขึ้น
การทำให้ลูกค้าซื้อเพิ่มและกลับมาซื้อซ้ำส่วนมากจะเป็นเรื่องของวินัยของผู้ขายมากกว่า หากเราถามลูกค้าทุกครั้ง (หลังจากที่ลูกค้าจ่ายเงิน) ว่าอยากรับอะไรเพิ่มไหม โอกาสที่เราจะขายได้ก็มีมาก สังเกตได้ง่ายๆก็คือพนักงานเซเว่นที่ขายของเก่งเหลือเกิน
หากคุณเป็นคนที่ไม่เก่งเรื่องนี้ให้เริ่มจากการทักลูกค้าให้บ่อยขึ้นก่อน สัญญากับตัวเองว่าทุกครั้งที่ลูกค้าชำระเงินแล้ว เราต้องถามลูกค้าเสมอว่าอยากได้อะไรอีกไหม ส่วนเทคนิคอื่นๆคุณสามารถครูพักลักจําจากพนักงานขายของในห้างได้ หากผมเขียนบทความเรื่องการให้ลูกค้าซื้อซ้ำเสร็จแล้ว จะมาโพสลิงค์ให้อ่านเพิ่มนะครับ
#13 การเช่าคือเพื่อคู่ใจของธุรกิจเปิดใหม่
อุปกรณ์สำนักงานต่างๆคือค่าใช้จ่ายที่ทำร้ายธุรกิจใหม่กว่าที่เราคิด นอกจากจะเป็นของที่ราคาแพงแล้ว บางครั้งของเหล่านี้เราซื้อมาซักพักแล้วก็ไม่ได้ใช้ ที่สำคัญก็คือของเหล่านี้เสื่อมราคาปีต่อปีอีกด้วย (เหมือนรถยนต์ ที่คุณซื้อมาแล้วราคาขายต่อจะตกลงทันที)
เพราะฉะนั้นหากคุณไม่มั่นใจว่าคุณต้องการของเหล่านี้จริงๆ วิธีที่ดีกว่าก็คือการเช่าของ ซึ่งในสมัยนี้เพียงแค่เราใช้กูเกิลเป็นเราก็สามารถหาร้านให้เช่าได้แล้ว หลังจากนั้นก็เป็นแค่เรื่องของราคา โดยรวมแล้วหากคุณหาร้านได้ดีจริงๆราคาคอมหนึ่งเครื่องแค่ไม่กี่ร้อยบาทเอง
แน่นอนว่าหากคุณคิดว่าใช้นานๆแล้วคุ้ม คุณก็สามารถของมือหนึ่งมาได้
#14 อย่ากลัวในการเจรจาต่อรอง
คำแนะนำนี้ผมชอบลืมเองบ่อยๆ บางทีหากเราทำธุรกิจไปนานๆ เราก็จะลืมว่าค่าใช้จ่ายบางอย่างสามารถต่อรองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางธุรกิจที่ตั้งราคามาเพื่อให้ ‘เผื่อต่อ’ อยู่แล้ว
การเจรจาต่อรองเป็นเรื่องธรรมดาในธุรกิจ ของอย่างส่วนลด การจัดส่ง หรือเวลาในการชำระเงินเป็นสิ่งที่คุณสามารถต่อรองได้ หากธุรกิจที่คุณคุยอยู่ด้วยไม่สามารถให้สิ่งที่คุณขอได้ คุณก็มีสิทธิที่จะหาเจ้าใหม่มาขาย การถูกปฏิเสธในชีวิตจริงอาจจะทำให้เรารู้สึกแย่ แต่ในเชิงธุรกิจสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก
ลองอ่านคู่มือในการเจรจาต่อรองได้ครับ
#15 ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (ด้วยการหาสินค้าใหม่ๆ)
บริษัทส่วนมากต้องนำกำไรกลับมาใช้เพื่อลงทุนต่อครับ ซึ่งสำหรับธุรกิจค้าขายก็คือการนำกำไรกลับมาลงด้านการหาสินค้าหรือช่องทางขายใหม่ๆ
ข้อแนะนำนี้จะช่วยคุณป้องกันปัญหาได้ 2 ส่วนครับ ส่วนแรกก็คือป้องกันไม่ให้คุณเอาเงินกำไรไปใช้ส่วนตัวหมด พอธุรกิจมีปัญหาเราก็ไม่มีทุนเหลือในการป้องกัน
ส่วนที่สองก็คือการลดความเสี่ยง หลายๆธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจค้าขายพอเจอสินค้าที่ดีก็นิ่งนอนใจ ทำให้เวลาปัจจัยภายนอกเปลี่ยนเช่นมีคู่แข่งหรือลูกค้าหาย ธุรกิจก็กลับมาขาดทุนภายในไม่กี่ปี ในส่วนนี้การที่คุณเอาเงินกลับไปลองด้านการทดลองอะไรใหม่ๆ ก็จะช่วยให้คุณสามารถลดความเสี่ยงได้
#16 ทดสอบตลาดด้วยเทคนิคการขายโดยไม่สต็อกของ
หากการทดสอบนำของใหม่มาขายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือแพงไปสำหรับคุณ หนึ่งวิธีที่เราสามารถทดลองใช้ได้ทันทีก็คือการจัดซื้อน้อยๆก่อนหรือไม่ซื้ออะไรเลย เช่นการขายของแล้วค่อยไปซื้อของมาส่ง หรือการทำ Dropship ก็ได้
การทำแบบนี้อาจจะทำให้กำไรต่อการขายน้อยลง แต่เป้าหมายในการหาของใหม่ๆมาทดลองขายไม่ใช่การสร้างกำไรในระยะสั้น แต่เป็นการหาของที่คุณมั่นใจว่าจะทำกำไรได้ เพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนในระยะยาว
แน่นอนว่าหากคุณมีเงินลงทุน (เช่น ขายของได้แล้วนำเงินมาหมุนลงทุนสิ่งนี้) คุณก็สามารถใช้เงินในการ ‘ซื้อเวลา’ ได้เยอะ เช่น ลองทำการตลาดเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม แนวคิดของคุณก็คือคุณควรมองหาโอกาสลดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้มากที่สุด
#17 ถ้าคุณมีลูกค้าประจำ คุณต้องรักษาไว้ให้ดี
ถ้าคุณอ่านมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจว่าลูกค้าประจำดียังไง ผมก็จะอธิบายให้ชัดเจนให้ได้
ลูกค้าประจำมีข้อดีอยู่สองอย่าง ข้อแรกก็คือคุณไม่ต้องเสียเงินการตลาดซ้ำซ้อน ค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่นั้นส่วนมากจะแพงกว่าค่าใช้จ่ายในการเก็บลูกค้าเก่าไว้ ซึ่งก็คงไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนเกลียดค่าใช้จ่ายที่น้อยลงนะครับ
นอกจากนั้น ลูกค้าประจำยังทำให้เราสามารถคาดหวังรายได้ประจำได้อีกด้วย แปลว่าคุณไม่ต้องปวดหัวเดือนต่อเดือน คอยภาวนาว่าเดือนนี้ยอดเราจะถึงหรือเปล่า ในส่วนนี้คนที่ค้าขายมาหลายปีจะเข้าใจความรู้สึกดี
สรุปก็คือให้เก็บลูกค้าประจำให้ดี อย่ากลัวการลดราคาเล็กๆน้อยๆ หรือการเพิ่มบริการบางอย่าง หากคุณคิดว่าเป็นการขายที่กำไร ต่อให้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อย ลูกค้าเก่าก็ยังคุ้มที่จะรักษาไว้ครับ
#18 อย่าตัดราคา หากคุณไม่มั่นใจว่าต้นทุนถูกกว่า
ปัญหาของคนที่ค้าขายใหม่ๆก็คือไม่มีประสบการณ์และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งพอมารวมกับการเจอลูกค้าปฏิเสธบ่อย เจอคนต่อราคา ก็เลยทำให้ตัวเองคิดว่าเราต้องขายของราคาถูกเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะขายไม่ได้เลย
การตั้งราคาให้ถูกเป็นวิธีการขายของคนที่สิ้นคิด ยกเว้นว่าคุณจะหากลุ่มลูกค้าใหม่ไม่ได้ ช่องทางการขายใหม่ไม่ได้ คุณก็ไม่ควรคิดถึงการลดราคาด้วยซ้ำ (รู้หรือไม่ว่าเราจำเป็นต้องขายแค่บน Lazada/Shopee เท่านั้น) ยิ่งเราลดราคา ร้านอื่นก็จะลดราคาสู้ แทนที่จะแข่งกันด้วยราคา เราสู้หาจุดขายและสร้างความได้เปรียบแบบอื่นดีกว่า
กรณีเดียวที่คุณควรจะตัดราคาคู่แข่งก็คือตอนที่คุณสามารถกดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าคู่แข่ง ส่วนมากแล้วหากคุณไม่ได้ผลิตสินค้าเอง เจ้าอื่นๆก็คงเอาของมาขายจากที่เดียวกันนั่นเหล่ะ
ซึ่งก็จะทำให้เราเข้าสู่ข้อแนะนำถัดไป…
#19 อยากขายให้รวย ต้องเพิ่มราคาให้เป็น
ข้อแนะนำด้านบนทำให้แค่คุณไม่จนครับ แต่ข้อแนะนำนี้จะทำให้คุณรวยได้
วิธีขึ้นราคามีแค่วิธีเดียวครับ ก็คือเราต้องอะไรที่ลูกค้าไม่สามารถหาได้จากคู่แข่งเจ้าอื่น แต่ตัวเลือกของเรามีเยอะครับ ส่งเร็วกว่า ตอบเร็วกว่า ของคุณภาพดีกว่า บรรจุภัณฑ์สวยกว่า ประกันสินค้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องของ
ในยุคนี้สิ่งที่ช่วยให้คุณขายได้ราคาแพง (และง่ายสำหรับคุณด้วย) ก็คือการแจกข้อมูล ข้อมูลพวกการใช้งาน การเลือกใช้สินค้า หากเราดูจริงๆคู่แข่งส่วนมากที่เอาแต่ขายก็จะไม่ใส่ใจด้านนี้เท่าไร ทั้งๆที่การแจกข้อมูลช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เยอะมาก
ผมแนะนำให้อ่าน คู่มือการทำ Content Marketing นะครับ รับรองคุณจะเพิ่มราคาเพราะขายไม่ทันเลย
#20 ฟรีแลนซ์ตอนแรก จ้างประจำตอนหลัง
หากคุณอยากจะรวยจากการค้าขาย คุณต้องเข้าใจว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ ซักวันหนึ่งคุณก็ต้องจ้างคนมาช่วยทำอะไรหลายๆอย่าง เช่น ตอบลูกค้า แพ็คของ ทำโฆษณา เป็นต้น
ในส่วนนี้การจ้างคนอาจจะดูน่ากลัวไปสำหรับคนทำค้าขายมือใหม่ แต่ในสมัยนี้ฟรีแลนซ์หลายๆคนก็สามารถเข้ามาช่วยเราได้เยอะ ข้อดีก็คือเราจะสามารถเรียนรู้กระบวนการสอนคนทำงานแบบเราได้ แถมหากเราไม่ชอบฟรีแลนซ์เจ้านี้ เราก็แค่เปลี่ยนไปจ้างที่อื่น ไม่ต้องผูกมัดอะไรมาก อย่างมากก็เสียค่าจ้างเล็กน้อยหลักพัน ถ้าเราไม่ชอบจริงๆ
ฟรีแลนซ์จะทำให้คุณเห็นภาพว่าการจ้างคนช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง แถมค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แพงมาก แต่อาจจะไม่เหมาะกับการจ้างระยะยาว เพราะฉะนั้นทันทีที่คุณพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นแล้วว่าการจ้างคนมันดีมาก คุณก็เตรียมหาพนักงานประจำมาช่วยต่อได้เลย (ให้ฟรีแลนซ์ช่วยสอนพนักงานใหม่เราก็ได้)
#21 วิดีโอคือเทรนด์ค้าขายที่มาแรงที่สุด
ยุคที่คนมีมือถือ และมือถือมีอินเตอร์เน็ตไวมากพอให้เปิดวิดีโอได้ ก็ทำให้การสร้างวิดีโอเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆในการสื่อสารกับลูกค้าเลยครับ
ผมได้อธิบายไว้แล้วว่าความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขาย และวิดีโอก็คือการแสดงความน่าเชื่อถือที่ดีที่สุด ลูกค้ารู้ว่าคนขายมีอยู่จริง สินค้ามีอยู่จริง หากภาพสามารถอธิบายได้เป็นร้อยคำ วิดีโอก็อธิบายได้เป็นล้านคำเลยครับ
สำหรับคนที่กำลังเริ่ม อย่ากลัวที่จะถ่ายคลิปตัวเองมาขายบ้าง แย่ที่สุดก็คือไม่มีใครดู เราเสียเวลาไม่เท่าไร (ไม่อายด้วย เพราะไม่มีคนดู 555) แต่หากคลิปออกมาดี คนดูเยอะ คุณก็ขายได้เยอะ ข้อเสียมีน้อย ข้อดีมีเยอะมากครับ
#22 ตามเผือกคู่แข่งด้วยข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจ
กรมพัฒนาธุรกิจ หรือ DBD เป็นคลังข้อมูลที่ดีมาก ข้อแค่คุณมีประสบการณ์การทำธุรกิจเล็กน้อยก็พอ หากคุณจริงจังกับการค้าขาย คุณก็คงเริ่มสังเกตุได้ว่าคู่แข่งของคุณมีใครบ้าง และถ้าคุณใส่ชื่อบริษัทคู่แข่งไปในกรมพัฒนาธุรกิจ คุณก็จะเห็นหมดเลยว่าคู่แข่งเจ้านี้ขายได้เท่าไร กำไรเท่าไรบ้าง
เพียงเท่านี้คุณก็ประเมินคู่แข่งได้ง่ายๆแล้วว่าเค้าทำได้ดีหรือไม่ดี หลังจากนั้นเราก็แค่คอยสังเกตุ อาจจะปลอมตัวเป็นลูกค้าไปซื้อบ้าง เราก็จะรู้แล้วว่ากระบวนการที่ดีน่าเรียนรู้ของคู่แข่งเราคืออะไร
(โบนัสก็คือ หากดูเป็นเรารู้ได้ถึงว่าเค้ากู้เงินเท่าไร มีหนี้เท่าไร มีสต็อกเท่าไรเลย)
#23 การทำให้ลูกค้าจำร้านคุณได้
ข้อนี้ผมเตรียมไว้เป็นข้อสุดท้าย เพราะผมคิดว่ามันจะเป็นข้อปิดตายที่ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถอยู่ได้ระยะยาว 10 ปี 20 ปี
การทำให้ลูกค้าจำร้านเราได้ก็คือการที่เราต้องติดต่อลูกค้าอยู่ตลอดเวลา แต่การที่เราจะติดต่อลูกค้าอยู่ตลอดเวลาก็แปลว่าเราต้องสร้างระบบที่ทำให้เราสามารถติดต่อลูกค้าได้อยู่ตลอดเวลา
ในสมัยก่อนบริษัทใหญ่ๆก็อาจจะลงทุนโฆษณา หรือจ้างพนักงานขายวิ่งเข้าไปหาลูกค้าใหญ่ๆเรื่อยๆ แต่ในสมัยนี้การติดต่อลูกค้าแบบง่ายที่สุดก็คือการให้ลูกค้าแอด LINE เรามา แล้วเราก็ต้อง broadcast ส่งข้อความให้กับลูกค้าเรื่อยๆทุกอาทิตย์
ดูรายละเอียดของ LINE ธุรกิจได้ที่บทความนี้ของผมนะครับ
หนึ่งเรื่องที่ผมแนะนำให้คุณทำก็คือการสร้างแบรนด์ ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนผลิตสินค้าก็ได้ แล้วผมจะกระซิบบอกไว้ว่าสร้างแบรนด์ไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด ลองอ่านวิธีสร้างแบบง่ายๆของผมได้ที่นี่ครับ
สุดท้ายนี้เกี่ยวกับอาชีพค้าขาย
ผมขอเน้นย้ำนะครับว่าอาชีพค้าขายเป็นอาชีพที่เรียบง่าย เราไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทางแล้วก็สามารถเริ่มต้นได้
แต่สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจก็คือการที่เราจะรวยจากอาชีพค้าขายได้มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ภายในวันสองวันหรือปี 2 ปีด้วยซ้ำ
เจ้าของธุรกิจส่วนมากกว่าจะตั้งตัวได้ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปีถึง 5 ปี ในตอนท้ายนี้ผมจะมีบทความแนะนำให้คุณเลือกอ่านอีกหลายๆหัวข้อเลย ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จกับการค้าขาย ร่ำรวยขึ้นทุกปีนะครับ