มีใครไม่สนใจเรื่องการเพิ่มยอดขายบ้าง? ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของกิจการ หรือพนักงานขาย คุณคงรู้ว่าโลกของธุรกิจเปลี่ยนแปลงทุกวัน ในเวลาไม่เท่าไร คู่แข่งอาจจะเปิดตัวสินค้าใหม่ เข้าหาลูกค้าคุณ ทำการตัดราคา และ ก่อนที่คุณจะรู้ตัว ยอดขายของคุณก็ตกอย่างฮวบฮาบ
ปัญหานี้เกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรมครับ สิ่งที่เราเคยทำแล้วได้ผลตอนไม่กี่ปีที่แล้วมันอาจจะไม่พอแล้วในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ ‘ไม่มีเวลา’ มากพอที่จะลองผิดลองถูกใหม่ทุกอย่างด้วย
31 วิธีเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และทำให้ธุรกิจของคุณโตขึ้น
#16 กับ #19 คือทีเด็ดของนักการตลาดระดับโลกเลยครับ หากคุณพร้อมแล้ว เรามาดูวิธีการเพิ่มยอดขายกันเลย
#1 หาจุดแข็งและโอกาสของคุณ
คุณควรเริ่มด้วยการทำความเข้าใจสิ่งที่คุณขายให้ดี สิ่งไหนทื่คุณทำได้ดีที่สุด ใครคือคนที่ต้องการสิ่งที่คุณทำ คุณเข้าหาคนพวกนั้นด้วยวิธี คนพวกไหนสามารถจ่ายได้มากแค่ไหน หากคำตอบมันยากมากก็แปลว่าธุรกิจของคุณยังไม่มีความชัดเจนมากพอว่าคุณอยากเพิ่มยอดขายด้วยวิธีอะไร หากตอบไม่ได้ผมแนะนำให้อ่านบทความเรื่อง การทำ SWOT ก่อนนะครับ
#2 แตกเป้าหมายใหญ่ให้เป็นเป้าหมายย่อย
ย่อยเป้าหมายธุรกิจของคุณเป็นกิจกรรมที่คุณต้องทำ เช่นต้องโทรหาลูกค้ากี่คนต่อวัน หรือต้องเสนอราคากี่เจ้า เป็นต้น ให้เริ่มจากกิจกรรมที่คุณสามารถควบคุมได้ก่อน และนำเป้าหมายธุรกิจของคุณมาเป็นตัววัดอีกที (ยอดขายต่อเดือน จำนวนสินค้าที่ขายได้ กำไรต่อPO) วิธีนี้จะบังคับให้คุณหา ‘มูลค่า’ ของกิจกรรมแต่ละอย่างในการขายของคุณ
#3 เพิ่มยอดขาย…ด้วยการขายในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
หากเราคิดว่าลูกค้าอยากซื้อแต่สิ่งที่ต้องการเท่านั้น สิ่งที่เราต้องคิดต่อก็คือ ‘จะโน้มน้าวลูกค้ายังไงให้เค้าคิดว่าต้องใช้สินค้าตัวนี้’ ให้เริ่มจากการอธิบายเรื่องข้อดีของสินค้าหรือบริการ โดยเน้นเรื่องการลดค่าใช้จ่าย หรือการแก้ปัญหาให้ลูกค้า ถ้าคุณขายโค้ทผ้าวูล (wool) คุณไม่จำเป็นต้องพูดแค่เรื่องภาพลักษณ์ของสินค้า คุณอาจะพูดเรื่องคุณภาพและอายุการใช้งานของเนื้อผ้าแทน งานขายคือการใช้ความคิดสร้างสรรค์
สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการหาสินค้ามาขาย ผมแนะนำให้ลองดูคู่มือการเลือกสินค้า ‘ขายอะไรดี’ ตรงนี้ได้นะครับ ผมทำมาให้ทุกคนใช้อย่างฟรีเลย
#4 สร้างและรักษาความสนใจของลูกค้า
ทำให้ลูกค้าสนใจด้วยการตลาดแบบมีประสิทธิภาพ การบอกต่อ ทักษะการขายที่ดี และกลยุทธ์ต่างๆ หลังจากนี้คุณต้องคอยตามลูกค้าและเสนอบริการที่มีคุณภาพให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยแล้วเราต้องติดต่อลูกค้าประมาณ 6-8 ครั้งถึงจะขายได้ครั้งหนึ่งครับ
#5 เข้าใจเป้าหมายในการขาย
ทำความเข้าใจว่าคุณต้องทำอะไร และทำไมคุณถึงไม่ทำอย่างอื่นแทน ลูกค้าคนไหนสำคัญและทำไม? คุณจะพูดอะไรกับลูกค้าและทำไม? คุณอยากจะถามอะไรลูกค้าเพิ่มบ้างและทำไม? ข้อเสนอในการขายของคุณคืออะไร…และทำไม? ถ้าคุณไม่รู้สึกมั่นใจในคำตอบของคุณ ให้หาคอร์สอบรบหรือหาคำแนะนำเพิ่มเติม
#6 ถาม ฟัง และ เริ่มทำ
สามอย่างนี้คือหัวใจของนักขายเลย คำถามของคุณต้องมีความสร้างสรรค์ มีการวางแผนมาก่อน มีความสำคัญต่อลูกค้า และ ไม่อ้อมค้อม ทักษะการฟังของคุณต้องดีด้วย คุณต้องตอบและแสดงให้ลูกค้ารับรู้ได้ว่าคุณรับฟังและต้องการขาย
#7 ความรับผิดชอบและผลงาน
หากคุณเป็นผู้จัดการหรือเจ้าของกิจการ คุณต้องเข้าใจว่าลูกน้องของคุณกำลังพึ่งพาคุณอยู่ หากลูกน้องของคุณสร้างผลงานได้คุณก็ต้องให้เครดิต แต่หากลูกน้องของคุณทำผิดคุณก็ต้องตักเตือน
#8 พื้นฐานสำคัญสุด
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบเพราะฉะนั้นทุกคนย่อมมีโอกาสในการพัฒนา ให้คุณแบ่งเวลามาพัฒนาจุดอ่อนในการขายและการคุมทีมของคุณด้วย หากมีบางสิ่งที่คุณไม่ถนัดหรือคิดว่าไม่อยากทำ ให้คุณตั้งเป้าหมายที่วัดค่าได้แล้วใส่ใจกับมันเป็นพิเศษ ให้พยายามลองคิดนอกกรอบมากขึ้น หาข้อมูลให้ละเอียดมากขึ้น และฝึกเสนองานให้ดูดีมากขึ้น เป้าหมายของคุณคือนักขายที่สมบูรณ์แบบ
#9 พัฒนาทัศนคติของคุณ
คุณไม่สามารถคุมพนักงานหรือลูกค้าคุณได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็น แต่ ‘ทัศนคติของคุณ’ อยู่ในความควบคุมของคุณทั้งหมด ความคิดหรือมุมมองบางอย่างอาจจะรั้งคุณไว้อยู่ ความคิดเป็นสิ่งที่ควบคุม ความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้น ความพยายาม ความสุขและความมั่นใจของคุณทั้งหมด ความคิดแบบไหนที่ทำให้คุณทำงานไม่เสร็จ ไม่สมบูรณ์บ้างนะ? หากไม่จำเป็นก็ให้ตัดทิ้งไปครับ อีกไม่นานคุณก็จะกลายเป็นใครก็ได้ ‘ที่คุณอยากเป็น’
#10 ใช้เวลาให้คุ้มค่า
เน้นไปที่เป้าหมายของคุณ ทุกกิจกรรมที่คุณทำอยู่จะมีระดับความสำคัญและความเร่งด่วนที่คุณจะต้องทำให้มันคุ้มค่า ให้คุณลองทำตารางเวลาออกมาแล้วนำผลลัพธ์แต่ละวันมาเทียบดูอีกทีว่ามันสมจริงแค่ไหน คุณได้ใช้เวลาอย่างที่คุ้มค่าตามที่วางแผนไว้หรือเปล่า แค่คุณประหยัดเวลาได้วันละชั่วโมง คุณก็จะ ‘สร้างเวลาเพิ่ม’ ได้อีกหลายร้อยชั่วโมงต่อปีเลย ลองดูคู่มือเคลียร์งานค้างอย่างง่ายๆดูครับ
#11 การตลาดและการทำโซเชียลมีเดีย
ยุคสมัยนี้เราสามารสื่อสารกับลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันฟรี ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram ล้วนเป็น ‘ช่องทางเพิ่มยอดขาย’ ที่ดีทั้งนั้น หรือหากคุณอยากวางแผนสำหรับระยะยาว คุณอาจจะใช้เครื่องมือพวกนี้ในการสร้างแบรนด์ของคุณก็ได้ ลองอ่านเรื่อง Social Media Marketing ของผมนะครับ
#12 Cold Call ยังสำคัญเสมอ
Cold Call หรือการโทรเข้าไปหาลูกค้าที่ไม่รู้จักคุณเลย ก็ยังสำคัญในยุคนี้ ผมเข้าใจว่ามันยากและคุณอาจจะรู้สึกอึดอัดเวลาโดนปฏิเสธแต่การ Cold Call ที่ดีและมีระบบจะเป็นสิ่งที่ดึงยอดขายกลับมาได้แน่นอน วิธีทำ Cold Call มีหลากหลายคุณสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมเลย
#13 หาสินค้าใหม่
หากคุณรู้สึกว่ากลุ่มลูกค้าปัจจุบันอาจจะไม่ได้สนใจสินค้าคุณแล้ว อาจจะเพราะว่ามันแพงไป หรือเพราะว่ามันล้าสมัยไปแล้ว อีกสิ่งที่คุณทำได้คือการหาสินค้าใหม่ขึ้นมาขายแทน และคราวนี้คุณก็ควรเลือกในสิ่งที่ลูกค้าต้องการด้วย ลองดูบทความของผมเรื่อง ขายอะไรดี ให้กำไรเยอะ นะครับ
#14 หาตลาดใหม่
อีกหนึ่งเหตุผลที่ยอดขายคุณไม่เพิ่มก็คือคุณกำลังขายลูกค้ากลุ่มเดิมซ้ำไปซ้ำมาอยู่ ตลาดของคุณเต็มแล้วหรือยัง? ให้ลองออกไปหาลูกค้าเพิ่ม หรือไม่ก็ลองเอาสินค้าคุณไปขายให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ ในพื้นที่ใหม่เลยก็ได้
#15 ปรับราคา
คุณอาจจะต้องปรับราคาให้เหมาะสมกับตลาดของคุณ บางทีราคาอาจจะแพงไป หรือบางทีราคาอาจจะถูกไปด้วยซ้ำ สิ่งที่สำคัญคือปรับราคายังไงให้ยอดขายกับกำไรมากที่สุด ลองเอาทดสอบดูนะครับ
การคำนวณอาจจะยากง่ายขึ้นอยู่กับแต่ละคน สำหรับการทำธุรกิจคำนวณผิดนิดเดียวก็ขาดทุนแล้ว ในส่วนนี้ผมได้ทำ คู่มือเรื่องการคำนวณในธุรกิจ มาให้ทุกคนโหลดอ่านฟรีกันครับ
#16 มูลค่าลูกค้าตลอดชีวิต (Customer Lifetime Value)
หากที่ผ่านมาคุณมัวแต่ดูรายได้ลูกค้าเฉพาะครั้ง คุณอาจจะต้องเปลี่ยนมาวัดผลด้วยการดู ‘มูลค่าลูกค้าตลอดชีวิต’ แทน หากคุณไม่เคยโฟกัสเรื่องการเชิญชวนให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ หรือธุรกิจคุณไม่เอื้ออำนวยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ อาจจะถึงวลาที่ต้องปรับอะไรซักอย่าง สองเรื่องที่ผมแนะนำให้ศึกษาคือ การที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และ การพยากรณ์ยอดขาย
#17 Live สด
ในยุคนี้การทำวิดีโออย่างเดียวมันไม่พอแล้ว การ Live เป็นเทรนใหม่ที่หลายคนมองข้าม หากคุณขายสินค้าที่เหมาะกับการ Live (ส่วนมากจะต้องแสดงวิธีการใช้หรือเป็นสินค้าดูดีที่น่าใช้งาน) ข้อนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ผมมีคู่มือเรื่องอุปกรณ์การ Live สด แนะนำให้อ่านนะครับ แนะนำอุปกรณ์ไลฟ์สดที่ดีที่สุด ราคาไม่แรง สำหรับมือใหม่
#18 เพิ่มช่องทางการขาย
ถ้าคุณคิดว่าช่องทางการขายที่คุณมีอยู่โตไม่ได้แล้ว คุณควรลองหาวิธีการเพิ่มยอดขายแบบใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีหน้าร้าน ถ้าหน้าร้านเก่าคุณอยู่ได้ด้วยกำไรระดับหนึ่งแล้วคุณรู้สึกว่ายอดขายไม่สามารถเพิ่มได้ คุณควรลองคิดเรื่องขยายสาขาเพิ่มดู
#19 แจกน้ำจิ้มฟรี
ถ้าคุณคิดว่าลูกค้าใหม่หายากนัก คุยเท่าไรก็ไม่ซื้อซักทีก็ให้ลองแจกฟรีไปเลย อาจจะไม่ถึงขนาดแจกสินค้าตัวแพงที่สุดแต่แจกพอให้ลูกค้าเข้าใจถึงวิธีการใช้และมูลค่าเบื้องต้นพอ หรือไม่ก็ขายในราคาเท่าทุนแล้วทำโปรโมชั่นจำพวก ‘โปรโมชั่นลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น’ เป็นต้น หากเราลดราคาครั้งแรกเยอะ ลูกค้าก็จะกลับมาต่อราคาใหม่เรื่อยๆ แต่ถ้าแจกฟรีตอนแรกไปเลยเราจะไม่เจอปัญหานี้
#20 ช่องทางและวิธีชำระเงิน
อีกหนึ่งเรื่องที่นักขายคิดไม่ถึงก็คือช่องทางการชำระเงิน ในบางครั้งที่สินค้าเราอาจจะแพงไปหรือเกินงบของเดือนนี้ หากเราสามารถให้บริการบัตรเครดิต ผ่อนจ่าย หรือตีเช็คได้ เราก็อาจจะปิดดีลได้เยอะขึ้น หากเราเป็นร้านค้าออนไลน์เราก็ต้องห้ามลืมว่าลูกค้าบางคนยังโอนเงินกันไม่เก่งนะ บางครั้งเราก็ต้องค่อยๆสอนอย่างใจเย็น
#21 ตั้งหลายราคา
เวลาคุณไปร้านบุฟเฟต์ คุณอาจจะเห็นว่ามันมีหลายตัวเลือกเหลือเกิน โปรราคาถูกที่กินได้ไม่กี่อย่าง โปรราคากลางที่กินได้เยอะหน่อย และโปรราคาแพงที่กินได้ทุกอย่าง นี่เป็นเทคนิกที่ร้านค้าใช้ในการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามความต้องการและความสามารถในการจ่าย หากคุณสามารถปรับโครงสร้างสินค้าและราคาคุณได้ วิธีนี้ก็น่าสนใจมากครับ ผมขอแอบกระซิบบอกหน่อยว่าส่วนมากแพคเกจกลางจะขายดีสุด
#22 รีวิวสินค้า
สมัยนี้ทุกคนสามารถหาข้อมูลสินค้าก่อนซื้อได้ตลอดเวลาในมือถือ และส่วนมากก็จะเชื่อคำรีวิวของใครก็ไม่รู้ในอินเทอร์เน็ตด้วย! คุณสามารถหาคนมารีวิวสินค้าเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการจ้างคนมารีวิว หรือการส่งสินค้าไปให้บล็อกหรือสื่อต่างๆใช้ฟรีก็ตาม หากคุณขายสินค้าในตลาดเฉพาะกลุ่มคุณอาจจะส่งสินค้าให้กับ influencer ต่างๆใน Youtube/Facebook/Instagram ก็ได้ครับ
#23 ลดล้างสต็อก Flash Sales
เวลาคุณไปห้างคุณอาจจะเห็นพวกร้านเสื้อผ้าลดราคากระหน่ำ 50% 70% เป็นเวลาไม่กี่วัน นี่เป็นเทคนิคในการเพิ่มยอดขายในระยะสั้น ข้อดีก็คือเราไม่จำเป็นต้องลดราคาตลอดเวลา แต่ข้อเสียคือถ้าเราทำบ่อยเกินไปลูกค้าจะไม่กลับมาซื้อสินค้าในราคาเต็มอีก
#24 ปรับวิธีคิดค่าจัดส่ง
ถ้าคุณเคยคิดที่จะปรับราคาค่าสินค้า คุณก็อาจจะเคยคิดเรื่องปรับราคาค่าจัดส่งสินค้าด้วย แต่การปรับราคาค่าส่งจะดีกว่าตรงนี้ลูกค้าจะไม่ค่อยบ่นมากเท่าการปรับราคาสินค้า หากตอนนี้คุณคิดค่าส่งอยู่ให้ลองลดค่าส่งหรือไม่ก็ส่งฟรีในบางช่วงเพื่อกระตุ้นยอดขาย
#25 กลับไปคุยกับลูกค้าเก่า
ขายลูกค้าเก่าง่ายกว่าลูกค้าใหม่ สินค้าที่คุณเคยขายอาจจะเสีย พัง หรือตกยุคไปแล้วก็ได้ ให้คุณสร้างระบบการตลาดหรือระบบการขายที่อำนวยให้คุณติดต่อกับลูกค้าเก่าได้ในเรื่อยๆ คุณอาจจะเริ่มด้วยการขอคำแนะนำเพิ่มเติมขากลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าที่คุณเคยขายไปก็ได้ ลูกค้าส่วนมากจะชอบที่คนขายแสดงความใส่ใจหลังการขาย ลองศึกษาเรื่อง บริการหลังการขาย ดูนะครับ รับรองลูกค้ารัก ลูกค้าหลง
#26 ทำโปรโมชั่นร่วมกับบริษัทอื่น
การทำโปรโมชั่นร่วมกับบริษัทอื่น เป็นเทคนิคการตลาดที่มีขั้นตอนยุ่งยากกว่าเดิม แต่ข้อดีก็คือทั้งสองบริษัทสามารถแบ่งข้อมูลฐานลูกค้าระหว่างกันได้ หากคุณกลัวข้อมูลธุรกิจรั่วไหล คุณควรเลือกทำการตลาดร่วมกับบริษัทที่ขายสินค้าใกล้เคียงแทนที่จะทำกับคู่แข่งโดยตรงครับ ถ้าไม่เคยลองแนะนำให้ลองส่งข้อความเข้าไปหาบริษัทที่ขนาดใกล้ๆกับคุณดู
#27 พันธมิตรทางธุรกิจ Strategic Partnership
หากคุณรู้แล้วว่าบริษัทไหนร่วมมือกับคุณแล้วช่วยเพิ่มยอดขายได้ สิ่งที่ควรทำต่อคือพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจให้เป็น พันธมิตรทางธุรกิจ Strategic partnership ระยะยาวไปเลย นอกจากคุณจะได้ยอดขายเพิ่มในระยะสั้นแล้วคุณอาจจะร่วมมือหรือร่วมทุนกันเปิดตลาดใหม่และพัฒนาสินค้าใหม่ก็ได้ แบ่งทั้งความรู้ ทรัพยากร และ รายได้ครับ
#28 ตัดส่วนที่ไม่สำคัญออก
เชื่อหรือไม่ว่าการตัดไลน์สินค้าหรือกลุ่มลูกค้าที่ไม่สำคัญออกจะช่วยให้บริษัทคุณโตได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างบริษัท Apple ได้เลยครับ ก่อนที่ Steve Jobs จะกลับมาในปี 1997 Apple ขายสินค้าอยู่หลายสิบอย่าง แต่พอ Steve Jobs ตัดสินค้าเหลือแค่สี่อย่าง รายได้ของ Appleกลับโตขึ้นเรื่อยๆ บทเรียนของเรื่องนี้ก็คือถ้าเราทำหลายอย่างแล้วเราไม่สามารถโฟกัสได้ เราควรที่จะเลือกสินค้าหรือตลาดที่ดีที่สุดก่อนเสมอ
#29 ค่าใช้จ่ายลูกค้ารายใหม่ (Customer Acquisition Cost)
คุณอาจจะหาลูกค้าได้เยอะ แต่ถ้าเงินที่ลงกับรายได้จากลูกค้าที่ได้มาไม่คุ้มทุน คุณก็ต้องทบทวนแผนการของคุณใหม่ แน่นอนว่าถ้าคุณมีเงินไม่จำกัดคุณก็ใส่ไปได้เลย แต่ถ้าคุณมีงบจำกัดคุณก็ควรจะเอาเงินไปลงในช่องทางที่มีค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่น้อยที่สุด หรือช่องทางที่มีแนวโน้มที่จะโตได้ในอนาคต ถ้าคุณเป็นคนสายวิเคราะห์ ค่าใช้จ่ายลูกค้ารายใหม่ (Customer Acquisition Cost) ก็เป็นตัวเลขที่มาพร้อมกับการคำนวณ ROI ครับ
#30 ฝ่ายการตลาดต้องจับมือฝ่ายขาย
สำหรับบางบริษัท การตลาดและการขายไม่ต่างกันเลย แต่ในความจริงแล้วทั้งสองฝ่ายควรจะมีเป้าหมายและระบบการทำงานที่ไม่เหมือนกันนะครับ แน่นอนว่าเป้าหมายท้ายสุดคือการสร้างยอดขายและทำให้บริษัทโตขึ้น แต่ฝ่ายการตลาดและฝ่ายการขายควรจะอย่างน้อยเข้าใจถึงวิธีทำงานของกันและกัน สื่อสารกันบ่อยๆ และช่วยกันในการพัฒนาฐานลูกค้า การตลาดอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฝ่ายขาย ฝ่ายขายก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ถ้าการตลาดไม่ช่วย
#31 สร้างภาพลักษณ์ให้บริษัทคุณ
การสื่อสารที่สั้นและกระชับที่สุดก็คือการสื่อสารผ่านแบรนด์ ถ้าคุณมีภาพลักษณ์ที่ดี ลูกค้าทุกคนเชื่อใจและติดตามมาตลอด ไม่ว่าคุณอยากจะขายอะไร คุณก็จะมีคนซื้อเสมอ ยกตัวอย่างเช่นบริษัทขายสินค้าแบรนด์เนมต่างๆเป็นต้น บริษัทที่ไม่เคยทำการตลาดประชาสัมพันธ์มาก่อนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเราต้องลงเงินหลายแสนหลายล้านบาทเพื่อให้ข้อมูลลูกค้าฟรีด้วย แต่การสร้างภาพลักษณ์เป็นการลงทุนในระยะยาว หากคุณสามารถแบ่งเงินก้อนหนึ่งมาลงทุนส่วนนี้ได้ทุกปี ไปออกงานต่างๆ รับรองว่าลูกค้าจะกลับมาหาคุณมากขึ้นแน่ๆ
ศึกษาบทความเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจได้ที่นี่ 7 ขั้นตอนการสร้างแบรนด์ที่ลูกค้าติดใจ
บทความนี้เป็นแค่ ‘นำจิ้มของหลักการบริหารธุรกิจ’ หากใครชอบเรียน ชอบศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจ การบริหาร ผมได้เขียนอีบุ๊คเรื่องข้อมูลการทำธุรกิจ ที่ถูกสอนในโรงเรียนบริหารธุรกิจทั่วโลก ผมตั้งใจทำมาก หวังว่าทุกคนจะชอบครับ อีบุ๊ค ฉลาดรู้ ฉลาดทำธุรกิจ
เราเพิ่มยอดขายไม่ได้ถ้าไม่มีลูกค้า
บทเรียนสุดสำคัญสำหรับนักขายก็คือ ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่จะเป็นลูกค้าที่ดี ลูกค้าบางคนจะดูดพลัง เวลา และ กำลังใจของคุณไปหมดโดยที่คุณจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่บาทเดียว หากคุณคิดว่าคุณใช้เวลาและพลังงานไปกับลูกค้ากลุ่มที่ไม่ค่อยยอมติดต่อกลับ ซื้อจำนวนน้อย หรือบ่นเรื่องราคาเรื่อยๆ คุณก็อาจจะหาวิธีคัดกรองลูกค้าใหม่ หรือไม่ก็เปลี่ยนวิธีการเข้าหาลูกค้าของคุณ
ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องทุ่มเวลาและความพยายามของเราให้กับลูกค้าในอุดมคติ ลูกค้าในอุดมคติจะซื้อเร็ว ซื้อบ่อย ซื้อเยอะ แนะนำคนอื่นให้มาซื้อด้วย และยอมที่จะจ่ายมากกว่าเดิมเพื่อการบริการหรือสินค้าของคุณที่ดีกว่า
ยิ่งคุณหาลูกค้าที่ดีได้เยอะ ธุรกิจคุณก็จะไปได้ไกลขึ้น
สำหรับคนที่ชอบบทความบนบล็อกนี้แล้วรู้สึกว่าอยากอ่านเพิ่ม ผมได้ทำ ‘สารบัญ’ ที่เรียบเรียงบทความพื้นฐานในการทำธุรกิจมาให้ทุกคนแล้ว สามารถ โหลดฟรีได้ที่นี่ ครับ