หาลูกค้าใหม่ทำยังไง? 10 วิธีหาลูกค้าใหม่ที่ทำได้จริง

หาลูกค้าใหม่ทำยังไง? 10 วิธีหาลูกค้าใหม่ที่ทำได้จริง

ปัญหาที่ผมเห็นก็คือ ‘ข้อแนะนำเรื่องการหาลูกค้า’ ในแต่ละที่เหมือนจะถูกเขียนโดยคนที่ไม่น่าจะเคยทำธุรกิจมาก่อน ในบทความนี้ผมเลยจะขอแนะนำ 10 วิธีหาลูกค้าใหม่ที่สามารถทำได้จริง และผมเคยลองทำ ลองศึกษามาแล้ว หวังว่าจะเป็นข้อมูลสำหรับผู้อ่านได้มาก

หาลูกค้าใหม่ทำยังไง? 10 วิธีหาลูกค้าใหม่ที่ทำได้จริง

#1 เปิดช่องทางการตลาดใหม่

ผมข้อเริ่มข้อแนะนำที่หนึ่งด้วยสิ่งที่หลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้ว หากเราอยากจะได้ลูกค้าใหม่ๆ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการนำตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีแต่คนใหม่ๆ ซึ่วในเชิงธุรกิจก็คือการเปิดช่องทางการขายและช่องทางการตลาดใหม่

ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่บริษัทใหญ่อย่าง 7-11 หรือห้างดังๆ พยายามขยายสาขาเยอะ ยิ่งเราขยายสาขาเราก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะขึ้น และถ้าเราเข้าไปในพื้นที่ใหม่ๆ ถึงแม้ว่าตอนเริ่มต้นอาจจะยากนิดหน่อย แต่ก็จะทำให้เราเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆได้อย่างแน่นอน

และหลักการนี้ก็ใช้ได้กับธุรกิจทุกชนิด บางบริษัทก็ให้พนักงานขายวิ่งในพื้นที่ใหม่ๆ บางบริษัทก็ขยายสาขา บางบริษัทก็ย้ายไปทำการตลาดที่ช่องทางที่ไม่เคยทำมาก่อน อะไรก็ได้ที่ทำให้เราเข้าถึงช่องทางที่เราไม่เคยทำมาก่อน

#2 หากอยากให้ลูกค้าแนะนำเรา เราต้องสนิทกับลูกค้าก่อน

ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการให้ลูกค้าแนะนำกันเองนั้นเป็นวิธีหาลูกค้าใหม่ที่ดีที่สุด ที่สำคัญคือลูกค้าที่ถูกแนะนำมาซื้อของง่ายกว่าด้วย ปัญหาก็คือเราจะทำยังไงให้ลูกค้าชอบเราขนาดที่จะแนะนำเราให้เพื่อนและครอบครัวรู้จักกันนะ

เคล็บลับของความสนิทก็คือ ‘การมีพนักงานดูแล’ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานหลักพันคน แต่คุณก็มีพนักงานดูแลที่สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง อาจจะเป็นการเจอลูกค้าต่อหน้า หรือการพูดคุยกันบนไลน์ก็ตาม หากเราช่วยเหลือให้คำแนะนำลูกค้าเยอะๆ โอกาสที่ลูกค้าอยากจะตอบสนองความต้องการของเราบ้างก็มีเยอะ 

สิ่งแรกที่คุณสามารถทำได้ทันทีก็คือ ‘การขอ’ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีของรางวัล ของแถม หรือสนิทกับลูกค้ามาก การขอให้ลูกค้าช่วยแนะนำเรากับคนอื่นก็เป็นสิ่งง่ายๆที่คุณควรทำหลังปิดการขาย

#3 สลับโลกออนไลน์และออฟไลน์

‘ธุรกิจสมัยนี้ต้องทำออนไลน์’ เป็นคำแนะนำที่เราฟังจนเบื่อ แต่จะมีคนกี่คนที่หันมามองว่า ธุรกิจออนไลน์ก็ทำออฟไลน์ได้ เช่นกัน 

การทำออฟไลน์นั้นมีเทคนิคหลายอย่าง แต่เบื้องต้นแล้วคุณต้องเข้าใจว่าลูกค้าบางประเภทไม่ได้เสพสื่อออนไลน์ตลอดเวลา ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลงทุนเปิดหน้าร้านหรืออะไร แต่หลายครั้งการวิ่งเข้าไปหาลูกค้าเอง (แบบเซล) หรือการซื้อป้ายโฆษณาตามพื้นที่ต่างๆก็เป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะในกรณีที่คุณมีปัญหาเรื่องการหาลูกค้าใหม่ๆ

หรือถ้าหากคุณมีงบมากหน่อยก็อย่าลืมไปออกอีเวนต์ต่างๆ ไปออกงานในห้าง หรือที่มหกรรมหอประชุมใหญ่ๆ ผมไปเดินในฐานะผู้เยี่ยมชมยังหาลูกค้าได้เลย

ในรูปแบบเดียวกัน ธุรกิจที่ไม่เคยทำออนไลน์มาก่อน หากลองมาทำออนไลน์แบบจริงจังมากก็จะได้ลูกค้าแน่นอน (ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้ว)

#4 แจกของฟรี หรือ บริการฟรีๆ ที่ไม่ได้แพงสำหรับคุณ

การจากของฟรีเป็นเทคนิคที่มีกันมานานแล้ว อย่างการให้คนมาชิมขนมฟรีในซุปเปอร์ หรือการที่โชว์รูมรถให้ลูกค้าทดลองขับรถดูก่อน

คำถามหลักก็คือ สิ่งไหนที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้คุณค่าเยอะ แต่มีค่าใช้จ่ายน้อยสำหรับคุณ?

สำหรับธุรกิจออนไลน์ส่วนมาก คำตอบก็คือการแจกคู่มือฟรีๆต่างๆ เช่น eBook ชีทExcel เพราะสิ่งเหล่านี้ใช้เวลาทำแป๊บเดียวแต่สามารถใช้งานได้นาน เราขายเสื้อผ้าเราก็ทำคู่มือแนะนำการแต่งตัว เราขายรถเราก็แจกคู่มือการดูแลรถยนต์ 

หากคุณยังคิดอะไรไม่ออก ในช่วงแรกให้ทำเป็นบริการให้คำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับสินค้าก่อนซัก 2-3 เดือน หลังจากนั้นค่อยเอาคำถามของลูกค้ามารวมกันเป็นคู่มือแจกฟรี จะแจกเป็นไฟล์หรือจะแจกเป็นสื่อพิมพ์ก็ได้

#5 การโทรหาลูกค้าที่ไม่รู้จัก (Cold Calling)

ในส่วนนี้จะสอนว่าโทรหาลูกค้าอย่างไรให้ขายได้และไม่เสียกำลังใจ เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะโทรไปหาลูกค้าใหม่ๆ …และโดนลูกค้าปฏิเสธ 

ถึงแม้หลายๆคนจะไม่ชอบการที่พนักงานขายประกันโทรมาหา แต่สาเหตุที่บริษัทเหล่านี้ยังสามารถดำเนินการอยู่ได้ก็เพราะการโทรหาลูกค้ายังเป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่ได้ผลอยู่

การโทรหาลูกค้าใหม่ที่ดีให้เริ่มจากการถาม เราต้องถามลูกค้าว่าลูกค้ามีปัญหาอะไรบ้าง และมีความต้องการจะแก้ปัญหานี้หรือเปล่า หากเราเข้าใจจุดยืนลูกค้าแต่ละคน การโน้มน้าวลูกค้าก็ทำได้ไม่ยาก หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของจำนวนและปริมาณของการโทรแต่ละวันแล้ว

ส่วนการหารายชื่อลูกค้าและข้อมูลติดต่อ ผมแนะนำให้ลองอ่านบทความนี้ของผมด้วยนะครับ วิธีหาลูกค้าแบบกลุ่มธุรกิจ ถ้าเราคัดกรองลูกค้ามาดีตั้งแต่แรก โอกาสที่จะโดนปฏิเสธก็มีน้อย

#6 การทําโฆษณา Facebook ที่หาลูกค้าใหม่ได้จริงๆ

(หัวข้อนี้อาจจะฟังดูยาก แต่จริงๆแล้วทำได้ง่าย หากคุณอ่านแล้วมีคำถามให้ลองศึกษา บทความนี้ดู นะครับ)

ถึงแม้ว่าจะผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว คนไทยส่วนมากก็ยังดูแต่ ‘กลุ่มเป้าหมาย’ ใน Facebook อยู่ดี ทั้งๆที่เครื่องมืออย่าง Facebook Pixel สามารถทำกำไรได้มากกว่าเยอะ

Facebook Pixel จะช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าที่เคยทักเรามาใน Facebook Instagram หรือเคยดูข้อมูลในเว็บไซต์เรา

ในส่วนนี้เราสามารถใช้ระบบ Facebook เพื่อสร้างกลุ่มลูกค้าที่มีความคล้ายกับคนที่เคยทักคุณมาแล้ว (Lookalike Audience) และให้กรองคนที่เคยทักคุณมาแล้วออกไป (Exclude) เพียงแค่นี้คุณก็จะได้กลุ่มคนที่มีแนวโน้มว่าจะทัก แต่ยังไม่เคยทักคุณมา ภายในไม่ถึง 10 คลิก

เรื่องการทำ Facebook Pixel ผมแนะนำให้อ่านบทความเรื่อง คู่มือทำ โฆษณา Facebook ของผม ในส่วนสุดท้ายผมจะอธิบายการทำ Lookalike Audience ให้ เป็นเทคนิคที่ทำกำไรให้แน่นอน

#7 เป็นเจ้าของเฟสบุ๊คกรุ๊ปเองไปเลย

หลายคนก็คงรู้ว่า Facebook Group นั้นมีประโยชน์ แต่กรุ๊ปเหล่านี้นั้นมี admin ดุ ทำให้เราไม่สามารถโพสขายของได้

วิธีการแก้ปัญหาที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ ให้สร้าง Facebook Group ของตัวเอง โดยตั้งชื่อกลุ่มให้เหมาะกับสินค้าที่คุณอยากจะขาย แต่ทำเป็นกรุ๊ปแนวให้ความรู้และให้คำปรึกษาแทน

เช่น หากคุณขายกระเป๋า ก็ตั้งกลุ่มมือใหม่หัดซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมออนไลน์ หรือหากคุณขายบ้าน ก็ให้ตั้งกลุ่มสอนซื้อบ้านแถบพื้นที่ใกล้ตัวคุณ 

หลักการก็เหมือนกับ Facebook Page เพียงแต่ในสมัยนี้ Facebook Group จะมีคนพูดคุยกันมากกว่า เป็นการสร้าง community ในแบบหนึ่งที่ Page ทำไม่ได้

หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของการนำกรุ๊ปไปแชร์ในที่ต่างๆ และก็สร้างคอนเทนต์ทุกวัน เป็นให้ความรู้คน

#8 ให้ลูกค้าใหม่เข้าหาคุณแทน ผ่าน Google และ YouTube

ในหัวข้อแรกผมได้บอกแล้วว่าเราต้องลองช่องทางการตลาดใหม่ๆ และ 2 ช่องทางออนไลน์ที่มีคู่แข่งน้อยแต่ยังมีประสิทธิภาพมากก็คือ Google และ YouTube

พูดสั้นๆก็คือการเขียนบทความลงเวบไซต์ และทำวีดีโอบน Youtube เพื่อให้ความรู้ลูกค้าในมุมมองต่างๆ ลูกค้าที่ค้นหาข้อมูลบน Google ก็จะเจอเว็บไซต์คุณ และเจอวีดีโอบน YouTube ของคุณ 

ผมแนะนำให้ลองอ่านบทความเรื่อง การสร้าง Content ของผมด้วยนะครับ จะอธิบายเรื่องการคิดหัวข้อและการสร้างบทความหรือวีดีโอที่คนชอบดูแถมถูกใจ Youtube กับ Google ด้วย

ข้อเสียอย่างเดียวของวิธีนี้ก็คือใช้เวลานาน อาจจะมากถึง 3-4 เดือนกว่าจะเห็นผล เพราะฉะนั้นให้คุณเริ่มเขียนบทความตั้งแต่วันนี้ ทำวันละชั่วโมงก่อนนอนก็ได้ครับ

#9 จ้างคนมาโปรโมทสินค้าคุณแบบดั้งเดิม

พูดง่ายๆก็คือการออกทีวี ออกรายการต่างๆ วิธีนี้เป็นวิถึคนรวยแต่ใช้ได้จริง 

เราจะเห็นได้ว่าการออกรายการทีวีนั้นบางทีก็เสียเป็นหลักหมื่น บางทีก็เป็นหลักแสน บางทีก็เป็นหลักล้าน ขึ้นอยู่กับ ความยาวของข้อความ และ ชนิดของโฆษณา ข้อเสียคือแพง แต่ข้อดีก็คือการทำแบบนี้สามารถ ‘หว่านแห’ เข้าถึงคนได้มากๆในเวลาอันสั้น หากคุณมั่นใจว่าโฆษณาคุณดีแล้ว และมั่นใจว่าระบบหลังบ้านคุณพร้อมรับมือ รับตอนแชท การทำซื้อสปอตโฆษณาใหญ่ๆก็เป็นสิ่งที่น่าลองทุกๆ 3-5 ปี

แน่นอนว่าเราต้องเลือกสื่อให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าและชนิดสินค้าของเราด้วย หากคุณไม่ได้คาดหวังว่าจะผลิตของและขายให้ได้หลักล้านบาท ผมแนะนำให้อ่านข้อแนะนำด้านล่างแทน

#10 จ้างคนมาโปรโมทสินค้าคุณแบบประหยัด

หากคุณดู YouTube หรือเล่น IG บ่อยๆ คุณก็จะเห็นว่าเพจหรือช่องต่างๆมีสปอนเซอร์เข้าเสมอ หลักการง่ายๆก็คือเราก็หาช่องที่มีขนาดเล็กหน่อย แต่ทำวิดิโอดีๆ มีคนเข้าถึงเยอะ และเหมาะกับสินค้าของเรา และเราก็จ่ายเงินให้คนเหล่านี้ช่วยพูดถึงสินค้าของเราก็เท่านั้นเอง

สำหรับ YouTube เราสามารถหาช่องที่มีผู้ติดตามหลักหมื่น และสามารถทำวิดีโอที่มีคนดูหลักหลายหมื่นถึงแสนคนได้เรื่อยๆ (เป็นตัวเลขที่แสดงว่าเป็นช่องกำลังโต) หลังจากนั้นก็เป็นแค่การหาช่องที่คล้ายกับกลุ่มลูกค้าเราเท่านั้นเอง 

หลักการนี้ก็ใช้ใน Facebook Instagram ได้ ให้ดูยอด Like ว่าเยอะถึง 1-2% ของจำนวนคนติดตามหรือเปล่า (คนติดตามหลักแสน ต้องมีไลค์หลักร้อยหลักพันทุกโพส) แต่ทางที่ดีขอดูข้อมูลหลังบ้านของเพจว่าแต่ละโพส คนเห็นเยอะแค่ไหนด้วยอีกที

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนมากจะคิดตามผู้ติดตาม คิด 0.2-0.5 บาทต่อผู้ติดตาม หมายความว่าเพจ 10,000 ค่าจ้างก็จะหลักพัน ส่วนเพจหลักแสนก็จะมีค่าจ้างหลักหมื่น (ขึ้นอยู่กับชนิดของคอนเทนต์และความดังอีกทีด้วย ต้องต่อรองดู)

สุดท้ายนี้เกี่ยวกับการหาลูกค้าใหม่

สุดท้ายนี้ผมอยากจะแนะนำทุกคนว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีหาลูกค้าใหม่แบบไหนก็ตาม เราต้องทำความเข้าใจและมีภาพลูกค้าในใจเราก่อน ไม่อย่างนั้นขขั้นตอนการตลาดและการขายภายหลังจะทำได้ยากและไม่มีประสิทธิภาพครับ

อย่างไรก็ตาม สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีทุนมากนัก และยังไม่มั่นใจว่าจะเลือกเครื่องมือไหนดี ข้อแนะนำของผมในฐานะคนที่เคยลองแล้วก็คือ ให้เริ่มจาก ‘สิ่งที่ทำได้ง่าย ทำได้ฟรี และทำได้ทันทีก่อน’ เพราะเราจะได้เริ่มเก็บข้อมูลเพื่อตัดสินใจและพัฒนาภายหลัง โดยไม่เสีย ‘ค่าโง่’ เยอะ 

ซึ่งส่วนตัวแล้ว ผมแนะนำเรื่องการให้บริการให้คำปรึกษา การสร้างคอนเทนต์ฟรี และ การตั้ง Facebook Group  ครับ (หรือถ้าคุณถนัดด้านการขายการก็ให้ซื้อรายชื่อลูกค้าหลักพันบาท และลองทำ Cold Calling เลย) แต่ถ้าคุณมีงบเยอะหน่อย จะลองซื้อโฆษณา หรือเป็นสปอนเซอร์เพจต่างๆดูก็ได้ เริ่มแบบเล็กๆแล้วค่อยเพิ่มงบตามผลประกอบการ

ข้อมูลในการทำธุรกิจอื่นๆที่เราแนะนำ

Tiger

เจ้าของบล็อก TWN ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน

บทความล่าสุด